เท่าใดถึงจะเหมาะสม
ซูเต๋อค่อยนำสมุนไพรมาขายหลายครั้งแล้ว จึงพอจะรู้ว่าร้านไหนที่ให้ราคายุติธรรม เขาจึงพาสองแม่ลูกมุ่งหน้าไปที่ร้านทันที โดยไม่ได้หยุดแวะที่ร้านอื่น
พอถึงร้านขายยา ซูเจินนางก็ตื่นขึ้นพอดี เสี่ยวเอ้อหน้าร้านเห็นหน้าซูเต๋อก็ออกมายิ้มแย้มต้อนรับเข้าอย่างสนิทสนม
“พี่เต๋อ ข้าไม่พบท่านเสียนาน คิดว่าไปขายให้ร้านอื่นเสียแล้ว”
“ข้าเพิ่งกลับมาจากชายแดนเหนือ เมื่อสองวันที่แล้ว”
“สวรรค์ ท่านเข้าร่วมกองทัพอย่างนั้นหรือ” เสี่ยวเอ้อมองสำรวจร่างกายของซูเต๋อก็ไม่พบว่าเขาบาดเจ็บที่ใด
“อืม”
“ดีดี ท่านมิได้บาดเจ็บกลับมาใช่หรือไม่”
“ไม่ วันนี้ข้าจะมาขายสมุนไพร” ซูเต๋อกลัวว่าจิ่วเม่ยนางจะอุ้มบุตรสาวไม่ไหวเสียก่อนจึงได้เปิดของที่อยู่ในตะกร้าให้เสี่ยวเอ้อดู
“ท่านตามข้ามา” เขาเกือบจะร้องออกมาแล้ว แต่ยังดีที่ตะครุบปากของตนเองไว้ได้ทัน
ทั้งสามเดินตามเข้าไปด้านในห้องรับรอง รอไม่นาน ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาด้านใน
ซูเต๋อลุกขึ้นทันที “คารวะหลงจู๊อู๋ขอรับ”
“ไหน ไหน ข้าขอดูหน่อย” เขาเอ่ยถามด้วยเสียงที่ซ่อนความตื่นเต้นไหวไม่มิด
เพราะเพิ่งจะมีคำสั่งมาจากเมืองหลวงให้หาโสมหรือเห็ดหลินจือมาให้ได้ คนที่ต้องการยังพร้อมที่จะสู้ราคาอีกด้วย หากเขานำไปมอบให้นายท่านเจ้าของโรงหมอได้คงได้รางวัลไม่น้อย
ซูเต๋อจึงได้หยิบห่อผ้าขึ้นมาวางลงบนโต๊ะ เพียงแค่ห่อผ้าถูกเปิดออก หลงจู๊อู๋ก็อ้าปากค้างตกตะลึงเรียบร้อยแล้ว
“สวรรค์ ข้าเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก เจ้า เจ้าได้มาได้อย่างไร”
“เอ่อ เรื่องนี้”
“ไม่ ไม่เป็นข้าที่ถามผิดไป เจ้าไม่ต้องตอบก็ได้” เพราะเขาเห็นท่าทางที่ลำบากใจของซูเต๋อจึงไม่อยากจะคาดคั้น ด้วยเกรงว่าเขาจะนำไปขายที่อื่นเสีย
“เจ้ารอประเดี๋ยวข้าต้องไปตามท่านหมอกู้มาตรวจสอบ” เขาไม่รู้ถึงอายุของเห็ดตรงหน้าด้วยซ้ำ จึงไม่กล้าจะเสนอราคาให้ซูเต๋อ
ผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ ชายชราหนวดขาวก็พุ่งตัวเข้ามาในห้องรับรองอย่างรวดเร็ว จนซูเจินที่กำลังดื่มน้ำที่มารดานางป้อนให้ตกใจจนสำลักออกมา
“โอ้ เด็กน้อยเจ้าเป็นอันใดหรือไม่ ข้าเพียงตื่นเต้นไปหน่อย ไม่คิดว่าจะทำให้เจ้าตกใจเช่นนี้” เขาลูบจมูกอย่างเก้อเขิน
อยู่มาจนจะห้าสิบหนาวแล้วยังไม่เคยพบเห็นเห็ดหลินจือที่สมบูรณ์และใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน จึงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ซูเจินเห็นว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ และเอ่ยพูดกับนางอย่างเมตตาจึงได้ส่งยิ้มหวานให้เขาไปหนึ่งที ในตอนแรกสหายทั้งสามของซูเจินตื่นตัวขึ้นมาทันที คิดว่าจะเกิดอันตรายกับนาง แต่พอเห็นซูเจินนางยิ้มออกมาจึงได้กลับไปอยู่ที่ไหล่ของนางเช่นเดิม
“เห็ดหลินจือพันปี” เขาพึมพำออกมาอย่างเลื่อนลอย
“เอ่อ ท่านหมอ ท่านจะซื้อหรือไม่ขอรับ” ซูเต๋อทนรอไม่ไหว เพราะหมอกู้ลูบคลำเห็นหลินจือ ของเขามาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว
“ซื้อ ซื้อ เจ้าใจร้อนเสียจริง” เขามองค้อนซูเต๋อที่ขัดขวางช่วงเวลาที่เขาชื่นชมเห็ดหลินจืออยู่
“หิว” ซูเจินลูบท้องน้อยๆ ของนาง นางอยากจะเร่งให้เขารีบจ่ายเงินจะได้ไปหาของอร่อยกินเสียที
“โอ้ เด็กน้อยหิวเสียแล้ว” เขามองซูเจินอย่างชื่นชม เด็กน้อยตรงหน้าคงไม่เกินหนึ่งขวบปีอย่างแน่นอน กลับพูดออกมาตอนที่บิดาของนางกำลังลำบากใจได้
หมอกู้ให้หลงจู๊อู๋ไปจัดการหาอาหารมาให้ทั้งสามคนได้กิน เพราะเขาคิดว่าคงอีกนานที่จะพูดคุยเรื่องราคากันเรียบร้อย
รอไม่นานหลงจู๊อู๋ก็ยกอาหารเข้ามาด้านใน ซูเต๋อให้จิ่วเม่ยพาบุตรสาวไปนั่งกินก่อน เขาจะเจรจาเรื่องราคากับหมอกู้
“ห้าพันตำลึงทอง เจ้าเห็นเป็นเช่นใดบ้าง” หมอกู้เอ่ยถามออกมา เมื่อเขาตัดสินใจเรื่องราคาได้แล้ว หากเห็ดหลินจือทั้งสามดอกนี้ถูกส่งเข้าเมืองหลวง ต้องทำเงินให้เขาได้ไม่ต่ำกว่าดอกละหนึ่งหมื่นตำลึงอย่างแน่นอน
“นายหญิง แม้ราคาที่ท่านหมอกู้ให้จะดูสูง แต่เห็ดทั้งสามดอกก็ไม่ได้พบเห็นง่ายๆ ท่านควรจะบอกท่านพ่อให้เพิ่มราคาเจ้าค่ะ” เสี่ยวมี่บอกซูเจิน
ซูเต๋อกับจิ่วเม่ยตกตะลึงกับราคาที่หมอกู้ให้ แต่ก่อนที่ซูเต๋อจะอ้าปากยอมรับ เสียงของซูเจินน้อยก็ตะโกนออกมาเสียก่อน
“ไม่” ผู้ใหญ่ทั้งสี่ที่อยู่ในห้องหันมามองที่นางเป็นตาเดียว
“ไม่อร่อยอย่างนั้นรึ” หลงจู๊อู๋เอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเขาเห็นนางกินลงไปไม่น้อย ทั้งอาหารที่สั่งมาก็มาจากเหลาอาหารชื่อดังในเมือง
“ไม่” นางส่ายนิ้วชี้น้อยๆ ของนางไม่มา
“ขาย” ทั้งสี่ได้แต่ตกตะลึง เมื่อเด็กน้อยเช่นซูเจิน ได้ราคาสูงเพียงนี้แต่ไม่คิดจะขาย
หมอกู้รอยยิ้มแข็งค้างไปทันที เขามองซูเจินอีกครั้งอย่างพิจารณา เมื่อเห็นผีเสื้อ ผึ้ง มด ที่อยู่บนไหล่ของนาง เขาก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นสัตว์ทั้งสามตัวตั้งแต่แรก แต่เพราะคิดว่าคงติดมากับตะกร้าของซูเต๋อ มันน่าแปลกเกินไปที่ทั้งสามตัวยังคงอยู่ที่ไหล่ของเด็กน้อยไม่ห่าง
“เอ่อ เจินเออร์ อย่าเสียมารยาทลูก” จิ่วเม่ยเอ่ยตำหนิบุตรสาว
“เพิ่ม” นางยู่ปากน้อยๆ อย่างไม่พอใจ แล้วกอดอกมองที่หมอกู้อย่างไม่ยินยอม
“เจ้าจะให้ข้าเพิ่มราคาอีกใช่หรือไม่” หมอกู้ลองเอ่ยถามนาง เพราะอยากจะรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดถูกต้องหรือไม่
“อืม” นางพยักหน้าราวกับไก่จิก
“แล้วเจ้าคิดว่าเท่าใดถึงจะเหมาะสม” เขาเดินมานั่งตรงหน้าของซูเจิน เพื่อพูดคุยกับนาง
