บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ครั้งนี้นับว่านางฉลาด

สะพานไม้ทอดตัวเป็นทางเดินจากพื้นดินยาวไปกลางน้ำ มีศาลาไม้สไตล์จีนโบราณทรง 8 เหลี่ยม ที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบแม่น้ำถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาและหน้าผาสูงต่ำสลับกัน มีต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวดูสดชื่นที่ปกคลุมไปด้วยไอหมอกเหนือผิวน้ำ ที่นี่คือบริเวณหลังตำหนักหยกขาวเจ้าของตำหนักแห่งนี้ไม่ใช่ใครนอกจากชายที่อยู่ในบริเวณกลางศาลาแห่งนี้ ลี่หยางเจ้าสำนักวารีหยกกำลังนั่งดีดกู่เจิงอย่างเพลิดเพลิน แต่เเล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล ทำให้เขาต้องหยุดบรรเลงจากนั้นลุกขึ้นและยืนหันหน้าชื่นชมทิวทัศน์เบื้องหน้า

“เป็นอย่างไรบ้าง”

เสียงทุ้มกล่าวออกมาโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับมามองคนที่พึ่งมาเยือนเมื่อสักครู่นี้

“นางไม่ยอมรับคำสารภาพขอรับ”

เสียงนุ่มกล่าวออกมา ผู้ที่มาเยือนคือรองเจ้าสำนักเฟยซิ่น จากนั้นเล่าเรื่องและเหตุผลการณ์ต่างๆ ให้ลี่หยางเจ้าสำนักฟังอย่างละเอียด เรื่องที่เหล่านั้นคือเรื่องของซูเชี่ยวในวันนี้นั่นเอง

“อืม ครั้งนี้นางนับว่าฉลาดที่สามารถหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองได้ ปล่อยนางไปก่อน”

เสียงทุ้มกล่าวออกมาและหันหน้ามามองเฟยซิ่น แล้วยิ้ม

ชายตรงหน้าคือลี่หยางเจ้าสำนักวารีหยก ใบหน้ารูปไข่ ผมยาวดำถึงกลางหลังพรื้วไหว ครึ่งบนถูกมัดรวบและครอบด้วยเครื่องประดับสีทองปล่อยหางม้าที่มัดให้สยายไปกับผมยาว ผมด้านหน้าถูกปล่อยออกมาเล็กน้อยช่วยเพิ่มความสง่างาม คิ้วเข้มดำหนาเรียงตัวสวย ดวงตาสีน้ำตาลแดงคมกริบ ขนตายาวยิ่งทำให้เวลาคนมองแล้วรู้สึกอบอุ่นและหนาวเย็นยะเยือกไปพร้อมกัน จมูกโด่งได้รูป เรียวปากไม่หนาไม่บางเกินไปเข้ากับใบหน้าได้ดี ทำให้คนที่พบเห็นไม่สามารถละสายตาได้ กิริยาการยืนดูมั่นคงภูมิฐาน เสื้อผ้าเนื้อดีสีดำยาวตัดกับผิวขาวยิ่งทำให้ดูสง่างามหาใครเทียบ

“ครั้งนี้นางทำเกินไปจริงๆ ท่านไม่ควรปล่อยไว้แบบนี้อีก นางชื่นชอบท่านมากจนกระทำตัวเกินขอบเขต…” เฟยซิ่นยังพูดไม่จบและกลับต้องหยุดพูดเมื่อลี่หยางยกมือห้ามไม่ให้พูดต่อ

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย หากมีครั้งต่อไปส่งนางกลับจวนท่านแม่ทัพ” ลี่หยางกล่าวออกมาเสียงเรียบและหยิบแก้วชาที่เฟยซิ่นพึ่งรินให้เมื่อสักครู่ยังมีควันจางๆ ลอยออกมา ยืนหันหลังยกชาขึ้นดื่มมองทิวทัศน์อันสวยงามและสงบด้านหน้าเงียบๆ โดยไม่มีเสียงของทั้ง2ดังขึ้นอีก

ด้านซูเชี่ยวหลังจากที่โดนทำโทษด้วยการโบย 15 ไม้ ก็ใช้เวลากว่า 2 เค่อในการหอบสังขารกลับมาที่ห้อง โดยที่ไม่มีใครคิดที่จะพยุงนางกลับมาเลยเพราะหญิงสาวทำผิดมาหลายครั้งในร่างเก่าบ่าวรับใช้จึงถูกส่งกลับไปหมด และศิษย์ร่วมสำนักก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นนางมารร้ายอย่างนาง จึงต้องช่วยเหลือตัวเองอย่างยากลำบาก พอกลับมาถึงห้องหญิงสาวจึงค่อยๆ เดินไปหาตามลิ้นชักเพื่อหายามาทา

