ตอนที่ 3 นางเป็นสตรีสติไม่ดี
ซูเหมยฮวายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อนางนึกถึงเรื่องที่กำลังจะโดนถอนหมั้นในวันนี้ นี่ก็เป็นโอกาสที่เหมาะเช่นเดียวกัน
"ในเมื่อมีคนบอกข่าวดีกับพวกเราฟรีๆเช่นนี้ เราจะไม่ถือโอกาสใช้มันสักหน่อยหรือ ไปๆไปดูที่ลานเสี่ยวจูกัน"
อิ่นเอ๋อได้ยินผู้เป็นนายกล่าวเช่นนั้นางก็ตกใจ "คุณหนูเจ้าคะ เวลานี้คงไม่เหมาะกระมัง"
ซูเหมยฮวาเบะปาก "มีอะไรไม่เหมาะกัน เมื่อครู่ตอนที่เจ้าเดินผ่านมาไม่ได้ยินอะไรเสียหน่อย กลับมาก็ไม่ได้บอกอะไรข้า ข้าแค่เพียงต้องการไปเคารพท่านพ่อก็เท่านั้นเอง"
อินเอ๋อฟังเหมือนจะเข้าใจ เมื่อนางพิจารณาอย่างถี่ถ้วนคุณหนูของนางไม่เสียเปรียบอันใด นางจึงพยักหน้าเห็นด้วย ช่วงนี้เป็นช่วงเดือนสี่ ดอกไม้ในจวนเฉิงเสี้ยงกำลังเบ่งบาน สวยงาม
ซูเหมยฮวาเดินนำอินเอ๋อผ่านสวนดอกไม้ในจวนไปยังห้องโถงใหญ่ด้านหน้า ซึ่งเวลานี้ ที่ห้องโถงใหญ่นั้นกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องการถอนหมั้น บรรดาผู้ใหญ่จึงต่างพากันอยู่ในนั้น
คนที่จวนเหวินอ๋องผู้ที่มาในวันนี้เป็นกั๋วกงฮูหยินผู้เฒ่า ที่มีศักดิ์เป็นท่านยายของเหวินอ๋อง และโจวกั๋วกงบุตรชายซึ่งเป็นท่านลุงของเหวินอ๋อง
บุคคลทั้งสองต่างเป็นผู้มีชื่อเสียงน่าเกรงขาม คำพูดคำจาจึงค่อนข้างละเอียดถี่ถ้วน
วันนี้เมื่อคนจากจวนเหวินอ๋องเข้ามาที่ห้องโถงของจวนเฉิงเสี้ยง คนจากจวนเฉิงเสี้ยงก็รู้สึกว่า การเจรจาถอนหมั้นในครั้งนี้ทางจวนเหวินอ๋องก็ได้ไว้หน้าตระกูลซูมากพอตัว ต่างฝ่ายต่างไม่อยากทำลายความรู้สึกของกันและกัน
ดังนั้นการถอนหมั้นนี้คิดไม่ถึงว่าทุกคนต่างมีความรู้สึกคล้ายๆกัน
"จะว่าไปแล้ว ฮวาฮวาของเราก็ไร้บุญวาสนาที่จะแต่งเข้าตระกูลสูงส่ง ได้เพียงหวังว่าสักวันหนึ่งจะพบคู่ครองที่เหมาะสมกัน"
ฮูหยินใหญ่จวนเฉิงเสี้ยง หลี่ซื่อ กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ ถึงแม้นว่าสีหน้าของนางจะดูผิดหวังเสียใจ แต่ในใจกลับปกปิดความดีใจที่คนอื่นโชคร้ายเอาไว้ไม่ได้
เนื่องด้วยฮูหยินใหญ่คนแรกของจวนตระกูลซูเฉิงเสี้ยง อวิ๋นซื่อ มารดาของเหมยฮวานั้นป่วยไข้และเสียชีวิตลงไปเป็นเวลานานแล้ว นางซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของจวนตระกูลขุนนางใหญ่เช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรก็แต่งเข้ามาภายหลัง
