บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 อย่าคิดเกินเลยว่าข้าจะชอบเจ้า

ทางด้านซูเชี่ยวได้แต่เดินไปมา และกอดตัวเองอยู่หน้าสำนักเพราะนี่ก็ปลายยามเฉินแล้วทำให้อากาศโดยรอบเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่เห็นเจียอี่พารองเจ้าสำนักออกมาสักที ขณะนั้นเองนางได้เห็นรถม้าเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณหน้าสำนักใกล้ๆ ไม่ใช่รถม้าของใครแต่เป็นเจ้าสำนักวารีหยกลี่หยางนั้นเอง ผู้คุ้มกันหน้าประตูรับป้ายมาตรวจและส่งคืนให้คนบังคับรถม้า

“เอ่อ คือว่า” ผู้คุ้มกันหน้าประตูส่งเสียงเหมือนมีอะไรแต่ไม่กล้าพูด

“มีอะไรก็ว่ามา” เสียงทุ้มของลี่หยางดังออกมาจากด้านในรถม้า

“แม่นางซูเชี่ยวบอกว่าทำป้ายหายไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ขอรับ” ผู้คุ้มกันกล่าวออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะเขาก็สงสารหญิงสาวที่ยืนตากลมหนาวอยู่หน้าประตูเหมือนกัน ขนาดเขาเป็นชายและทำหน้าที่นี้มานานจนชินยังรู้สึกหนาว นางจะไปทนได้อย่างไร

“ไม่มีป้ายก็ไม่มีสิทธิ์เข้า” ลี่หยางพูดออกมาเสียงดังจากในรถม้า ทำให้ซูเชี่ยวที่สีหน้าเริ่มดีขึ้นเมื่อเห็นรถม้าเขา ตอนนี้กลับสีหน้าหมดอาลัยตายอยากทันที

“หึ! ใจดำชะมัด” ซูเชี่ยวได้แต่ด่าเขาในใจ รถม้าเคลื่อนตัวเข้ามาภายในสำนัก ลี่หยางลงจากรถม้าและเดินตรงเข้าตำหนักหยกขาวทันที เขาเดินตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะสำหรับสะสางงานต่างๆ เเละมองป้ายเหล็กที่สลักชื่อว่า สำนักวารีหยก ซูเชี่ยว

“ใครอยู่ด้านนอกเข้ามาหน่อย” เขาพูดเสียงดัง เซี่ยวกังผู้ช่วยเขาที่อยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาหาทันที

“ขอรับเจ้าสำนัก” เซี่ยวกังพูดออกมาเมื่อมาถึง

“เฟยซิ่นจะกลับมาตอนไหน”

“พรุ่งนี้ขอรับเจ้าสำนัก” หลังจากสิ้นเสียงของเซี่ยวกัง ลี่หยางเงียบไปไม่ได้ถามอะไรอีก จึงทำให้เซี่ยวกังเกาหัวคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดอย่างงั้นหรือ ลี่หยางเพียงโบกมือให้เซี่ยวกังออกไปเท่านั้น

ลี่หยางสะสางงานตรงหน้าประมาณ 1 ชั่วยามแต่แล้วเขาก็รู้สึกมีลมแรงพัดมากระทบที่ตัวเขา ทำให้เขาเงยหน้ามองไปที่หน้าต่างด้านหลังพบว่าหิมะเริ่มตกลงมา เพราะตอนนี้ก็เริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว เขาลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดที่หน้าต่างและยื่นมือออกไปสัมผัสหิมะที่ค่อยๆ ตกลงมา

เขายืนมองบรรยากาศข้างหน้าไม่นานก็กลับมานั่งที่โต๊ะเพื่อสะสางงานต่อให้จบ แต่สายตาเหลือบไปเห็นป้ายที่วางอยู่บนโต๊ะที่เขียนว่า สำนักวารีหยก ซูเชียว ชายหนุ่มนิ่งอยู่สักครู่ก็เก็บป้ายนั้นเข้าแขนเสื้อ ลุกขึ้นและเดินไปหยิบเสื้อคลุมขนจิ้งจอกสีดำมาคลุมร่างกาย และเดินออกมาจากตำหนักหยกขาว เซี่ยวกังที่ยืนอยู่ด้านหน้ากำลังจะร้องทักว่าไปไหนก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลี่หยางก็เดินเลยออกมาแล้วเขาทำได้แค่วิ่งตามหลัง แต่กลับได้ยินเสียงเข้มพูดขึ้นมาว่า

“ไม่ต้องตามมา” จากนั้นเดินห่างเขาออกไป ลี่หยางเดินมุ่งหน้ามาที่ประตูหน้าสำนักใช้เวลาครึ่งเค่อก็ถึง ทันทีที่มาถึงเขาเห็นหญิงสาวที่ยังคงนั่งหนาวเอามือถูกัน สีหน้านางแดงก่ำเพราะอากาศหนาว ผู้คุ้มกันประตูที่เห็นเจ้าสำนักจึงรีบวิ่งออกมาคารวะ แต่ลี่หยางกลับไม่ได้สนใจเขาเดินตรงไปหาซูเชี่ยวที่กำลังนั่งกอดเข่าอยู่ ซูเชี่ยวที่ได้ยินฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้จึงเงยหน้าขึ้นมอง เพราะอากาศหนาวทำให้นางหูอื้อกว่าจะได้ยืนเสียงลี่หยางก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว ซูเชี่ยวทันทีที่เห็นลี่หยางก็รีบลุกขึ้น เพราะนั่งอยู่นานจึงเซเล็กน้อย ลี่หยางที่เห็นอย่างนั้นจึงยื่นมือไปช่วยจับไว้

“ระวังหน่อย” เขาพูดเสียงเข้ม และปล่อยทันที จากนั้นถอดเสื้อคลุมออกและยื่นให้ซูเชี่ยว และนำป้ายออกมายื่นให้ผู้คุ้มกันประตู จากนั้นซูเชี่ยวและลี่หยางก็ไม่ได้พูดคุยกันระหว่างที่เดินกลับด้วยกัน ลี่หยางคิดในใจว่า “ทำแบบนี้นางคงไม่คิดเกินเลยเข้าข้างตัวเองหรอกนะ” ส่วนซูเชี่ยวที่เห็นการกระทำของลี่หยางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงรับเสื้อคลุมมาคลุมตัวไว้ ระหว่างที่เดินกลับก็คิดว่าป้ายของนางไปอยู่ที่เขาได้อย่างไร เขาเอามาจากไหนกัน เมื่อถึงทางแยกไปตำหนักหยกขาว

ซูเชี่ยวที่เดินตามหลังมาไม่ได้มองทางทำให้ชนหลังของร่างสูงที่เดินนำหน้า "จะหยุดก็ไม่บอกกัน" ซูเชี่ยวคิดในใจ และนางกำลังจะถอดเสื้อคลุมให้ลี่หยางคืนแต่กลับห้ามไว้

“เจ้าใส่ไว้เถอะ และอย่าคิดเกินเลยว่าข้าจะชอบเจ้าล่ะ” ลี่หยางพูดเสร็จก็เดินกลับตำหนักหยกขาวโดยที่ไม่ได้หันมาสนใจหญิงสาวแม้แต่น้อย ซูเชี่ยวที่ได้ยินก็งงงวย อะไรของเขาผีเข้าผีออก จากนั้นกระชับเสื้อคลุมและเดินกลับที่พักของตัวเอง ทันทีที่มาถึงนางเห็นเจียอี่นั่งสัปหงกอยู่หน้าห้องของนาง

“เจียอี่” ซูเชี่ยวสะกิดหญิงสาวให้รู้สึกตัว เจียอี่ที่เห็นซูเชี่ยวก็รู้สึกโล่งใจ

“เจ้ากลับมาได้สักที จางหมิงบอกว่ารองเจ้าสำนักไม่อยู่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร” เจียอี่ร่ายยาวจนแทบลืมหายใจ

“ไม่เป็นไร ข้าก็กลับมาได้แล้วไง แต่พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าต้องโดนลงโทษอะไรอีกที่ทำป้ายหาย” ซูเชี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

“แล้วเข้ามาได้อย่างไร เอ๊ะนี้เสื้อคลุมเจ้าสำนักหนิ” เจียอี่พูดขณะสังเกตซูเชี่ยว

“เจ้าสำนักกลับมาพอดี ข้าจึงเข้ามาได้ เจ้าไปพักผ่อนเถอะข้าก็จะพักผ่อนเช่นเดียวกัน” ซูเชี่ยวขี้เกียจตอบคำถามเจียอี่จึงพูดตัดบท เจียอี่ได้ยินเช่นนั้นก็ไม่อยากรบกวนซูเชี่ยวเพราะเห็นว่านางเหนื่อยล้า จึงเเยกย้ายกัน ซูเชี่ยวเข้ามาในห้องก็ตรงดิ่งไปที่เตียงทันที และพยายามคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดในวันนี้ทั้งเรื่องพลังที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นกับตัวนาง และป้ายอนุญาตเข้าออกทำไมถึงไปอยู่กับลี่หยางได้ ซูเชี่ยวนอนคิดได้ไม่นานก็หลับไปเนื่องจากเหนื่อยล้าเอามากๆ จึงทำให้นางนอนหลับไปทั้งสภาพแบบนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel