หออักษรจันทรา 2
ซือหยาเดินเข้าไปในหออักษรจันทรา เสียงฝีเท้านางก้องกับพื้นหินเรียบ ๆ กลิ่นหมึกพิมพ์และกระดาษใหม่ลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งร้าน นางมองไปรอบ ๆ พบผู้ดูแลร้านกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ขัดมัน เขามีผ้ากันเปื้อนสีเข้ม มือกำพู่กันเตรียมจดรายการสินค้าลงในบัญชี
"หออักษรยินดีต้อนรับ แม่นางมีอะไรให้ข้ารับใช้ขอรับ" เสียงเขาเรียบสุภาพแฝงไปด้วยการให้เกียรติต่อผู้อื่น
"ข้ามาซื้อกระดาษเจ้าค่ะ แล้วก็มีเรื่องอยากจะสอบถามผู้ดูแลสักหน่อย" ซือหยาก้าวเข้ามา พลางวางตะกร้าสานไว้ข้างตัว
"แม่นางมีเรื่องใดอย่าได้เกรงใจ หากข้ารู้ข้าต้องบอกแม่นางแน่นอน"
ซือหยาหยุดอยู่ตรงกลางร้าน สายตาลอบมองลังกระดาษเรียงซ้อนกันอยู่ข้างกำแพง แล้วเอ่ยถามเสียงสุภาพ
"ที่นี่รับซื้องานเขียนหรือไม่เจ้าคะ"
ผู้ดูแลร้านยิ้มบาง พลางลุกขึ้นยืนตรง
"งานเขียนเรื่องเล่าหรือขอรับ หออักษรของเรามีโรงพิมพ์ของตัวเอง เรารับซื้องานเขียนอยู่แล้ว เพียงแต่เรื่องราคาขึ้นอยู่กับว่าเป็นผู้เขียนหน้าใหม่ หรือเป็นนักเขียนมีชื่อ งานเขียนมีความยาวกี่คำ เรื่องราวการเดินเรื่องน่าสนใจหรือไม่ ทั้งนี้ทั้งนั้นข้าต้องได้ดูต้นฉบับของแม่นางก่อนถึงจะตั้งราคาได้ขอรับ หากความยาว 2 แสนคำ ราคาก็จะเริ่มต้นที่ 40 ตำลึง ถึง 100 ตำลึง"
"เป็นแบบนี้นี่เอง แล้วตอนนี้มีงานเขียนแนวไหนที่เป็นที่นิยมบ้างเจ้าคะ" ซือหยายิ้มกริ่ม เสียงหัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
"ไม่ว่าจะยุคไหนก็หนีไม่พ้นเรื่องราวความรัก สตรีสูงศักดิ์กับบัณฑิตยากจน หรือไม่ก็ตำนานวีรบุรุษ และนิทานขำขัน เล่าเป็นเรื่องสั้น ๆ เพื่อความบันเทิง หรือสอดแทรกคุณธรรม"
ซือหยากะพริบตา ก่อนกล่าวอย่างสุภาพ
"ขอบคุณผู้ดูแลที่ให้ความรู้เจ้าค่ะ ข้าเขียนเสร็จเมื่อไหร่ ข้าจะนำต้นฉบับมาให้ท่านลองอ่านนะเจ้าคะ"
"โอ้ แม่นางจะเขียนเองหรอกหรือ ช่างมีความสามารถเสียจริง น้อยนักที่สตรีจะรู้หนังสือ นอกเสียจากคุณหนูจวนใหญ่" ผู้ดูแลชื่นชมอย่างจริงใจ
"ข้าก็แค่เรียนรู้กับน้องชายเจ้าค่ะ ว่าแต่ค่ากระดาษของข้าเท่าไหร่เจ้าคะ"
"กระดาษมัดนี้ 500 อีแปะขอรับ"
"นี่เงินเจ้าค่ะ" ซือหยายื่นเงินไปพร้อมรอยยิ้ม
"แม่นางรอเงินทอนสักครู่ ขอบคุณที่แวะมาอุดหนุน แม่นางเขียนจบเมื่อไหร่หวังว่าข้าจะได้อ่านต้นฉบับนะขอรับ"
"แน่นอนเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน"
ซือหยาเดินออกจากหออักษร กระดาษและเงินทอน 500 อีแปะอยู่ในมือ แม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่หากใช้กระดาษในมิติก็กลัวว่าผู้คนจะสงสัย
"เพราะแบบนี้สินะ ชาวบ้านส่วนใหญ่ถึงส่งลูกเรียนไม่ได้ นอกจากค่าเล่าเรียนที่ต้องจ่ายในราคาที่สูงลิ่วต่อปี ยังมีค่ากระดาษพู่กัน ค่าตำราอีกมากมาย"
จากนั้นนางก็เดินไปที่ร้านขายผ้า นางมองดูผ้าหลากหลายสีที่แขวนอยู่เต็มร้านด้วยความตื่นเต้น นางมองหาผ้าที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว นางเลือกผ้าฝ้ายสีเรียบ ๆ สำหรับพ่อเฒ่าเสิ่นและแม่เฒ่าเสิ่น ผ้าสีเข้มสำหรับสามีและลูกชายทั้ง 2 คน
"แม่นางต้องการผ้าชนิดใด หรือต้องการชุดสำเร็จรูปหรือขอรับ"
"ข้าอยากได้ชุดเด็ก 6 ชุดเจ้าค่ะ ขอผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ" ซือหยาบอกกับเถ้าแก่ร้านขายผ้า
"ชุดเด็กชุดละ 90 อีแปะขอรับ" เถ้าแก่ร้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม ซือหยาพยักหน้าแล้วก็เลือกผ้าชุดผู้ใหญ่ต่อ
"แล้วชุดผู้ใหญ่ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ"
"ชุดผู้ใหญ่ชุดละ 200 อีแปะขอรับ" เถ้าแก่ร้านกล่าวตอบ
"แล้วชุดนอนผ้าเนื้อดีล่ะเจ้าคะ" ซือหยาถามต่อเพราะนางเห็นว่ามีชุดนอนแขวนอยู่บนราวไม้
"ชุดนอนเด็กชุดละ 50 อีแปะ ชุดนอนผู้ใหญ่ชุดละ 100 อีแปะขอรับ"
ซือหยาพยักหน้ารับ จากนั้นนางก็เดินไปเลือกเสื้อผ้าให้พ่อแม่สามีคนละ 1 ชุด ให้พ่อแม่ของนางคนละ 1 ชุด ให้ลูกชายทั้ง 2 คนคนละ 2 ชุด ให้สามีของนาง 2 ชุด ให้อาเซียว 1 ชุด ให้เจาตี้ 1 ชุด และให้ซือเหอกับซือหลิงคนละ 1 ชุด
ตามด้วยชุดนอนของสามีกับลูกชายทั้ง 2 คนละ 1 ชุด ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยมีชุดนอนเลย เมื่อเลือกของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซือหยาก็เดินกลับมาหาเถ้าแก่ร้าน
"คิดเงินเลยเจ้าค่ะ ข้าเอาทั้งหมดนี่"
"ขอรับ รอสักครู่นะขอรับแม่นาง"
เถ้าแก่ร้านกล่าวแล้วก็นำเสื้อผ้าทั้งหมดมาวางบนโต๊ะไม้ เขาหยิบพู่กันกับกระดาษออกมาแล้วเริ่มคำนวณราคา
"ชุดเด็ก 6 ชุด 540 อีแปะ ชุดผู้ใหญ่ 8 ชุด 1 ตำลึง 600 อีแปะ...ชุดนอนเด็ก 2 ชุด 100 อีแปะ ชุดนอนผู้ใหญ่ 1 ชุด 100 อีแปะ...รวมเป็นเงินทั้งหมด 2 ตำลึง 340 อีแปะ ขอรับแม่นาง"
เถ้าแก่ร้านคำนวณไปเรื่อย ๆ จนได้ตัวเลขสุดท้าย
ซือหยาก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก นางหยิบเงินที่เตรียมไว้ในถุงย่ามออกมาแล้วยื่นให้เถ้าแก่ร้านโดยไม่อิดออด
"นี่เงินเจ้าค่ะ ขอบคุณมากนะเจ้าคะ"
เถ้าแก่ร้านมองดูเงินในมือของนางแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"ขอบคุณมากขอรับแม่นาง"
เขารับเงินมาแล้วส่งมอบเสื้อผ้าทั้งหมดที่ถูกมัดรวมกันไว้อย่างเรียบร้อยให้กับนาง ซือหยารับเสื้อผ้ามาแล้วยิ้มให้กับเถ้าแก่ร้านก่อนจะเดินออกจากร้านไป นางมีความสุขมากที่ได้ซื้อของเหล่านี้ให้ทุกคนในครอบครัว
เมื่อได้เสื้อผ้าเรียบร้อย นางแวะซื้อซาลาเปา 12 ลูก เพื่อให้ทุกคนกินคนละลูก แต่คิดถึงบ้านเดิมและความอยากให้ลูกชายได้กินอิ่ม นางสั่งเพิ่มอีก5ลูก และหมั่นโถวแป้งขาวอีก 20 ลูกไปให้ทุกคนกินกับหมูพะโล้
จากนั้นก็ซื้อถังหูลู่อีก 5 ไม้ นางเก็บของทั้งหมดใส่ในตะกร้า ซือหยาเดินออกจากเมือง เมื่อถึงที่ลับสายตาผู้คนนางก็แอบเข้าไปดูหมูพะโล้ที่ตุ๋นไว้ในมิติ หม้อใบใหญ่กำลังเดือดปุด ๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศอบอวลไปทั่ว
นางหยิบทัพพีคนพะโล้เบา ๆ เพื่อดูความนุ่มของเนื้อหมู เมื่อมั่นใจว่าหมูพะโล้กำลังเคี่ยวได้ที่ ซือหยาออกจากมิติแล้วมุ่งหน้ากลับหมู่บ้านด้วยฝีเท้ากระฉับกระเฉง