บวกกับหลายปีมานี้เห็นหน้าตาของบุตรสาวอวิ๋นซื่อเริ่มงดงามขึ้นทุกวัน อีกทั้งยังได้เป็นคู่หมั้นขององค์ชายรัชทายาทอีก ถึงแม้ว่านางจะถูกรัชทายาทถอนหมั้นไปแล้ว แต่วาสนาของนางนั้นยังจะได้เป็นคู่หมั้นของเหวินอ๋องอีก
ในใจของนางก็เหมือนกับมีหนามทิ่มแทง เหมือนมีก้างปลาติดอยู่คอ นางรู้สึกอึดอัดเสียเหลือเกิน โชคดีที่เหมยฮวานั้นไม่ได้มีพรสวรรค์ใดๆ นางไม่ได้สืบทอดความสามารถและชื่อเสียงจากมารดาของนาง
โชคดีที่เหมยฮวานางเป็นเพียงสตรีไร้ความสามารถ คนไร้ค่า ไม่เพียงแต่ถูกองค์ชายรัชทายาทถอนหมั้นเวลานี้ยังโดนเหวินอ๋องขอถอนหมั้นอีก ชีวิตในอนาคตของนางคงไม่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
กลับกันอนาคตของบุตรสาวของนางกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างสวยงาม และจะเหยียบเหมยฮวาจนจมลงไปกับดิน
"แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะพูดเช่นนี้ แต่เรื่องนี้ก็ได้ทำให้คุณหนูใหญ่ตระกูลท่านเสียเวลา" ฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกงกล่าว
ในเวลานั้นเอง ฮูหยินโหวซื่อหรือป้าสะใภ้ของเหวินอ๋องก็กล่าวขึ้น "ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่ของซูเฉิงเสี้ยงอายุก็ใกล้จะเข้าสู่วัยปักปิ่นแล้ว ถ้าหากเฉิงเสี้ยงและฮูหยินไม่รังเกียจ ตระกูลโหวของข้ามีหลานๆที่ไม่เลวอยู่หลายคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน
ก็สามารถให้เฉิงเสี้ยงและฮูหยินพิจารณาดูได้"
ญาติของฮูหยินโหวนั้นถึงแม้จะไม่ใช่พวกขุนนางใหญ่โต แต่ก็เป็นบัณฑิตที่เที่ยงธรรม มีคุณธรรมอันดับต้นๆ คนอื่นๆแม้จะอยาได้มาครอบครองก็ขอมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
นี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
แต่หลี่ซื่อได้ยินเช่นนั้นนางก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ นางอุตส่าห์ได้เห็นเหมยฮวาซวยซ้ำซวยซ้อนติดต่อกันในช่วงนี้บ่อยครั้ง นางก็ยังรู้สึกไม่สะใจเลย แต่อย่างน้อย เหมยฮวาก็ได้แต่งกับคนธรรมดา ต่ำต้อยกว่าบุตรสาวของนางจากนี้ไป เหมยฮวาผู้ต่ำต้อยก็จะถูกนางสองแม่ลูกเหยียบย่ำไปตลอดชีวิต แล้วจะปล่อยให้นางพลิกชีวิตกลับมา แต่งกับตระกูลโหวได้อย่างไร
ทันใดนั้น หลี่ซื่อก็ส่ายหน้าพลางถอนหายใจเอ่ยขึ้นว่า
"ฮูหยินโจวมีน้ำใจแล้ว เพียงแต่ท่านยังไม่รู้ว่าครั้งก่อนที่องค์ชายรัชทายาทถอนหมั้นฮวาฮวานางก็ได้กระโดดน้ำฆ่าตัวตายแต่ยังดีที่ช่วยเอาไว้ได้ทัน
แต่ถึงแม้ว่านางจะปลอดภัยแต่พอฟื้นขึ้นมานางก็สติไม่ค่อยดี ข้าเกรงว่า..."
