เข้าเมืองครั้งแรกของซูเจิน
เขาควรจะส่งเรื่องแจ้งให้ทางการรู้ดีหรือไม่ หรือแจ้งแม่ทัพจ้าวดี
ซูเจินที่ได้ยินที่บิดาบ่นพึมพำก็เอ่ยขึ้นทันที “ซื้อ”
“ซื้ออันใดลูก”
“นี่” ซูเจินทำมือวาดกว้างๆ ว่านางให้ซื้อภูเขาลูกนี่เลย ต่อจะทำอันใดกับแร่เหล็กก็ได้
“ซื้อภูเขาอย่างนั้นรึ” ซูเต๋อเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“แล้วจะเอาเงินมาจากไหน” จิ่วเม่ยเอ่ยออกมาอย่างกังวล ไม่ว่าเรื่องอันใดที่บุตรสาวนางพูดนางเชื่อเช่นนั้นเสมอ
“นี่” ซูเจินทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนที่นางจะเรียกเห็ดออกมาอีกครั้งให้มารดาได้ดู
“จริงด้วย” จิ่วเม่ยร้องออกมาอย่างยินดี
นางไม่รู้จะอธิบายให้บิดาได้ฟังอย่างไร หากไปแจ้งทางการอย่างที่เขาคิดตอนนี้ ทุกอย่างคงโดนทางการยึดครองไปเสียหมด ครอบครัวของนางคงไม่ได้ผลประโยชน์อันใดในเรื่องนี้เลยสักอย่าง
“เช่นนั้นก็ตามนี้ ไว้ข้าเข้าเมืองไปขาดเห็ดที่ได้มา แล้วจะไปจัดการเรื่องซื้อที่ดิน” ซูเต๋อก็ไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ ที่ดินเป็นของเขาเมื่อใดเคยส่งเรื่องให้แม่ทัพจ้าวก็ยังไม่สาย
ทั้งสามกลับลงมาจากป่าในเวลาไม่นาน ทั้งยังได้ไก่ป่ากับกระต่ายป่าที่สิ้นอายุขัยแล้วเดินมาตายก่อนที่ซูเจินนางจะออกจากป่าอีกสามตัว
ชาวบ้านเมื่อเห็นว่าซูเต๋อเข้าไปในป่าไม่นานก็ได้สัตว์ป่าออกมาด้วย ต่างก็อดจะชื่นชมเขาไม่ได้ ซูเต๋อได้แต่ยิ้มแห้งให้พวกเขา เพราะเขายังไม่ได้ลงมือทำอันใดสักอย่าง
ซูเจินเมื่อกลับมาถึงเรือนนางก็นำเห็ดทั้งหมดออกมาให้บิดามารดาของนาง
“ข้าจะนำไปขายเพียงสามดอกเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าจะขายได้เท่าใด เจินเออร์ เจ้าเก็บไว้เสียก่อน” ซูเจินนางจึงเก็บทั้งหมดเข้าไปในมิติ
ตอนนี้นางอ่อนเพลียยิ่งนัก ปกติมารดาจะให้นางนอนพักในตอนกลางวัน แต่เพราะขึ้นเขาวันนี้นางจึงไม่ได้นอนกลางวัน
“เจินเออร์คงง่วงแล้ว ท่านพี่ข้าพานางไปพักก่อนนะเจ้าค่ะ” จิ่วเม่ยเห็นเปลือกตาบุตรสาวที่ใกล้จะปิดลง จึงได้พานางไปนอนพักเสียก่อน
สองสามีภรรยาช่วยกันจัดการเห็ดและสัตว์ป่าที่ได้กลับมา ซูเต๋อยังนำไก่ป่าไปแบ่งให้เรือนตระกูลหวงอีกหนึ่งตัว ป้าหวงในตอนแรกก็จะไม่รับ แต่เมื่อรู้ว่าที่เรือนของซูเต๋อยังมีไก่ป่ากับกระต่ายป่าอีกก็ยินยอมรับมาแต่โดยดี
ก่อนที่ซูเต๋อจะกลับมาซูเจินนางก็ตื่นขึ้นมาเพราะท้องของนางส่งเสียงร้องประท้วงออกมา
“พรุ่งนี้พี่จะเข้าเมือง เจ้ามีสิ่งใดอยากได้หรือไม่”
“ข้าอยากได้ผ้ามาตัดชุดใหม่ให้เจินเออร์เจ้าค่ะ ชุดเก่าของนางเริ่มจะใส่ได้แล้ว” จิ่วเม่ยมองซูเจินที่ตักข้าวเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
“หึหึ ได้ แล้วตัวเจ้าเล่า”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่มีสิ่งใดที่อยากได้ อีกห้าวันเจินเออร์นางจะครบขวบปี พานางไปขอพรดีหรือไม่ท่านพี่”
“ได้ แล้วแต่เจ้า”
ซูเจินนางก็อยากจะเข้าเมืองเช่นกัน เพราะกลัวว่าบิดาจะถูกหลอกซื้อเห็ดหลินจือในราคาถูกกว่าที่ควรจะได้
“ไป”
“เจินเออร์ อยากไปขอพรที่วัดใช่ไหมลูก” จิ่วเม่ยเช็ดปากให้บุตรสาว
“พ่อ” นางส่ายหัว พร้อมทั้งชี้มือไปที่บิดา
“อยากเข้าเมืองอย่างนั้นรึ”
“อืม”
“ครั้งหน้าดีหรือไม่ลูก พ่อต้องไปจัดการเรื่องเห็ดที่ได้มา คงไม่มีเวลาพาเจ้าเที่ยวเล่น”
“ไป” นางส่งสายตาอ้อนวอนบิดา ซูเต๋อเห็นสายตาเช่นนี้ครั้งแรกก็ใจอ่อนทันที
“เช่นนั้นก็ไปกันทั้งหมดเถิด”
“ท่านพี่ตามใจนางนัก” จิ่วเม่ยอดจะมองค้อนสามีไม่ได้ ที่เห็นแววตาของบุตรสาวก็ยอมแล้ว หากอยู่กันไปอีกนานกว่านี้ คงได้รู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของนาง
“เอาเถิด มิใช่เรื่องลำบากอันใด พี่จะซื้อเกวียนวัวด้วย จะได้หาเมล็ดผักมาปลูก ที่ดินข้างเรือนที่เจ้าซื้อเพิ่มจะได้ไม่เสียเปล่า”
เขาเพิ่งกลับมาจึงยังไม่ได้จัดการที่ดินข้างเรือน ยังต้องล้อมรั้วเพิ่ม ทั้งยังต้องดูด้วยว่าจะปลูกผักอันใด
ซูเจินยิ้มจนเห็นเหงือกที่จะได้ออกไปเที่ยวเล่นอีกแล้ว ตั้งแต่ที่นางมาภพนี้ ไกลสุดที่นางได้ไปตอนที่อยู่กับมารดาเห็นจะเป็นเรือนตระกูลหวงและที่นา
คืนนี้ซูเจินยังคงร้องนอนห้องข้างเช่นเดิม จิ่วเม่ยจึงคิดว่าหากขายเห็ดได้เงินมากคงจะต้องซื้อเครื่องนอนเพิ่มให้นางใหม่ ผ้าห่มที่ซูเจินใช้จึงไม่ได้หนามากนัก หากถึงหน้าหนาว คงได้ลำบากอย่างแน่นอน
รุ่งเช้าสามคนพ่อแม่ลูกจึงได้พากันเดินไปขึ้นเกวียนวัวที่หน้าหมู่บ้าน จิ่วเม่ยใช้ผ้าห่อเห็ดหลินจือดอกใหญ่ทั้งสามดอกอย่างดี ก่อนที่จะเอาไว้ด้านล่างของตะกร้า
เมื่อเห็นผักป่าที่อยู่ด้านหลังของซูเต๋อ ต่างก็พากันส่ายหัว ผักเพียงแค่นี้เดินทางไปทั้งครอบครัวจะคุ้มอันใด
“ขอรับ” ซูเต๋อไม่สนสายตาที่มองมาของผู้อื่น เขาจ่ายเงินค่าเกวียนสี่อิแปะก่อนจะพากันขึ้นไปนั่งด้านใน
ซูเจินที่นั่งอยู่บนตักของซูเต๋อหัวของนางสั่นคลอนไปตลอดทางอย่างน่าสงสาร ยังดีที่ซูเต๋อจับหัวของบุตรสาวให้พิงกับอกแกร่งของเขาไว้ แรงสั่นสะเทือนจึงลดลง กลายเป็นกล่อมให้ซูเจินน้อยหลับสนิทแทน
สหายของซูเจินทั้งสามยังคงติดตามมาด้วย โดยซ่อนอยู่ในตะกร้าตรงหน้าของจิ่วเม่ย
หนึ่งชั่วยาม (2ชั่วโมง) ก็เดินทางมาถึงประตูเมือง ซูเต๋อส่งซูเจินที่ยังหลับอยู่ให้จิ่วเม่ย ตัวเขาสะพายตะกร้าแล้วเดินเข้าไปจ่ายเงินค่าผ่านประตูเมือง
ซูเต๋อค่อยนำสมุนไพรมาขายหลายครั้งแล้ว จึงพอจะรู้ว่าร้านไหนที่ให้ราคายุติธรรม เขาจึงพาสองแม่ลูกมุ่งหน้าไปที่ร้านทันที โดยไม่ได้หยุดแวะที่ร้านอื่น
