ล้วนตามใจนาง
ซูเจินชูนิ้วน้อยๆ ของนางไปตรงหน้าของหมอกู้ “แปดพันตำลึงทองอย่างนั้นรึ” เขาร้องถามออกมาเสียงดัง
“อืม” นางพยักหน้าอีกครั้ง
“เอ่อ เจินเออร์” ซูเต๋อเอ่ยเรียกบุตรสาว แต่ถูกสายตาของซูเจินมองอย่างจริงจังไว้ เขาจึงได้กลืนคำที่จะห้ามนางลงท้องไป ถึงอย่างไรเห็ดที่ได้มาก็เป็นเพราะบุตรสาวของเขา ให้นางได้ตัดสินใจในเรื่องนี้เองก็แล้วกัน
หลงจู๊อู๋กับหมอกู้แปลกใจไม่น้อยที่สองสามีภรรยายอมให้เด็กน้อยวัยขวบปีเป็นผู้ตัดสินใจเช่นนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ประหลาดนัก
หมอกู้ต้องยอมกัดฟันจบที่ราคาที่ซูเจินนางต้องการ ไม่ใช่เพียงสายตาของเด็กน้อยที่จ้องมองเขาอย่างกดดัน ยังมีสหายของนางทั้งสามตัวที่มองมาทางเขาอีกด้วย เรื่องนี้ทำให้หมอกู้เสียวสันหลังแปลกๆ
หมอกู้ยอมจ่ายค่าเห็ดหลินจือทั้งสามดอกที่ สองหมื่นสี่พันตำลึงทอง ซูเต๋อยังขอรับเป็นตั๋วเงินใบละห้าสิบตำลึงเงินด้วย เพื่อที่เขาจะได้นำไปใช้จ่ายได้อย่างสะดวก
ซูเจินนางกินอาหารต่ออย่างสบายใจ เมื่อได้ราคาที่นางต้องการแล้ว คงมีเพียงผู้ใหญ่ทั้งสี่ที่ได้แต่มองนางกินเท่านั้น พวกเขาต่างกินอันใดไม่ลง
ซูเต๋อกับจิ่วเม่ยที่กินไม่ลง เพราะยังตกตะลึงไม่หายที่ได้เงินมากถึงเพียงนี้ ส่วนหมอกู้เขากินไม่ลง เพราะกำไรที่จะได้กว่าครึ่งถูกซูเจินปล้นไปเยอะถึงเพียงนั้น
ซูเต๋อนำตั๋วเงินทั้งหมดใส่ลงตะกร้า เพราะคิดจะให้บุตรสาวเก็บเข้าไปที่เดียวกับเห็ดอีกหลายดอกที่นางเก็บไว้
“เจินเออร์ เก็บไว้ที่เดียวกับเห็ดหลินจือได้หรือไม่” เมื่อเดินห่างออกมาจากผู้อื่นแล้ว เขาก็เอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“ได้”
ซูเต๋อจึงได้หาที่ลับตาคน แล้วให้ซูเจินนางเก็บเข้าไป จิ่วเม่ยยังไม่มั่นใจว่าหากตั๋วเงินที่ได้มาทั้งหมดหายไปแล้วจะกลับมาได้หรือไม่ ซูเจินนางจึงได้นำเข้าออกหลายครั้งเพื่อให้มารดามั่นใจ
เงินที่อยู่ที่ตัวของซูเต๋อยังมีไม่มาก เขาเลือกที่จะพาสองแม่ลูกไปซื้อผ้าเพื่อตัดชุดเสียก่อน จิ่วเม่ยนางก็ไม่ได้เลือกผ้าไหมที่ราคาแพง แต่เลือกผ้าฝ้ายเนื้อดีให้บุตรสาว ของนางและซูเต๋อยังเป็นผ้าฝ้ายธรรมดาเพื่อสะดวกใช้งาน
ซูเจินเห็นเช่นนั้นจึงได้ชี้เลือกผ้าฝ้ายเนื้อเดียวกับนาง เพิ่มให้บิดามารดาอีกคนละสองพับ
“เจินเออร์ พอแล้วลูก” จิ่วเม่ยอดที่จะดุบุตรสาวไม่ได้
“ตามใจนางเถิด” ซูเต๋อส่งมาที่ซูเจินเลือกให้ทางร้านห่อให้
คนขายไม่อยากจะเชื่อว่าสามีภรรยาคู่นี้จะกล้าซื้อผ้าทุกพับที่บุตรสาวเลือกชี้ ทั้งยังมากมายถึงแปดพับด้วยกัน ในตอนแรกเขาคิดว่าคงจะซื้อผ้าฝ้ายธรรมดาพับเดียว ทำให้รู้ว่าดูจากการแต่งกายไม่ได้จริงๆ