"แค่กๆ....." พลันเสียงกระแอมไอก็ดังขึ้น
พลันก็เห็นว่าหญิงชราที่นั่งเงียบมาตลอดในห้องรับแขก จ้องไปยังหลี่ซื่อลูกสะใภ้ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรแวบหนึ่ง จากนั้นนางก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
"ฮวาเอ๋อ พักผ่อนอยู่ที่เรือนตลอด สติไม่ดีตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"ท่านแม่โปรดให้อภัยลูกด้วย ลูกสะใภ้ผิดไปแล้ว เพียงแต่...พฤติกรรมช่วงหลายวันนี้ของนาง ช่างไม่เหมือนกับที่ผ่านมาจริงๆ เหล่าบ่าวรับใช้ต่างก็พากันเกรงว่าท่านแม่จะเป็นกังวลล้มป่วยไปอีกเลยไม่ได้ไปรายงานให้ท่านทราบ
แต่ลูกก็ได้ให้พ่อบ้านไปเชิญท่านหมอมาดูอาการและได้จัดเทียบยาให้นางดื่มแล้ว ท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลนะเจ้าคะ" หลี่ซื่อก้มหัวลง ทำตัวเป็นแม่ที่ดี
หญิงชราหลัวซื่อ เดิมทีพักผ่อนอยู่แต่ในเรือนด้วยเพราะร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยเรื้อรังไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในจวนมานานหลายปีแล้ว แต่ครั้นเมื่อได้ยินสะใภ้กล่าวเช่นนี้ในใจของนางก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
แววตาผิดหวังฉายชัดขึ้นมาในดวงตาของหญิงชรา พลันในใจก็รู้สึกว่า หลานสาวคนนี้ช่างไม่ได้เรื่องเสียจริงๆ แค่เพียงโดนถอนหมั้นแค่นี้ถึงกับต้องฆ่าตัวตายเลยหรือ หนำซ้ำต้องมากลายเป็นคนสติไม่ดี ปล่อยให้คู่แต่งงานดีดีที่ฮูหยินโจวซื่อหาให้ หลุดมือไปอย่างง่ายดาย
"เช่นนั้น ดูเหมือนว่าคุณหนูใหญ่จวนเฉิงเสี้ยงคงจะแต่งงานไม่ได้แล้ว" โหวซื่อภรรยาโจวกั๋วกงเอ่ย
จากนั้นนางก็หันไปสบตากับแม่สามีแวบหนึ่ง หญิงสาวอับอายจนฆ่าตัวตายเพราะถูกทางครอบครัวของฝ่ายชายถอนหมั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่หญิงสาวที่สติไม่ดีจะไปพูดเรื่องแต่งงานกับนางได้อย่างไร พูดได้เพียงว่านางไม่มีวาสนาพอ
"ในเมื่อเป็นเช่นนั้น......" ฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกงยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร จากนั้นนางก็หยิบกล่องไม้จันทร์แสนประณีตจากมือของมามาที่ยืนอยู่ข้างๆออกมากล่องหนึ่ง
เมื่อเห็นฮูหยินผู้เฒ่ากั๋วกงหยิบของออกมา ฮูหยินใหญ่หลี่ซื่อก็ตาเป็นประกายทันที ทำให้แม่สามีที่นั่งมองอยู่เกิดความไม่พอใจขึ้นมา นางมองลูกสะใภ้ด้วยความไม่พอใจแวบหนุ่ง
และในตอนนั้นเอง ทางด้านอกประตูจู่ๆก็มีเสียงใสกังวาลดังเข้ามา
"ท่านย่าเจ้าขา หลานมาแสดงความเคารพท่านย่าเจ้าค่ะ"
เมื่อเสียงหวานใสนี้ดังขึ้น ก็ขัดจังหวะการสนทนาของคนด้านในห้องทันที
......
