บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 19 นางมีความลับปิดบังอย่างที่ท่านเจ้าสำนักกล่าวไว้

หลังจากวันนั้น ตอนนี้ซูเชี่ยวมีเพื่อนชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน นางยอมรับชายหนุ่มโดยที่ไม่ได้รู้จักพื้นเพเขาเลยแม้แต่น้อย ดูจากลักษณะนิสัยของเจียวซิ่นเขาเป็นคนค่อนข้างซื่อตรงแถมยังเรียนเก่งมากด้วย ถึงแม้ว่าพลังภายในไม่ถือกับเก่งมากแต่ก็ยังนับว่ามีฝีมือ

ตลอด3วันที่ผ่าน รองเจ้าสำนักเฟยซิ่นทำการคัดเลือกศิษย์ในสำนักที่มีฝีมือโดดเด่นที่สุด28คน หนึ่งในนั้นย่อมมีเจียอี่หนึ่งในศิษย์หญิงที่มีฝีมือด้านพลังภายในมากที่สุดที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าศิษย์ชายและแน่นอนก็รวมถึงนางและเจียวซิ่นที่สอบได้คะแนนเป็นลำดับ 1 ทั้งสองคนรวมเป็น 30 คนพอดี

การฝึกตลอด 3 วันมานี้หน้าที่หลักๆ ของนางมีเพียงวิ่งวุ่นไปทั่วไม่ว่าจะเป็นวิ่งเก็บลูกธนูบ้าง ยกของหนักบ้างและเเอบสังเกตการฝึกของศิษย์ทุกคนขณะซ้อม แล้วนำไปปฏิบัติตามเมื่อกลับห้องพักโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งแอบยืนมองดูนางอยู่ ลี่หยางยืนไขว้มือไว้ที่หลังวันนี้เขาก็เข้ามาดูการฝึกฝนเช่นเดิมเหมือนทุกวัน ศิษย์ทั้งหลายที่เห็นเขาเข้ามาคอยดูแลด้วยตัวเองก็ต่างพากันแสดงฝีมือออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

“เรื่องที่ให้ไปสืบเป็นอย่างไรบ้าง” ลี่อย่างเอ่ยถามเฟยซิ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ

“นางมีความลับปิดบังอย่างที่ท่านเจ้าสำนักกล่าวไว้ไม่ผิดขอรับ เมื่อถึงยามเฉินที่บริเวณหน้าต่างห้องพักนางมักมีแสงสีขาวสว่างออกมาจากช่องรูทุกคืน แต่เมื่อคนที่ข้าส่งไปสืบพยายามเข้าไปใกล้ เหมือนนางจะรู้ตัวจึงได้แต่สังเกตอยู่ไกลๆ” เฟยซิ่นรายงานลี่หยางเมื่อเขาให้ลูกน้องคนสนิทอย่างจางหมิงไปสืบมาด้วยตัวเอง ย่อมไม่มีความผิดพลาดแน่ลี่หยางพยักหน้ารับรู้และมองไปที่ซูเชี่ยวที่ตอนนี้กำลังยืนเช็ดคันธนูอยู่กับเจียวซิ่น และพูดคุยหัวเราะอย่างสนุกสนาน

“คอยสังเกตนางต่อไป” ลี่หยางพูดขึ้นและเดินเข้าไปที่กระโจมที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราว ณ สถานที่ที่ใช้ฝึกซ้อมเป็นพิเศษในครั้งนี้ ลี่หยางเข้ากระโจมมาและนั่งมองกระดานหมากที่ยังเดินไม่จบ ทำให้เขานึกถึงซูเชี่ยวและเย่วซือในตอนนั้นที่ทั้งสองสามารถเอาชนะเขาได้ เขายังไม่ทันได้เอ่ยปากถามเย่วซือเจ้าสำนักเพลิงอัคคี ชายหนุ่มก็หนีกลับก่อน เรื่องนี้ทำให้เขายังขัดข้องใจอยู่ว่าพวกเขารู้จักกันได้อย่างไร เขารู้นิสัยของเย่วซือดีชายหนุ่มมักไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับผู้ใดเป็นเพื่อนมากนัก ด้วยนิสัยใจร้อนของเย่วซือมักเกิดเรื่องขัดแย้งตลอด

