บท
ตั้งค่า

แกะหนึ่งตัว 1

แสงจากเทียนไขส่องสว่างไสวอยู่กลางห้องโถงไม้ กลิ่นหอมของข้าวสุกใหม่ตลบอบอวลไปทั่ว ละอองไอร้อนลอยกรุ่นคลุ้ง ผสมปนเปไปกับกลิ่นหอมลุ่มลึกของต้มจับฉ่ายที่เคี่ยวจนได้ที่

ข้างกันมีชามดินเผาใบใหญ่ที่มีปลาตะเพียนต้มเค็มส่งกลิ่นหอมอยู่ กลิ่นเค็มหวานของปลาต้มเค็มค่อย ๆ ลอยไปตามแรงลม ทำให้ทุกคนต่างก็เริ่มท้องร้องโกรกกราก

สมาชิกเรือนสกุลเสิ่นทยอยนั่งล้อมโต๊ะกลม พ่อเฒ่าเสิ่นนั่งหัวโต๊ะ มือไม้ยังมีคราบโคลนบางส่วนจากการทำงาน แต่แววตาเปี่ยมความตื่นเต้นที่จะได้กินอาหารดี ๆ หลังเหนื่อยล้ามาทั้งวัน แม่เฒ่าเสิ่นนั่งเคียงข้างสามี สีหน้าเต็มไปด้วยความพอใจตั้งแต่แรกก้าวเข้ามาเห็นตัวเรือนที่ดูสะอาดตา

ซือหยาตักต้มจับฉ่ายแจกจ่ายให้ทุกคน โดยมีหยวนอีช่วยตักข้าว อาเซียวกับเจาตี้ต่างก็ช่วยแจกจ่ายตะเกียบอย่างรู้ความ อันหมิงยกชามขึ้นซด น้ำซุปซึมผ่านริมฝีปากเล็ก ๆ แววตาพลันเบิกกว้าง

"ท่านแม่! น้ำแกงผักนี่อร่อยเหลือเกินขอรับ ลูกอยากกินอีกบ่อย ๆ"

อี้หมิงที่ปกติสุขุมกว่ารีบเอาช้อนตักบ้าง พอได้ลิ้มรสก็ไม่อาจซ่อนความประทับใจ ดวงตาที่เคยขรึมสงบมีแวววาวขึ้นเล็กน้อย

"ข้าก็ว่าอร่อยจริง"

เสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดออกจากริมฝีปากซือหยา นางยกมือลูบศีรษะลูกชายทั้งสองอย่างเอ็นดู

"ถ้าพวกเจ้าชอบแม่จะทำให้กินบ่อย ๆ ผักมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็ต้องใส่เนื้อสัตว์ลงไปด้วยจะได้รับสารอาหารครบถ้วน"

ทุกคนต่างก็มองหน้ากันอย่างงุนงง สารอาหารที่นางพูดคือสิ่งใดกัน มันหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วมีไว้ทำไม ดีต่อร่างกายอย่างไร

"..."

แม่เฒ่าเสิ่นยกตะเกียบคีบเนื้อปลาตะเพียนขึ้นมา ลองเคี้ยวพลางพยักหน้าหงึก ๆ สีหน้าตื่นเต้นยิ่งนัก

"ข้าอยู่มาหลายสิบปี ก็เพิ่งเคยเห็นว่าปลาตะเพียนที่มีก้างเยอะจนไม่มีใครอยากแตะต้อง ยังเอามาต้มเค็มกินได้ทั้งตัวเช่นนี้ นี่ต้องนับว่าเป็นฝีมือเฉพาะของเจ้าแล้วสะใภ้สาม"

"ตามจริงแล้วต้องใช้เวลาตุ๋นข้ามวัน คืนนี้ข้าจะเติมไฟตุ๋นต่ออีกสักหน่อย พรุ่งนี้ปลาจะเปื่อยดี ก้างก็จะนิ่มจนเคี้ยวได้ง่าย ๆ รับรองว่ารสชาติยิ่งดีกว่านี้แน่นอนเจ้าค่ะท่านแม่" ซือหยาตอบแม่สามี ระหว่างนั้นนางก็ดูแลลูกชายตัวน้อยทั้งสองไปด้วย

แม่เฒ่าเสิ่นหันหน้ามองทุกคนที่นั่งล้อมโต๊ะ สายตาไปหยุดที่ลูกชายคนเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

"ต่อไปหากใครจับปลาตะเพียนได้ ต้องเอามาให้ซือหยาทำปลาต้มเค็มให้กินอีก เข้าใจหรือไม่"

หยางเฉิงที่นั่งเงียบมาตลอดเพียงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบรับคำมารดา

"ขอรับท่านแม่"

บรรยากาศรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความอบอุ่น พ่อเฒ่าเสิ่นหัวเราะเสียงดัง ทุบโต๊ะไม้เบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น

"ดี! ต่อไปบ้านเราจะได้มีของอร่อยกินมิขาด หลาน ๆ ก็จะได้เติบโตแข็งแรง"

เสียงหัวเราะและการพูดคุยดังสลับกับเสียงตะเกียบกระทบชามดิน เสียงซดน้ำแกงดัง ซู้ด ซู้ด เป็นระยะ ๆ ความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันหายไปหมดสิ้น

ยามโหย่ว (17.00-19.00 น.) ใกล้สิ้นสุด แสงจันทร์ส่องลอดหน้าต่างไม้ที่ปิดไว้เพียงครึ่งหนึ่ง แสงสีเงินตกกระทบพื้นดินอัดแน่นจนแข็งเป็นแนวเรียบเหมือนทอด้วยแพรบาง ๆ เสียงจิ้งหรีดในสวนดังเป็นจังหวะ คล้ายบทเพลงกล่อมยามค่ำที่ธรรมชาติมอบให้

ในห้องนอนของหยางเฉิง เตียงไม้เก่ามีกลิ่นหอมอ่อนจากน้ำยาที่ซือหยาใช้อบผ้า ผ้าห่มฝ้ายผืนเก่ามีรอยเย็บปะชุนแต่สะอาดหมดจดวางซ้อนกันสองผืน โต๊ะข้างห้องมีเชิงเทียนวางไว้ เปลวไฟสั่นไหวเบา ๆ ส่องให้เห็นเงาของทุกคนที่ทอดยาวไปตามผนัง

หลังมื้ออาหารค่ำอิ่มหนำ ซือหยาจัดแจงอาบน้ำให้ลูกชายทั้งสองในโอ่งไม้ใหญ่หลังเรือน น้ำสะอาดถูกต้มจนอบอุ่นพอเหมาะถูกตักราดลงบนเรือนกายเล็ก ๆ เด็กชายตัวน้อย เสียงหัวเราะคิกคัก เสียงน้ำกระเซ็นดัง ฉ่า ฉ่า ในความมืดของยามวิกาล

อันหมิงยกแขนป้อม ๆ ขึ้น ยกขันไม้ตักน้ำราดตัวเอง หยดน้ำหยดลงปลายคางแล้วหยดเป็นสายบนหน้าอกเล็ก

"ท่านแม่ น้ำอุ่นจริง ๆ ขอรับ ดีเสียจนลูกไม่อยากหยุดเลย"

ซือหยาหัวเราะเบา ๆ ลูบเส้นผมชื้นของลูกชาย

"พอได้แล้ว แช่น้ำนานเกินไปจะไม่สบายเอาได้ ไม่สบายแล้วต้องกินยาขม ๆ ด้วยนะ รู้หรือไม่"

"ไม่เอา ลูกไม่กินนะท่านแม่"

"ไม่อยากกินก็พอได้แล้ว"

ส่วนอี้หมิง แม้ยังมีแววต่อต้านในแววตา ทว่าก็มิได้ขวางขืนแรงมารดาดังแต่ก่อน เขาเพียงยืนนิ่งให้มารดาช่วยเช็ดตัวเงียบ ๆ ริมฝีปากบางเม้มแน่นไม่พูดไม่จา แต่ก็ไม่มีสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเหมือนเมื่อตอนกลางวันแล้ว เพียงแววตาลึก ๆ ที่ยังมีระแวงระวังอยู่

เมื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ลูกทั้งสองจนสะอาด ซือหยาพาลูกเข้าห้องนอน เด็กชายตัวน้อยทั้งคู่ขึ้นเตียงนอน ผ้าห่มผืนเก่าถูกดึงขึ้นมาคลุมร่างเล็ก ๆ อันหมิงรีบซุกหน้าแนบผืนผ้านั้น แล้วสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ เข้าเต็มปอด ดวงตากลมใสสว่างวาบด้วยความตื่นเต้น

"ผ้าห่มหอมจัง ท่านแม่ซักอย่างไรหรือขอรับ ลูกไม่เคยห่มผ้าห่มหอม ๆ แบบนี้มาก่อนเลย"

เด็กชายถามเสียงใส พลางถูแก้มไปมากับผ้าห่มราวกับกลัวว่ากลิ่นหอมจะจางหายไป ซือหยาหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ นางยกมือลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู

"แม่มีสบู่ซักผ้า มันจะช่วยให้เสื้อผ้าสะอาดแล้วก็มีกลิ่นหอม" นางหยุดเล็กน้อย ยิ้มพลางกล่าวต่อ

"..."

"วันนี้อันหมิงกับอี้หมิงมานอนให้แม่กอดดีหรือไม่ แม่หนาวนัก หากมีพวกเจ้าเป็นผ้าห่มผืนน้อยให้แม่ก็คงจะดี"

นางยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มนิ่มของลูกชายคนเล็ก แก้มกลมเด้งสีแดงระเรื่อยามถูกบีบยิ่งน่ารักน่าเอ็นดูนัก ดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบให้มารดาเล่นด้วย ต่างจากพี่ชายที่ขยับตัวหนีไปนอนชิดข้างบิดาอีกฟากหนึ่งของเตียง

"ขอรับ! ลูกจะเป็นผ้าห่มผืนน้อยให้ท่านแม่ หากลูกสามารถเป็นผ้าห่มผืนน้อยให้ท่านแม่ได้ตลอดก็คงจะดี"

อันหมิงตอบเสียงดังแววตาเป็นประกาย แต่เมื่อพูดจบ เด็กชายก็ก้มหน้าเล็กน้อย สีหน้าสลดลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel