บทที่หนึ่ง เสียงระเบิดในเมืองซีฉิน
ตู้ม!
ท่ามกลางความสงบสุขของหนึ่งในสามเมืองแถบชายแดนทิศประจิม ภายในเมืองซีฉินอันเป็นเมืองเอกของรัฐประจิมแห่งนี้จู่ ๆ ในช่วงเวลากลางวัน ดวงอาทิตย์เคลื่อนตัวมาอยู่กึ่งกลางศีรษะคนส่องแสงเจิดจ้าก็มีเสียงคล้ายเสียงระเบิดดังกึกก้องสร้างความหวาดกลัวตกใจให้กับชาวบ้านชาวเมืองในละแวกนั้นไม่น้อย
จุดเกิดเหตุเสียงระเบิดดังกึกก้องนั้นคือจวนของคหบดีร่ำรวยอันต้น ๆ ของเมืองแถบชายแดนละแวกนี้
จวนตระกูลจาง จวนพ่อค้าเครื่องหอมรายใหญ่ที่ค้าขายตั้งแต่วัตถุดิบที่ทำยันกระบวนการผลิตจวบจนสำเร็จเป็นเครื่องหอมนานาชนิดออกวางขายส่งในและส่งออกนอกแคว้นเซี่ย
จำนวนสมาชิกตระกูลคหบดีผู้อู้ฟู่ร่ำรวยนี้เหลือน้อยสวนทางกับจำนวนเงินในคลังสมบัติยิ่งนัก เนื่องจากสมาชิกรุ่นปัจจุบันที่เหลืออยู่มีเพียงสามคนพ่อลูก
หัวหน้าตระกูลหรือคนบิดาภรรยาตายลงจากการเป็นเหยื่อของสงครามชายแดนในอดีตนามว่า จางหลีไห่
มีบุตรหนึ่งคนเป็นพี่ชายคนโตอายุยี่สิบกว่าหนาวนามว่า จางอี้เซียว
และบุตรีอีกหนึ่งคนเป็นน้องสาวคนสุดท้องอายุสิบเจ็ดหนาวนามว่า จางหรงผิง
บัดนี้ภายในจวนขนาดใหญ่เต็มไปด้วยบ่าววิ่งกันวุ่นวายอยู่ภายในจวนเพื่อไปมุงเรือนที่เกิดเหตุอันได้แก่
เรือนปรุงเครื่องหอม
สถานที่ที่หัวหน้าตระกูลอย่างจางหลีไห่สั่งคนให้สร้างขึ้นมา เนรมิตตามใจบุตรีหัวแก้วหัวแหวน จางหรงผิง
นางมีความชอบเกี่ยวกับการคิดค้นสูตร ปรุงกลิ่นเครื่องหอมไม่ซ้ำใครจนทำให้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญทำให้ธุรกิจเครื่องหอมของตระกูลจางเติบโตมิมีผู้ใดสามารถทัดเทียมได้สักที
สูตรเครื่องหอมแต่ละอย่างที่ถูกคิดค้นนั้นแปลกใหม่อย่างยิ่งทั้งมากด้วยประโยชน์และหน้าตาประหลาดจนนำพาให้ลูกค้ารู้สึกอยากค้นหาจึงซื้อกันไปทุกครั้งไป จนมีหลายครั้งที่นักปรุงเครื่องหอมในร้านเกิดความสงสัยว่าคุณหนูของตนนั้นไปอ่านตำราหรือร่ำเรียนจากที่ใดไยความสามารถจึงล้ำหน้าคนสอนอย่างพวกเขาไปไกลขนาดนี้
หากแต่ก็ไม่มีคำตอบคลี่คลายความสงสัยนี้จนวันเวลาผ่านไปพวกคนที่สงสัยพากันเลิกตั้งคำถามกันไปหมด เปลี่ยนมาขนานนามให้คุณหนูคนงามเป็นอาจารย์ตัวน้อยแทน
ทว่าอาจารย์ตัวน้อยของพวกเขานั้นมีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่งคือหากวันใดนางกำลังหัวแล่น กำลังคิดสูตรเครื่องหอมใหม่ได้ละก็ หญิงสาวจะเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนปรุงเครื่องหอม อาหารแทบไม่ทาน น้ำพอดื่มประทังชีวิต เก็บตัวอยู่แต่ในจวนเช่นนี้หลายวันจนกระทั่งคิดค้นผลิตภัณฑ์สำเร็จจึงยอมออกมาจากห้องพลอยให้บ่าวรับใช้ที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกจวนด้วยความเป็นห่วงถอนหายใจออกอย่างโล่งอกเมื่อเห็นคุณหนูของตนออกมาอย่างร่างกายครบสามสิบสองสักที
มิเช่นนั้นเกรงว่าพวกบ่าวรับใช้อย่างพวกเขาจะโดนโบยโดยเจ้านายอย่างสองพ่อลูกที่มักเดินทางออกไปทำการค้าข้างนอกบ้านหลายเดือนติดกันอย่างเลี่ยงไม่ได้จึงไม่มีเวลามาคอยห้ามปราบสตรีที่พวกเขาเฝ้าถนอมไว้ราวกับไข่ในหิน
ครานี้เองก็เช่นกัน ย้อนไปเมื่อสามวันก่อนเป็นวันที่พวกเขาเห็นหน้าคุณหนูคนเล็กเป็นครั้งสุดท้ายก่อนนางหายเข้าไปเก็บตัวในห้องปรุงเครื่องหอม สามวันผ่านมานอกจากมือบางที่เปิดประตูรับอาหารเข้าไปกินข้างในเรือนแล้วนอกนั้นก็ไร้การเคลื่อนไหว
เกิดความเคลื่อนไหวล่าสุดก็เสียงระเบิดพร้อมกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาเมื่อสักครู่นั่นแหละที่ทำให้บ่าวในเรือนวิ่งตาเหลือกเข้าไปข้างในเรือนโดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าของเรือนตัวน้อย
“แค่ก แค่ก”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูจางอยู่ที่ใดเจ้าคะ ช่วยส่งเสียงให้บ่าวได้หรือไม่”
“ข้า....อยู่...นี่”
“อยู่ที่นั่นพวกเจ้าเข้าไปช่วยคุณหนูเร็ว”
“เจ้าค่ะ”
“ข้า แค่ก แค่ก...”
สตรีเนื้อตัวมอมแมมกำลังนั่งท่ามกลางควันฟุ้งกระจายเต็มห้องซึ่งกลุ่มควันเหล่านี้มีสาเหตุมาจากหม้อต้มของเหลวบางอย่างที่มันได้ระเบิดแตกออกจากกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เสียงระเบิดดังเลือนลั่นก็ดังมาจากสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เพียงคนข้างนอกตกใจเท่านั้น จางหรงผิงผู้เป็นคนอยู่ใกล้ชิดมากที่สุดก็ตกใจเช่นกัน
ดีที่ตอนหม้อต้มระเบิดนางไม่ได้ยืนอยู่ใกล้จึงไม่เป็นอันตรายใดใด
เกือบไปแล้วไม่เล่าหรงผิงเอ๋ย...
เจ้าเกือบตายเป็นรอบที่สองแล้วอย่างไรเนี่ย
ใช่ จางหรงผิงในเวลานี้แท้จริงแล้วร่างกายนี้เคยสิ้นลมหายใจมาแล้วหนหนึ่งตอนสิบหนาวพร้อมกับมารดาตนเองในขณะกำลังหนีทหารจากชนเผ่าใกล้เคียงที่เวลานั้นพวกมันลอบบุกเข้ามาในเมืองเพื่อทำสงครามกับทหารแคว้นเซี่ย
เด็กสาววัยสิบหนาวในเวลานั้นถูกลูกหลงจากสงครามพร้อมกับมารดาที่คอยปกป้องดูแลลูกน้อยของตนเองด้วยชีวิตเนื่องจากเป็นช่วงที่ทั้งบิดาและพี่ชายเดินทางออกไปติดต่อค้าขายพอดี
สองแม่ลูกทนเลือดไหลออกจากร่างกายมากจนเกินไปไม่ไหวจึงสิ้นลมทำให้วิญญาณของหญิงสาวจากคนละยุคสมัยเข้ามาเกิดในร่างกายเป็นจางหรงผิงคนใหม่เช่นทุกวันนี้
วิญญาณจางหรงผิงในวัยสามสิบยุคสมัยเทคโนโลยีล้ำหน้านางเป็นซุป’ตาร์สาวดาวค้างฟ้าแห่งวงการมายาที่กำลังวางมือจากงานในวงการเพราะหมดไฟและโหยหาชีวิตที่...
ไม่ต้องมีสปอตไลต์วิ่งตามตลอดเวลา
เวลาทำสิ่งใดไม่ต้องคำนึงถึงแฟนคลับที่รักและคาดหวังกับตนเองไปเสียทุกอย่าง
เรียกได้ว่ายามที่อยู่โลกที่แล้วนางไม่เคยได้ทำในสิ่งที่ตนเองปรารถนาเลยสักนิดตั้งแต่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
คืนวันหนึ่งจางหรงผิงนอนหลับไปบนเตียงหกฟุตคุณภาพดีอย่างเช่นทุกวัน ทว่าพอนางลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็มาอยู่ในยุคโบราณในร่างเด็กน้อยเต็มไปด้วยบาดแผลเสียแล้ว
สวรรค์ยังปรานีนางหน่อยที่ส่งมาเกิดในร่างคุณหนูตระกูลเครื่องหอมอันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ซุป’ตาร์อย่างนางใฝ่ฝันไว้ว่าอยากเปิดแบรนด์น้ำหอมเป็นของตนเอง
“โถ่ คุณหนูของบ่าว ไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“แค่ก ไม่ ข้ายังร่างกายครบสามสิบสองน่า”
มือบางพยุงตนเองลุกขึ้นยืนก่อนปัดป่ายอาภรณ์มอมแมมของตนเองด้วยใบหน้าเสียดายสูตรเครื่องหอมที่นางกำลังคิดค้นทว่าไม่สำเร็จ
“พวกเจ้ารีบเก็บกวาดเรือนให้เรียบร้อยสิเดี๋ยวพี่ใหญ่กับท่านพ่อกลับมาเห็นสภาพเรือนข้าเป็นเช่นนี้แล้วจะซวยอะ....”
“หากถึงหูพี่แล้วจะซวยเพราะเรื่องใดหรือน้องเล็ก”
เสียงที่จางหรงผิงไม่อยากได้ยินที่สุดดังขึ้นจากเบื้องหลังหญิงสาวที่กำลังเร่งสั่งการให้บ่าวเก็บกวาดกลบหลักฐานให้เสมือนที่จวนตระกูลจางไม่เคยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น
ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดเป็นครั้งแรก เกิดทำนองนี้มาแล้วหลายครั้งแต่ทุกครั้งบิดาและพี่ชายของนางที่ออกไปทำการค้าต่างแดนไม่รับรู้เพราะนางกลบหลักฐานจนมิดเอาไว้ได้ทันทุกครั้งไปนั่นเอง
เม็ดเหงื่อหลั่งไหลลงมาตามไรผมบนหน้าผากมนของจางหรงผิง หน้าหญิงสาวซีดเผือดราวกับคนเห็นผี
แต่ทว่าพอหันหน้ากลับไปหาคนเป็นพี่ชายที่เพิ่งกลับบ้านมาแบบไม่แจ้งล่วงหน้า สีหน้าของหญิงสาวก็เปลี่ยนไปเป็นอีกอารมณ์ราวกับหญิงสาวไม่ได้เพิ่งทำสิ่งใดผิดมาทั้งนั้น
รอยยิ้มน่ารักไร้เดียงสาที่จางหรงผิงรู้ว่าพี่ชายตนเองมักพ่ายแพ้ให้น้องสาวเช่นนางทุกทีไปปรากฏขึ้นก่อนเสียงละมุนนุ่มเปล่งออกมาจากริมฝีปากบางเป็นกระจับสวยได้รูป
“พี่ใหญ่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“....”
“พี่ใหญ่กลับมาไม่เห็นบอกน้องหรือแจ้งใครเลย น้องเลยมิได้เตรียมขนมเอาไว้ต้อนรับพี่ใหญ่เลยเจ้าค่ะ”
“หาได้จำเป็นต้องทำให้เหนื่อยเช่นนั้นไม่ พี่ไม่หิวสักนิด”
“เอ่อ....”
“พี่ได้ยินเสียงระเบิดดังลั่นตั้งแต่รถม้ายังไม่ถึงหน้าจวน รู้หรือไม่ว่าดวงใจแทบสลายเมื่อบ่าวในจวนบอกว่าดังมาจากเรือนใด”
“ข้า ขะ....”