จากเรื่องที่เฟยซิ่นรายงานเขาเมื่อสักครู่นั้นก็เเสดงว่านางมีพลังภายในจริงๆ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จู่ๆ นางกลับมีขึ้นมาเมื่อ3วันก่อนตอนที่หญิงสาวสลบไปเมื่อได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ เขาเป็นคนพานางไปส่งที่ห้องพักของนางเอง ได้แอบสังเกตห้องของนางปรากฏว่ามีตำราเต็มไปหมด และตำราทุกเล่มล้วนเป็นตำราเกี่ยวกับพลังภายใน มีกระดาษหลายแผ่นที่เขาอ่านไม่เข้าใจคล้ายภาษาที่ใช้แต่ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไร ถูกเขียนด้วยลายมือของนางนี่ยิ่งทำให้เขายิ่งมั่นใจว่านางมีพลังภายในแน่ๆ ลี่หยางถอนหายใจออกมานี่เขาเป็นอะไรกันแน่หมู่นี้มักจิตใจไม่สงบอยู่เรื่อย

.

3 วันต่อมา

วันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนการคัดเลือกเจ้าสำนักวันแรก สถานที่ที่ใช้ในการคัดเลือกทุกสำนักจะเวียนกันเป็นเจ้าภาพและครั้งนี้จัดขึ้นที่สำนักกาลพิภพ สำนักวารีหยกอยู่ไม่ไกลจากสำนักกาลพิภพมากนัก จึงได้เริ่มออกเดินทางวันนี้แต่เช้าเพื่อไปให้ถึงก่อนวันงาน ศิษย์ที่เป็นตัวแทนในการเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ต่างเข้ามาร่วมกลุ่มบริเวณลานด้านหน้าใกล้ประตูทางออกหน้าสำนัก ทุกคนต่างแต่งกายด้วยชุดเครื่องแบบของสำนักวารีหยกด้วยชุดสีขาวฟ้าสลับกับน้ำเงิน มัดผมเป็นหางม้ายาวและมัดด้วยผ้าสีดำดูเรียบร้อยและสง่างาม คนที่ไปด้วยครั้งนี้นอกจากศิษย์ที่เข้าร่วมการประลองและรองเจ้าสำนักแล้ว ยังมีคนคอยติดตามดูเเลเรื่องต่างๆ ไปด้วย รวมๆ คนที่ไปแล้วประมาณ 40 กว่าคน การเดินทางแบ่งเป็นนั่งรถม้า 5 คันและบางคนที่เลือกจะขี่ม้าแทนการนั่งอุดอู้ภายในรถม้า ทุกคนเร่งให้การเดินทางถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันประลองในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ใช้เวลาถึง 3 ชั่วยามในการเดินทาง กว่าจะมาถึงสำนักกาลพิภพก็ปลายยามอิ๋นแล้ว เมื่อสำนักวารีหยกเดินทางมาถึงก็พบว่าเจ้าสำนักกาลพิภพลู่หนิงอันออกมาต้อนรับที่หน้าสำนัก

“คารวะเจ้าสำนักกาลพิภพ” ลี่หยางลงมาจากหลังม้า และกล่าวขึ้นพร้อมทำท่าคารวะชายตรงหน้า เพราะลู่หนิงอันเจ้าสำนักกาลพิภพอายุมากว่าลี่หยาง ส่วนทางด้าน ลู่หนิงอันเจ้าสำนักกาลพิภพก็ทำท่าคารวะเช่นกัน

“คารวะเจ้าสำนักวารีหยก การเดินทางลำบากหรือไม่” ลู่หนิงอันถามลี่หยางด้วยท่าทีสนิทสนม