หญิงสาวเปิดหาไม่นานก็พบ เป็นขวดยาสีขาวที่มีชื่อเขียนไว้ข้างในเป็นผงละเอียดสีขาว โชคดีหน่อยที่มีชื่อเขียนไว้ว่าเป็นยาอะไร ด้วยการแพทย์ในโลกนี้แตกต่างจากโลกปัจจุบันมาก อย่างยาสามัญประจำบ้านในโลกก่อนแตกต่างกันลิบลับ

นางค่อยๆ ดันร่างกายให้ไปนอนบนเตียง และถอดเสื้อผ้าออกเผยให้เห็นผิวหนังด้านหลังที่ถลอก มีเลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัวชวนขนลุก หญิงสาวแล้วค่อยๆ เทยาลงไปช้าอย่างทุลักทุเล

“อ๊ากกกกก แสบชะมัด”

หญิงสาวร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อผงสีขาวถูกแผลนางนิดเดียวเท่านั้น พลางคิดว่ายาพิษหรืออย่างไรขืนทาทั่วหลังมีสิทธิ์ทนไม่ไหวจนตายก็เป็นได้ คนที่นี่ก็กระไรโบยเจ็บชะมัดตีแค่ไม้เดียวข้าก็ไม่กล้าทำอีกแล้วล่ะ นางไม่กล้าที่จะใส่ยาอีกแม้แต่นิดเดียวเพราะมันทั้งแสบและทรมานเกินไป ทำได้เพียงใส่ผ้าชุบน้ำและค่อยๆ เช็ดบริเวณแผล

ก๊อกๆ!!

เสียงเคาะประตูดังออกมา ทำให้หญิงสาวที่ตั้งใจเช็ดแผลสะดุ้งจนเผลอเอาผ้าไปโดนแผลแรง จนส่งเสียงซี๊ด~ ออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บและแสบที่แผล

“ใคร”

ซูเชี่ยวส่งเสียงถามออกไป และเอาผ้าห่มที่อยู่ข้างๆ ปิดร่างกายเอาไว้

“ข้าเจียอี่ ท่านรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นให้ข้าเอายามาให้”

เสียงหญิงสาวที่อยู่หน้าห้องส่งเสียงดังเข้ามา

“เชิญแม่นางเจียอี่”

ซูเชี่ยวกล่าวออกมาเสียงเรียบ เจียอี่เปิดประตูเข้ามาด้านใน หน้าตานางไม่ถึงกับสวยแต่ออกแนวน่ารักและดูปราดเปรื่อง เจียอี่มองไปรอบๆ ห้องที่ไม่กว้างไม่เล็กจนเกินไป เป็นครั้งแรกที่นางได้เข้ามาในห้องนี้ เพราะปกติศิษย์ในสำนักจะได้นอนห้องล่ะ 3 คน แต่ซูเชี่ยวได้นอนคนเดียวเพราะนางใช้อำนาจทางครอบครัว เจียอี่เดินมาหยุดที่หน้าเตียงของซูเชี่ยวและวางถาดยาที่นางถือมาวางที่โต๊ะข้างเตียง

“เจ้าทาเช้าเย็นไม่เกิน3วันแผลจะตกสะเก็ดและหายดี”

เจียอี่กล่าวออกมาและทำท่าจะก้าวขากลับไป

“ขอบคุณเจ้ามากแม่นางเจียอี่”

ซูเชี่ยวกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ และหยิบยาที่เจียอี่นำมาอย่างสงสัยว่ามันใช้ยังไง

“เจ้าว่ายังไงนะ ขอบคุณงั้นเหรอ”

เจียอี่ที่กำลังจะก้าวขาออกไปต้องหยุดชะงักและหันกลับมามองว่าใช่ซูเชี่ยวที่ได้ฉายาว่านางมารร้ายคนนั้นรึเปล่า

“อะไรของเจ้า ข้าก็พูดว่าขอบใจเจ้าอย่างไรเล่า”

ซูเชี่ยวพูดโดยไม่หันมามองหน้าเจียอี่อีก แต่กำลังสนใจยาที่นางเอามาให้ มี 2 อย่าง คือถ้วยยาที่น้ำด้านในสีออกน้ำตาลๆ นี่น่าจะเป็นยาสมุนไพรต้มที่ไว้กิน อีกถ้วยเป็นยาผงสีออกส้มอิฐที่ละลายน้ำมาแล้วมีเนื้อเหลวไม่มากน่าจะเป็นยาสมุนไพรที่ใช่ทาแผล

เจียอี่ที่ยังอึ้งอยู่มองมาที่นางอย่างจับผิดทางสีหน้าแต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติ หรือการฝืนใจในการพูดใดๆ จึงถอนหายใจและเดินเข้ามาใกล้

“ถ้วยนี้เจ้าดื่ม ส่วนอีกถ้วยเจ้าเอาไว้ทา”

เจียอีชี้ไปทิศทางถ้วยขณะที่พูด ซึ่งเป็นอย่างที่ซูเชี่ยวคิดไว้ไม่มีผิด ซูเชี่ยวที่นอนอยู่กำลังจะหยิบอีกถ้วยเพื่อมาทาแต่ก็ยังทำท่าทุลักทุเลเพราะยังเจ็บและเเสบอยู่มาก เจียอี่ที่เห็นท่าเก้ๆ กังๆ ของนางก็รู้สึกสงสาร นางคิดว่าซูเชียวที่แต่ก่อนนางมีคนคอยรับใช้ แต่ตอนนี้ถูกส่งกลับจวนหมดแล้วแถมท่าทางนางตอนนี้ก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรจึงหยิบยาจากมือของซูเชี่ยวมา

“เจ้าทานยาในถ้วยนั้นก่อน มันช่วยให้เจ้าลดอาการปวด แก้อักเสบ และป้องกันไม่ให้เจ้าเป็นไข้ ไม่สบาย แล้วเดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าทายา ที่แผลให้”

เจียอี่พูดออกมาในที่สุด ซูเชี่ยวเพียงทำตามที่เจียอี่บอกทานยาจากนั้นนอนคว่ำให้เจียอี่ทายาที่แผลให้ ตอนที่เจียอี่ทายาให้หญิงสาวทำใจยอมรับความเจ็บปวดแบบคราที่นางทาเองอย่างเต็มที่ กลับไม่รู้สึกเจ็บแสบแบบที่นางคิดไว้ แต่รู้สึกเย็นสบายบริเวณที่ทาแทน

“ต่อไปตอนเจ้าทาก็เช็ดแผลให้สะอาดก่อน และผงยาในขวดที่ท่านรองเจ้าสำนักเฟยซิ่นให้มาผสมน้ำลงไปเล็กน้อย อย่าทาบริเวณปากแผลให้ทาข้างๆ”

เจียอี่พูดออกมาและนำผ้าห่มปิดร่างกายให้นาง เกรงว่าหญิงสาวน่าจะทำอะไรไม่เป็นเพราะแต่ก่อนมีบ่าวค่อยรับใช้ตลอด

“หากเจ้ามีอะไรเรียกข้าได้ ข้าอยู่ห้องตรงข้ามเจ้า อ้อ ท่านเฟยซิ่นให้ข้ามาบอกเจ้าด้วยว่า 2วันนี้เจ้าไม่ต้องไปเรียนหรือทานอาหารเช้าร่วมกับคนในสำนักก็ได้ รอให้แผลเจ้าหายดีกว่า”

เจียอี่กล่าวออกมาเสียยาว

“ได้ ขอบใจเจ้าอีกครั้ง

ซูเชี่ยวกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงการขอบคุณที่จริงใจ เจียอี่เพียงพยักหน้าแล้วเดินออกไป หลังจากที่เจียอี่ออกซูเชียวก็ค่อยๆ เช็ดเนื้อตัวเพราะนางยังอาบน้ำไม่ได้ไม่งั้นแผลจะโดนน้ำและไม่หาย นี้เป็นสิ่งที่รู้กันทั่วไปในโลกปัจจุบันที่นางอยู่ พลางคิดไปด้วยว่าอย่างน้อยวันนี้นางก็ยังโชคดีที่เจอเจียอี่ โลกใบนี้ก็ไม่ได้ใจร้ายกับทุกนางคน หลังเช็ดตัวเสร็จนางก็หลับอย่างเหนื่อยล้า

.

3 วันผ่านไป

ซูเชี่ยวหายจากอาการเจ็บ และแผลเริ่มตกสะเก็ดจนหมดแล้วโดยไม่มีแผลเป็นเหลือเลย เหลือเชื่อมากยานั้นวิเศษเกินจริงมากถ้าเป็นโลกปัจจุบันคนที่ทำยาชนิดนี้เป็นนะคงเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว วันนี้หลังจากที่นางทานข้าวเช้าพร้อมกันกับคนในสำนักแล้ว ซูเชี่ยวก็เข้ามาเรียนทฤษฎีในห้องร่วมกับศิษย์คนอื่นนางทำได้แค่นั้นสัปหงก เพราะไม่เข้าใจเลยสักนิด แค่เรื่องง่ายๆ อย่างการโคจรพลังในร่างกายนางยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรถึงทำได้แค่นั่งดูคนอื่นจนจบคาบเรียน หลังเรียนเสร็จหญิงสาวตรงกลับมาที่ห้องอย่างเดียว โดยที่ไม่สนใจที่จะไปไหนทั้งนั้นเป็นแบบนี้มา 1 เดือนแล้ว เพราะนางไม่อยากที่จะยุ่งและสุงสิงหรือมีปัญหากับใครอีก ส่วนทางด้านเจียอี่หลังจากที่วันนั้นพอนางหายก็พยายามเข้าหาเจียอี่ขอเป็นเพื่อนกับนาง แต่นางก็ยังไม่รับซูเชี่ยวเป็นเพื่อนอย่างจริงใจ ยังไม่เชื่อว่าซูเชี่ยวจะเปลี่ยนใจกลับมาเป็นคนดีได้ เพราะคิดว่านางอาจมีแผนการอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ขับไล่ไสส่งซูเชี่ยวไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel