ตอนที่ 4 ปลอบใจหรือไล่ให้ไปตาย?
"ท่านย่าเจ้าขา หลานมาเคารพท่านย่าเจ้าค่ะ"
ฮูหยินใหญ่หลี่ซื่อได้ยินเสียงนี้นางก็โมโหจนแสดงออกมาทางสายตา แต่เพราะว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมนางจึงไม่กล้าแสดงอารมณ์ใดๆออกมา
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?" ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลซูขมวดคิ้วเอ่ยถามขึ้นมา จากนั้นนางหันไปมองแม่นมกุ้ยที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายให้นางออกไปดู ผ่านไปครู่หนึ่งแม่นมกุ้ยก็เดินเข้ามา
"เรียนฮูหยิน เป็นคุณหนูใหญ่ที่มาเจ้าค่ะ นางบอกว่าต้องการมาเคารพฮูหยินท่านเจ้าค่ะ"
แสดงความเคารพหรือ แสดงความเคารพอันใดกัน? ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิด หลี่ซื่อได้ยินว่าเป็นเหมยฮวา นางก็แอบดีใจทันที รู้ว่าเรื่องที่นางได้แอบมอบหมายลงไปให้จี้เป่ยป่าวประกาศนั้นน่าจะได้ผลเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นเหมยฮวาคงไม่ถ่อมาถึงโถงหน้าเช่นนี้
ยัยเด็กนั่นทนความเจ็บปวดที่ถูกถอนหมั้นถึงสองครั้งไม่ไหว น่าจะเมื่อได้ยินเข้าก็รีบมาเอะอะโวยวายคงไม่รู้ว่าเวลานี้ที่นี่พวกนางได้ตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว
แต่เอะอะโวยวายก็ดี หญิงสาวทำให้เรื่องใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ตัวเองเสียหายมากขึ้นเท่านั้น ถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถโทษนางที่เป็นคนดูแลจัดหาคู่ครองที่ต่ำต้อยให้นางได้
หลี่ซื่อกำลังคิดในใจ
"นายหญิงเจ้าคะ คุณหนูใหญ่อาจจะไม่ทราบว่าวันนี้มีแขกก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้ ไม่อย่างนั้นให้ข้าน้อยไปแจ้งแก่คุณหนูใหญ่ให้นางกลับไปก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ" แม่นมกุ้ยเอ่ยถามฮูหยินผู้เฒ่าด้วยความกังวลใจ
เพราะว่ากำลังพูดคุยเรื่องการถอนหมั้นของคุณหนูใหญ่อยู่ นางยังเป็นหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะสมที่จะอยู่ อยู่ดี ในขณะที่ฮูหญิงชรากำลังจะพยักหน้าเห็นด้วย พลันก็ได้ยินเสียงฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกงเอ่ยขึ้นมา
"ไปเชิญคุณหนูใหญ่เข้ามาเถิด ถึงอย่างไรจวนเหวินอ๋องก็เป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเอง ยังไงก็ทำให้คุณหนูใหญ่เสียหาย ตอนนี้คุณหนูใหญ่ก็อยู่ด้านนอกแล้ว ข้าเองก็จะได้ปลอบโยนนางสักสองสามประโยคก็ถือว่าจะได้ปรับความเข้าใจกัน หวังว่านางจะรู้สึกดีขึ้นไม่มากก็น้อย"
"ก็ดี" ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกงเอ่ยออกมาด้วยตนเองแล้ว หญิงชราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ลง
ทางด้านฮูหยินใหญ่หลี่ซื่อแม่เลี้ยงของซูเหมยฮวาเวลานี้นางก็แอบหัวเราะในใจ ด้วยนิสัยที่ไม่ได้เรื่องของเหมยฮวานั่น อีกไม่นานห้องโถงนี้ก็ได้แตกตื่นกันไปหมด ด้วยนิสัยขี้โวยวายของนางแล้ว มีหวังต้องวิ่งชนต้นเสาฆ่าตัวตายอีกเป็นแน่
"แม่นมไปเชิญคุณหนูใหญ่เข้ามา" หญิงชราสั่ง
ทางด้านนอก แม่นมกุ้ยก็ได้ออกไปเชิญเหมยฮวาเข้ามา เหมยฮวาเมื่อนึกถึงเป้าหมายที่ตนเองมาที่นี่แล้ว ริมฝีปากของนางก็ยกยิ้มขึ้นมา สงบสติอารมณ์จากนั้นนางก็เดินก้าวข้ามประตูเข้าไป หลังจากมองเห็นเหล่าฮูหยินที่นั่งอยู่ในห้องโถงอย่างงดงามแล้ว นางก็ไม่มีท่าทีตกใจแม้แต่น้อย
ซูเหมยฮวาโค้งทำความเคารพด้วยกิริยาที่นอบน้อม
"หลานฮวาฮวาเคารพท่านย่า ขอให้ท่านย่าสุขภาพร่างกายแข็งแรง ฮวาฮวา คารวะท่านแม่ คารวะฮูหยินทั้งสอง ท่านผู้อาวุโส ฮวาฮวา ไม่ทราบว่าวันนี้ ฮูหยินทั้งสองและท่านอาวุโสมาเป็นแขก ฮวาฮวาเสียมารยาทมากจริงๆเจ้าค่ะ"
วางท่า คือมารยาทของสตรีชนชั้นสูง ไม่หยิ่งไม่ทำตนให้ต่ำต้อย ไม่ทะนงตน ไม่ใจร้อน ถ้าหากไม่ฝึกฝนมาสักแปดปีสิบปี ย่อมไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน
และในยุคนี้การมองสตรีนั้นก็มองจากการมีคุณธรรม นิสัย กิริยาและหน้าตา การเข้ามาของซูเหมยฮวาถือว่าสมบูรณ์แบบมากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อสักครู่หลี่ซื่อท่านแม่ของนางกลับบอกว่านางสติไม่ดี นี่คือลักษณะท่าทางของหญิงสติไม่ดีกระทำอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกง และฮูหยินใหญ่โจวต่างก็ตกตะลึง แม้แต่โจวกั๋วกงเองก็อดที่จะชื่นชมนางในใจไม่ได้ ทั้งสามต่างมองไปยังหลี่ซื่อ มารดาเลี้ยงของซูเหมยฮวาพร้อมกันโดยไม่นัดหมาย
หญิงชราผู้เป็นแม่สามีก็จ้องมองไปยังลูกสะใภ้ของตนเองด้วยความไม่พอใจในทันที ในใจของหญิงชราเวลานี้อยากจะปล่อยมีดบินเข้าไปห้ำหั่นนางให้เจ็บปวดเสียเหลือเกิน เห็นๆอยู่ว่าหลานสาวของนางยังคงเป็นสตรีที่ปกติ มีคุณธรรม และหน้าตาที่สะสวยเพียบพร้อม จู่ๆมากล่าวหาว่านางนั้นไม่ปกติได้อย่างไรกัน
หลี่ซื่อสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที นางมองออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ ซูเหมยฮวาผู้ที่สวยงาม เพียบพร้อมที่อยู่ในห้องโถงเวลานี้ ใช่คนเดียวกับก่อนหน้านี้หรือ
เพราะเหมยฮวาจะไม่รู้จักมารยาท ไร้คุณธรรม ไร้ความรู้ใดๆ เพราะตัวนางเองไม่เคยสั่งสอนกิริยามารยาทให้เลยตั้งแต่เล็กจนโต ยิ่งการร่ำเรียน ความมีคุณธรรมต่างๆยิ่งแล้วใหญ่ ที่ผ่านมาเหมยฮวาไม่เคยได้เรียนรู้เลย เพราะปกตินางจะให้เพียงบุตรสาวของนางเท่านั้นที่ได้ร่ำเรียนสิ่งเหล่านั้น
แล้วตอนนี้ เหมยฮวาไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากไหนกัน?
"คุณหนูใหญ่เหมยฮวา ท่านลุกขึ้นมาเถิด วันนี้ได้เจอหน้าจึงได้เห็นว่า คุณหนูใหญ่นั้นสง่างามมากเพียงใด กลายเป็นว่า รัชทายาทของข้าไม่มีวาสนาเองแล้ว" หลังจากฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกง พิจารณาเหมยฮวาอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดนางก็ได้เอ่ยชื่นชมขึ้นมา
และในใจเวลานี้ก็เกิดความรู้สึกดูถูกเหยียดหยามต่อฮูหยินเฉิงเสี้ยงหลี่ซื่อ อย่างอดไม่ได้ เรื่องที่แม่เลี้ยงรังแก ทารุณลูกเลี้ยงนั้น แน่นอนว่าพวกนางต่างก็เคยได้ยินมาก่อน
แต่กับลูกสาวที่แสนดีเช่นนี้ กลับมาพูดต่อหน้าแขกว่านางนั้นสติไม่ดี แม่เช่นนี้ก็ถือว่า เป็นแม่ที่มีจิตใจโหดเหี้ยมมากแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่า เฉิงเสี้ยงที่เป็นผู้มีไหวพริบ ฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนั้น เหตุใดถึงได้แต่งงานกับหญิงที่ไม่รู้จักรักษาหน้าตาของวงศ์ตระกูลเช่นหลี่ซื่อผู้นี้ได้
รู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาของฮูหยินสองท่านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จู่ๆใบหน้าของหลี่ซื่อก็ร้อนผ่าวอับอายขายหน้าขึ้นมา นางสงบสติอารมณ์เอาไว้จากนั้นก็ฝืนยิ้มขึ้นมา
นางลุกขึ้นแสร้งทำเป็นยินดี เอ่ยขึ้นว่า "ฮวาฮวาลูกสาวคนดีของแม่ คิดไม่ถึงว่าอาการป่วยของเจ้าจะหายดีแล้ว"
ดวงตาของเหมยฮวามีความเยือเย็นแวบขึ้นมา นางมองใบหน้าที่เสแสร้งของแม่เลี้ยงที่เดินมาหยุดตรงหน้าของนาง จากนั้นนางก็แกล้งทำเป็นอธิบายว่า
"ป่วย? ท่านแม่ท่านพูดตลกแล้ว ลูกป่วยตั้งแต่เมื่อไหร่กันเจ้าคะ ท่านแม่คงยุ่งวุ่นวายกับงานในจวนมากเกินไป เลยลืมไป"
สีหน้าของหลี่ซื่อบูดบึ้ง นางแอบด่าเหมยฮวาในใจว่าไม่รู้จักสังเกตุสีหน้าของคนเลย หลี่ซื่อทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วพยักหน้าขึ้นลง "อืม...แม่ อาจจะลืมไป"
ถูกเปิดโปงความจริงต่อหน้าผู้คนมากมาย หลี่ซื่อโมโหจนเจ็บหน้าอก แต่นางพยายามกักเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ให้ปรากฎออกมาทางสีหน้า นั่นกลับยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่อยากจะยอมแพ้เลย
นางทำทีสนิทสนมกับเหมยฮวา จับมือของเหมยฮวาเดินออกหาบรรดาแขก
"มานี่สิ แม่จะแนะนำแขกให้เจ้ารู้จัก" เหมยฮวาแสร้งว่าง่ายเดินตามหลี่ซื่อไปที่โต๊ะที่แขกจากจวนเหวินอ๋องนั่งอยู่ จากนั้นหลี่ซื่อก็เอ่ยขึ้น
"ท่านนี้คือ ฮูหยินใหญ่กั่๋วกง ท่านนี้คือ กั๋วกงใหญ่ และฮูหยินใหญ่ของท่านกั๋วกง โจวฮูหยิน ที่พวกท่านมาในวันนี้นั่นก็เป็นเพราะ เหวินอ๋องต้องการที่จะถอนหมั้นกับลูก ลูกอย่าได้เสียใจไปนะ
ถึงแม้ว่าองค์รัชทายาท กับท่านเหวินอ๋องต่างมองไม่เห็นคุณค่าในตัวของเจ้าทำให้เจ้าโดนถอนหมั้นติดต่อกัน ทำให้ลูกต้องอับอายจนต้องกระโดดน้ำฆ่าตัวตายไปแล้วครั้งหนึ่ง
แต่ลูกสาวของจวนเฉิงเสี้ยงของแม่จะมีเหตุผลที่ไม่สามารถแต่งออกไปได้อย่างไรกัน"
ได้ยินเช่นนั้นเหมยฮวามุมปากกระตุกขึ้นมาทันที นี่คือคำพูดปลอบคนของนางอย่างนั้นหรือ เห็นได้ชัดว่านางกำลังพูดแทงใจดำของเหมยฮวาอยู่ นางกำลังยั่วยุให้เหมยฮวาเสียใจ อับอายและฆ่าตัวตายอีกครั้งอย่างนั้นหรือ
......