“ไม่เท่าไหร่ขอรับ” ลี่หยางเพียงตอบออกไปเสียงเรียบ และได้ยินเสียงรถม้าอีกขบวนหนึ่งใกล้เข้ามา ลี่หยางเพียงมองไกลๆ ก็รู้ว่าคือสำนักเพลิงอัคคี ส่วนลู่หนิงอันที่เห็นสำนักเพลิงอัคคีเดินทางมาถึงเช่นกันไม่อยากที่จะรบเร้าสำนักวารีหยกต่อ

“เชิญเจ้าสำนักวารีหยก และศิษย์พี่น้องทุกคนเชิญด้านใน ข้าได้จัดเตรียมที่พักให้พวกท่านเรียบร้อยแล้วหากขาดเหลืออะไรสามารถแจ้งคนของข้าได้ทุกเมื่อ” จากนั้นลู่หนิงอันก็ยกมือคารวะ ลี่หยางก็ทำท่าคารวะตอบ

“รบกวนแล้ว” พูดเสร็จก็เดินตามบ่าวชายเข้าไปทันที

บริเวณภายในสำนักกาลพิภพ ที่พักที่ทางสำนักกาลพิภพเตรียมให้แก่ทุกสำนักคือตั้งกระโจมขนาดใหญ่ สำนักละ 3 กระโจม แยกออกให้ห่างกันเพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนกันหากสำนักใดทำการฝึกซ้อม ลี่หยางที่เดินทางมาถึงกระโจมที่พักที่ถูกจัดขึ้นเพื่อสำนักวารีหยกก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความพอใจ กระโจมแต่ละหลังมีขนาดใหญ่ใช้ได้เพียงพอต่อการพักของศิษย์ที่เขาพามา และตรงกลางยังมีลานกว้างเหมาะแก่การฝึกซ้อม จากนั้นลี่หยางนำทุกคนเดินเข้าไปที่ลานตรงกลางของทั้ง 3 กระโจม

“2 กระโจมนี้เป็นที่พักพวกเจ้า แบ่งแยกชายหญิงและแยกย้ายไปพักผ่อนได้ " ลี่หยางพูดจบ จากนั้นเดินเข้าไปในกระโจมอีกหลังหนึ่ง ด้านในมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และตกแต่งสวยงามเหมือนยกตำหนักมาไว้ก็ไม่ปาน ทำให้ลี่หยางพยักหน้าออกมาด้วยความพอใจและนั่งพักที่เก้าอี้ไม้ แต่นั่งได้ไม่นานเฟยซิ่นก็เข้ามา

“คารวะเจ้าสำนัก” เฟยซิ่นพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามา ลี่หยางเพียงพยักหน้า

“ข้านำกำหนดการพรุ่งนี้มาใช้ขอรับ” เฟยซิ่นพูดและลงกระดาษให้ลี่หยาง ลี่หยางรับมาและให้เฟยซิ่นหาที่ทางและนอนพักร่วมกับเขาที่กระโจมนี้ จากนั่งก้มหน้ากำหนดการรวมถึงกติกาการประลองในครั้งนี้

ทางด้านซูเชี่ยวเมื่อเข้ามาในกระโจมก็ยิ้มอย่างพอใจ ด้านในเป็นเตียงนอนราว 20 กว่าที่ มีของข้างในสะดวกสบายนางคิดว่าข้างในจะเล็กและแออัดซะอีก แค่มีเตียงนุ่มๆ แค่นี้ก็พอใจสำหรับนางแล้ว ซูเชี่ยวล้มตัวลงไปกับเตียงนุ่มเเละคิดว่าพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร การประลองที่จะเกิดขึ้นนางพอรู้มาบ้างว่าจะมีอะไรบ้าง จากการบอกเล่าของเฟยซิ่นที่เเจ้งศิษย์ทุกคนก่อนมา “เฮ้อออ ข้าไม่ได้ลงประลองด้วยสักหน่อยจะคิดมาไปไย” ซูเชี่ยวคิดในใจและออกไปทานอาหารกับเจียอี่เมื่อมีคนมาแจ้งว่าทางสำนักกาลพิภพทำอาหารมาให้แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel