บท
ตั้งค่า

ถังหูลู่ 1

เมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลายามซื่อ (ยามซื่อ 09.00-11.00 น.)

ซือหยาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย นางตรงเข้าไปในห้องครัวแล้วเริ่มก่อไฟทันทีแล้วอุ่นปลาต้มเค็มกับจับฉ่ายที่เหลืออยู่ไม่มาก จากนั้นก็เข้ามิตินำเสื้อผ้าชุดใหม่ของทุกคนเข้าเครื่องซักผ้า แล้วก็เอาไข่นกกระทาที่ลูก ๆ ของนางชอบกินออกมาต้มราว ๆ เจ็ดสิบฟอง

เมื่อสุกแล้วก็ตักขึ้นแช่น้ำแล้วนำมาแกะใส่ลงไปในหม้อพะโล้ที่กำลังตุ๋นได้ที่ ตอนนี้เป็นเพียงยามซื่อ ยังพอมีเวลา นางจึงนำมันฝรั่งมาปอกเปลือกจากนั้นก็ซอยเป็นเส้นบาง ๆ แล้วผัดออกมาถ้วยใหญ่ ก่อนจะนำมาจัดเตรียมใส่ตะกร้าที่ตั้งอยู่นอกมิติ

ยังพอมีเวลาเหลือ นางจึงนำของที่ซื้อมา ไม่ว่าจะเป็นกระดาษก็นำไปเก็บในห้องของนาง ซาลาเปาและหมั่นโถวที่ห่ออยู่ในกระดาษนางก็บรรจุใส่ในตะกร้าพร้อมกับถังหูลู่ ส่วนของที่จะเตรียมไปบ้านเดิม นางแยกไว้ต่างหากแล้ว

ระหว่างนั้นนางก็เดินเติมน้ำตามโอ่งหรืออ่างดินทุกที่จนเต็ม กระทั่งถึงเวลาเที่ยงวัน ซือหยาจึงหยิบหม้อไปตักหมูพะโล้ในมิติใส่ แล้วนำออกมาใส่ตะกร้า ยังมีปลาตะเพียนต้มเค็มเหลืออยู่หนึ่งตัวแล้วก็ต้มจับฉ่ายเหลืออยู่หนึ่งถ้วย นางก็เอาใส่ตะกร้าไปให้ทุกคนกินให้หมดเพราะกลัวของจะเสีย

เมื่อทุกอย่างพร้อม นางก็เดินถือตะกร้ามุ่งหน้าไปที่แปลงนาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เดินไปได้ไม่นานก็เห็นร่างสูงใหญ่ของหยางเฉิงเดินมาพอดี เขาคิดว่านางยังไม่กลับมา เลยเดินเข้าหมู่บ้านจะมาเอากับข้าว

ลึก ๆ ก็กลัวว่านางจะหนีไปกับชายอื่น แต่พอเห็นหน้านางก็ทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หยางเฉิงมองดูตะกร้าอาหารในมือของนางแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

"เจ้ากลับมาแล้ว?"

"เจ้าค่ะ ข้ากลับมาพักใหญ่แล้ว ทำกับข้าวกับงานบ้านเสร็จแล้ว"

ซือหยาตอบด้วยน้ำเสียงที่สดใสและรอยยิ้มบนใบหน้า

"ดีแล้ว ส่งมาเถอะเดี๋ยวข้าถือเอง"

เขายื่นมือมารับตะกร้าทั้งสองไป ซือหยาไม่ลังเลเลยที่จะยื่นตะกร้าให้กับเขา แล้วส่งยิ้มหวานไปให้

"ขอบคุณท่านพี่"

หยางเฉิงรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่กับกิริยาท่าทางที่แปลกไปของภรรยา เขาจึงหันหลังกลับแล้วเดินตรงไปที่แปลงนา ซือหยาเห็นแบบนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้น

"ท่านพี่ ข้าขอกลับบ้านได้หรือไม่เจ้าค่ะ"

หยางเฉิงหยุดเดินแล้วหันกลับมามองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

"เมื่อก่อนไม่เห็นเจ้าเคยสนใจบอก หรือขอเวลาที่อยากไปไหน"

"ก็ตอนนั้นข้าโง่" ซือหยาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ

"..."

"ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าท่านพี่กับลูกคือคนสำคัญที่สุดสำหรับข้า แน่นอนว่าไปไหนหรือทำอะไรข้าต้องบอกท่านพี่ก่อน"

หยางเฉิงมองดูนางด้วยสายตาที่อ่อนลง เขารู้สึกผิดอย่างที่เมื่อครู่เข้าใจนางผิด คิดว่านางจะหนีไปหามู่ไต้

"อือ แล้วเงินของเจ้ายังเหลือหรือไม่ ช่วงนี้ข้าไม่ได้เอาของกินไปให้พวกท่าน ถ้าเงินของเจ้าหมดแล้วข้าจะแบ่งให้เจ้า นำไปมอบให้พวกท่านเก็บไว้ใช้จ่าย"

"ยังเหลือเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง ที่ผ่านมาต้องขอบคุณท่านพี่ที่นึกถึงคนที่บ้านเดิมของข้าตลอด"

ซือหยาเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขา แล้วดึงชายเสื้อเขาเหมือนเด็กที่กำลังออดอ้อนเวลามีความผิด

"..."

"หลังจากคุยธุระกับท่านพ่อท่านแม่เสร็จแล้ว คืนนี้ข้ามีเรื่องจะต้องคุยกับท่านพี่ด้วยเช่นกัน"

"อื้อ ขอแค่เจ้าไม่ทำให้ลูกเสียใจ เจ้าอยากทำอะไรข้าก็ไม่ขัด"

ไม่นานพวกเขาก็เดินไปถึงศาลาที่ตั้งอยู่ข้างแปลงนา พอเจ้าตัวน้อยอันหมิงเห็นมารดาเดินมาก็รีบวิ่งมากอดทันที

"ท่านแม่ ท่านแม่กลับมาแล้ว!"

ซือหยาก้มลงลูบผมลูกชายพลางหัวเราะเสียงใส

"อันหมิงคิดถึงแม่หรือไม่?"

ดวงตากลมใสส่องประกายเหมือนหยดน้ำใสสะท้อนแดด

"ลูกคิดถึงท่านแม่ที่สุดขอรับ"

"ปากหวานจริงเชียว แบบนี้แม่ต้องให้รางวัล"

นางชูถังหูลู่ขึ้นเหนือหัว เด็ก ๆ ทั้งสามคนตาโตปริบ ๆ

"อู้วว... น่าอร่อยจริง ๆ ท่านแม่ ลูกขอกินตอนนี้ได้หรือไม่ขอรับ?"

อันหมิงเอ่ยถามพร้อมกับมองตามถังหูลู่สีแดงไม่วางตา

"ได้เพียงคำเดียว ลูกต้องกินข้าวก่อน แม่ถึงจะให้กินที่เหลือ เข้าใจหรือไม่?"

"ขอรับ!" เด็กชายพยักหน้าหงึก ๆ

นางหันไปทางอี้หมิง เด็กชายคนพี่ที่นั่งนิ่งทำเป็นไม่สนใจ ดวงตาคมเล็กส่องประกายปนดื้อดึง ขาปัดไปมาเหมือนพยายามกลบเกลื่อนความอยากของตน

"แล้วอี้หมิงเล่า? ไม่อยากกินหรือ? ถ้าอยากก็มาหาแม่สิ"

เด็กชายทำหน้าขรึม

"ลูก... ไม่อยาก"

เสียงนั้นเล็กนิดเดียว แต่หูของซือหยาฟังออกว่าเป็นเพียงความเก้อเขิน ซือหยาหัวเราะน้อย ๆ ก่อนใช้เสียงอ่อนหวานล่อใจ

"แม่ไปต่อแถวนานนักกว่าจะได้ถังหูลู่นี้มา เห็นเด็ก ๆ รุมซื้อกันใหญ่ รสชาติต้องหวานหอมมากแน่ ๆ ลูกไม่ลองชิมสักคำหรือ?"

อันหมิงรีบใช้มือดันหลังพี่ชายให้ก้าวไปข้างหน้า

"ไปเถิดพี่ ข้าเองก็อยากเห็นท่านแม่หอมแก้มพี่บ้าง"

อี้หมิงกัดริมฝีปากแน่น ก้าวขาอย่างเสียไม่ได้จนถึงอ้อมแขนของมารดา ซือหยากอดลูกชายแน่นแล้วหอมแก้มทั้งสองฟอดใหญ่ เสียงดังจนทุกคนหัวเราะ เด็กน้อยตัวแข็งทื่อ แก้มแดงจัดราวกับผลทับทิมสุก

"แก้มของอี้หมิงหอมชื่นใจนัก ถังหูลู่ไม้นี้เป็นของลูก แม่ให้ชิมหนึ่งคำ กินข้าวเสร็จค่อยกินต่อนะเด็กดี เจาตี้ก็ด้วย อาสะใภ้ซื้อมาฝากเจ้าด้วยนะ"

ซือหยาหันไปเรียกหลานสาวให้มาชิมพร้อมกัน เด็กหญิงรีบก้าวเข้ามาพร้อมก้มศีรษะอย่างรู้ความ

"ขอบคุณอาสะใภ้เจ้าค่ะ"

พอได้ลิ้มรสหวานกรอบเหนียวหนึบ เด็ก ๆ ทั้งสามก็ตาลุกวาว

"อร่อยจริง ๆ!" พวกเขาเฮโลกันพูดเสียงดังจนบรรยากาศศาลามีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel