เรือนสกุลหาน 1
ซือหยาดันรถเข็นที่เต็มไปด้วยของกินและสัมภาระมุ่งหน้าไปตามทางเดิน ที่ทอดยาวไปจนถึงท้ายหมู่บ้าน ที่เรือนของสกุลหานตั้งอยู่ บนรถเข็นมีอันหมิงอี้หมิงนั่งยิ้มน้อยนิ้มใหญ่ด้วยความตื่นเต้น
เด็กชายทั้งสองคนมองดูบ้านเรือนและผู้คนที่เดินไปมา ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ซือหยายิ้มออกมาอย่างมีความสุข เท่าที่จำได้ ร่างนี้ไม่เคยพาลูก ๆ กลับมาเยี่ยมบ้านเดิมเลยสักครั้ง ทั้งที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน มีเพียงสามีของนางเท่านั้นที่เทียวมาส่งเสบียงอยู่เรื่อย ๆ
เมื่อเดินทางมาถึงหน้าเรือนสกุลหาน ซือหยาก็พบว่าพ่อแม่ของนาง และ น้องสาว น้องชาย กำลังนั่งพักหลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนในเรือนต่างก็ขยันขันแข็ง ถึงจะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินแต่ก็ไม่มีใครนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่เฉย ๆ นอกจากซือหยาที่ถูกตามใจจนเสียคน
ทันทีที่แม่เฒ่าหานมองเห็นลูกสาวกับหลาน ๆ นางก็รีบเดินออกมาหาด้วยความตื่นเต้น
"ซือหยา อี้หมิง อันหมิง รีบเข้ามาเร็วลูก มา ๆ มาให้ยายกอดหน่อย"
แม่เฒ่าหานเดินเข้าไปกอดหลานชายทั้งสองด้วยความรักใคร่ ขณะเดียวกันสายตาก็จ้องมองลูกสาวด้วยความคิดถึง หายากนักที่ลูกสาวของนางจะกลับมาหาแบบนี้ ในยามที่นางคิดถึงก็ทำได้เพียงนำสิ่งของไปให้ลูกสาวที่เรือนสกุลเสิ่น แต่ก็มีเวลาพูดคุยด้วยไม่นานก็ถูกไล่กลับ
"เข้าบ้านก่อนลูก มีเรื่องอะไรรึเปล่า บอกพ่อมาเถอะ ถ้ามีอะไรที่พ่อช่วยได้พ่อต้องช่วยแน่นอน"
พ่อเฒ่าหานเดินตามออกมาแล้วลูบหัวลูกสาวอย่างอ่อนโยน ชายสูงวัยมองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย
ทางด้านหานซือเหอและหานซือหลิงก็รีบมาเข็นรถเข็นช่วยพี่สาว แม้เดิมทีนางจะปฏิบัติตัวไม่ดีกับทุกคน แต่นางก็ยังเป็นที่รักของคนในครอบครัวเสมอ
"ข้าช่วยขนของนะขอรับพี่หญิง" ซือเหอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"ข้าช่วยด้วยเจ้าคะ" ซือหลิงกล่าวเสริม
"ขอบใจมากนะซือเหอ ซือหลิง พี่สาวมีซาลาเปากับถังหูลู่มาฝากด้วยนะ พวกเจ้ากินได้เลย" นางหันไปส่งยิ้มให้น้อง ๆ ทั้งสอง
"ขอบคุณพี่หญิงขอรับ/ขอบคุณพี่หญิงเจ้าค่ะ"
น้อง ๆ ของนางกล่าวพร้อมกันแล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พี่สาวไม่ค่อยสนใจพวกเขาเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้พี่สาวเปลี่ยนไปแล้ว
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ที่มาวันนี้ข้ามีเรื่องที่อยากคุยกับท่านจริง ๆ เราเข้าไปคุยในเรือนได้ไหมเจ้าคะ"
ซือหยาหันไปบอกพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
"ได้สิลูก อี้หมิง อันหมิง หลานเล่นอยู่กับน้าซือเหอกับน้าซือหลิงก่อนนะ ยายขอไปคุยธุระกับแม่ของเจ้าสักหน่อย เสร็จแล้วยายจะมาหาพวกเจ้า"
แม่เฒ่าหานบอกหลานชายทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"ขอรับท่านยาย/ขอรับท่านยาย" อี้หมิงกับอันหมิงตอบกลับอย่างว่าง่าย
เมื่อผู้ใหญ่เดินเข้าเรือนไป ซือเหอหยิบไม้ไผ่สองท่อนมากระทบกันเป็นเสียงดัง ก่อนจะชวนหลานชายตัวน้อยทั้งสองมาเล่นด้วยกัน ถึงเขาจะอายุ 17 ย่างเข้า 18 ปีแล้ว แต่ก็ยอมเล่นเหมือนเด็กเพราะอยากใช้เวลากับหลานชายตัวน้อยทั้งสอง
"อี้หมิง อันหมิง น้าจะพาพวกเจ้าเล่นทหารยามจับโจรดีหรือไม่?"
"ข้าจะเป็นทหารยาม!" อันหมิงรีบชูมือ ยิ้มจนแก้มใส ๆ เป็นก้อนกลมอย่างน่าเอ็นดู
"ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเป็นโจร" อี้หมิงกลับทำหน้าขรึม เสียงทุ้มเล็ก ๆ เอ่ยด้วยความมั่นคงเกินวัย แต่ในตายังมีประกายสนุกซ่อนอยู่
"เช่นนั้นข้าจะเป็นชาวบ้านที่ถูกจับ ท่านทั้งสองต้องช่วยข้าหนีให้ได้"
หานซือหลิงน้าสาววัย 10 ปี หัวเราะร่า พร้อมกับเตรียมตัวให้สมกับบทบาทของตัวเอง
เด็ก ๆ พากันวิ่งไปรอบ ๆ ลาน ฝุ่นดินลอยฟุ้ง เสียงหัวเราะคิกคักดังต่อเนื่อง อี้หมิงวิ่งว่องไวเหมือนลูกศร หลบหลีกการไล่ล่าของน้องชายอย่างคล่องแคล่ว
ส่วนอันหมิงตัวเล็กกว่าจึงหัวเราะไปหอบไป ไล่ไม่ทันก็ทิ้งตัวลงบนพื้นดินอย่างหมดแรง แต่เมื่อได้ยินเสียงน้าสาวร้องเรียกก็รีบลุกขึ้นวิ่งต่ออย่างไม่ย่อท้อ
"จับได้แล้ว!"
ในตัวเรือน
พ่อเฒ่าหานกับแม่เฒ่าหานแทบจะไม่สนใจสิ่งของที่ลูกสาวนำมา สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกท่านก็คือซือหยาเท่านั้น นี่นับเป็นครั้งแรกที่นางกลับมาหาที่บ้านด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มและดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
"ซือหยา ลูกมามีอะไรก็พูดมาเถอะ แม่จะช่วยลูกเอง" แม่เฒ่าหานเดินเข้าไปในบ้านแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้
ซือหยาเดินเข้าไปนั่งลงตรงข้ามกับพ่อแม่ของนาง นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวที่นางอยากบอก
"ท่านพ่อ ท่านแม่ เรื่องที่ข้าจะพูดต่อไปนี้พวกท่านอาจจะไม่เชื่อ แต่มันเป็นเรื่องที่ข้าเผชิญมากับตัว เมื่อวานข้าล้มหัวฟาดพื้น ข้าฝันเห็นว่าอีกสองสามเดือนข้างหน้าจะเกิดพายุฝนตกหนัก จนเกิดน้ำป่าไหลหลาก"
"..." "..."