ซูเต๋อฝากผ้าที่ซื้อไว้ทั้งหมดไว้ก่อน เพราะเขายังต้องไปหาซื้อเกวียนวัวก่อน แต่ซูเจินนางก็สร้างเรื่องอีกครั้ง เมื่อนางเห็นม้าสองตัวนอนอยู่ในคอกอย่างหมดอะไรตายยาก
“พ่อ” นางชี้มือไปที่คอกม้า ร้องบอกซูเต๋อที่อุ้มนางไว้
“เราจะซื้อวัวลูก มิใช่ม้า” ซูเต๋อชี้ไปที่วัวสองตัวที่เขามองไว้
นอกจากจะใช้เทียมเกวียนได้แล้ว ยังใช้วัวในการทำนาได้อีก จะได้ทุ่นแรงเขาได้เยอะ และจิ่วเม่ยนางจะได้ไม่ต้องไปทำงานในนาอีก
“ม้า” นางดีดดิ้น เพื่อให้ท่านพ่อพาเดินไปที่คอกม้า
นางรู้มาจากเสี่ยวเตี๋ยว่าม้าตัวเมียที่นอนอยู่ในคอกกำลังตั้งท้อง และม้าสองตัวยังเป็นม้าที่เกิดในทุ่งหญ้าแข็งแรงไม่น้อย คงเพราะถูกจับมาตอนที่แม่ม้ากำลังตั้งท้อง จึงทำให้พ่อม้าถูกจับมาด้วย
“นายท่าน ม้าสองตัวนี้พยศนัก ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ได้เลยขอรับ” เขาเอ่ยออกมาอย่างกังวลที่เห็นเด็กน้อยต้องการไปดูใกล้ๆ ด้วยกลัวว่านางจะเกิดอันตรายได้
แต่ซูเจินนางไม่ยอม ซูเต๋อจำต้องพานางเดินเข้าไปใกล้ เพราะรู้เรื่องความลับของบุตรสาวดี นายหน้าค้าสัตว์อยากจะเอ่ยห้าม แต่เมื่อเห็นบิดาของนางตามใจเช่นนี้ เขาจึงได้ถอยห่างออกมา เพื่อรอดูเรื่องสนุกแทน
ม้าทั้งสองตัว เมื่อเห็นซูเต๋ออุ้มซูเจินเดินเข้ามาทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินมาหานางอย่างช้าๆ ทั้งยังยอมให้นางจับตัวอย่างว่าง่ายอีก
“คิก คิก” ซูเจินหัวเราะอย่างชอบใจ เมื่อม้าตัวเมียดันจมูกของมันกับแก้มของนาง
นายหน้าค้าสัตว์อ้าปากค้างมองภาพตรงหน้าอย่างตกใจ แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องประหลาดที่เขาพบเจอ เสียงสัตว์ที่อยู่ในความดูแลทั้งหมดของเขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความอิจฉา เมื่อเห็นม้าทั้งสองตัวได้คลอเคลียกับนายหญิงแห่งมิติพฤกษา
ซูเจินนางไม่รู้เลยว่าการที่นางซื้อม้าทั้งสองตัวและวัวอีกสองตัวกลับมาด้วยในครั้งนี้ จะทำให้มิติของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
ทูตน้อยที่อยู่ด้านในส่งเสียงร้องอย่างยินดี ที่ตอนนี้มิใช่มิติที่โล่งมีแต่ทุ่งหญ้าและดอกไม้ของนางเพียงดอกเดียวแล้ว แต่มีต้นไม้ดอกไม้งอกขึ้นมาอีกไม่น้อย
สุดท้ายซูเต๋อต้องจ่ายเงินไปมากถึงหกสิบตำลึงทอง สำหรับวัวสองตัวพร้อมเทียมเกวียน ม้าสองตัวพร้อมกับรถม้าคันใหญ่ที่ซูเจินปล้นมาได้จากนายหน้าค้าสัตว์โดยที่ไม่ต้องเพิ่มเงินเลย
นายหน้าค้าสัตว์ต้องให้ลูกน้องของเขาตามไปส่งเกวียนวัวที่หมู่บ้านในตอนหลัง เพราะม้าสองตัวยังไม่ยอมให้ผู้ใดเข้าใกล้นอกจากครอบครัวของซูเจิน
