ลูกก็อยากได้ขอรับ 2
เมื่อเปิดอ่านทีละหน้า ดวงตานางส่องประกายจริงจัง
"ตอนนั้นคิดว่าเขียนได้ดีแล้วแท้ ๆ แต่พอย้อนมาอ่านก็เจอข้อผิดพลาดกับจุดที่ควรปรับปรุงเยอะเหมือนกันนะเนี่ย"
ซือหยาก้มหน้าลง เขียนและขีดฆ่า แก้ไขคำผิด เติมประโยคใหม่ให้สละสลวยขึ้นทีละบรรทัด เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไปมีเสียงขีดเขียนและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เป็นทำนองประกอบ
จนถึงปลายยามเซิน ซือหยาจึงเก็บต้นฉบับและปากกาหมึกซึมเอาไว้ แล้วหันไปชวนลูกชายทั้งสอง
"อี้หมิง อันหมิง ไปเก็บผักกับแม่กันเถอะ"
"ขอรับ!" เด็กน้อยตอบพร้อมเสียงใส
ในสวนข้างเรือน แสงแดดอุ่นส่องกระทบหยดน้ำระยิบระยับบนใบผัก อี้หมิงกับอันหมิงต่างอาสาช่วยรดน้ำอย่างตั้งใจ มือเล็กถือกระบวยไม้สาดน้ำใส่แปลงผักด้วยความเพลิดเพลิน ขณะเดียวกันก็ช่วยกันจับหนอนตัวอ้วน ๆ โยนให้ไก่ที่วิ่งต้วมเตี้ยมอยู่ในเล้าเข้ามาจิกกินอย่างเอร็ดอร่อย
"พี่ชาย ดูสิ หนอนตัวนี้ดิ้นใหญ่เลย อ๊ากก อย่าโยนใส่ข้า!"
."ฮ่า ๆ ๆ" เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วดังต่อเนื่อง
ซือหยามองลูกด้วยแววตาเปี่ยมสุข รู้สึกราวกับความฝันอันเลือนรางได้กลับคืนมาอีกครั้ง
นางตัดผักกวางตุ้งใบเขียวสด เก็บมะเขือเทศสีแดงฉ่ำไปหลายลูก เมื่อทุกอย่างพร้อมจึงเข้าครัว เริ่มจากหุงข้าวในหม้อดิน อุ่นหมูพะโล้ที่เหลือ
ต่อด้วยการล้างผัก หั่นเป็นชิ้นพอคำ เตรียมกระเทียมบุบกลิ่นหอมแรงไว้สำหรับผัด ระหว่างนั้นนางรีบเปิดมิติ ดึงสายยางออกมาเติมน้ำลงโอ่งในลานให้เต็ม ความคล่องแคล่วของนางทำให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว
สายตาของซือหยาลอบมองลูก ๆ เป็นระยะ พวกเขายังคงรดน้ำผักและหัวเราะร่า เสียงไก่ขันแทรกเป็นจังหวะชวนให้หัวใจนางอิ่มเอิบ
ไม่นานนักทุกอย่างก็พร้อม พ่อแม่และคนสกุลเสิ่นกลับจากแปลงนา ร่างที่เหนื่อยล้าจากการทำงานใต้แสงแดดเข้ามาในลานบ้าน กลิ่นอาหารหอมกรุ่นโชยมาเตะจมูก
บนโต๊ะไม้ยาวในห้องโถงใหญ่ อาหารเรียงรายครบถ้วน ข้าวสวยร้อน ๆ ผักกวางตุ้งผัดกระเทียมหอม หมูพะโล้เนื้อนุ่ม มะเขือเทศผัดไข่ ทุกอย่างดูน่ากินจนทุกคนต้องเร่งมือ
เมื่ออาบน้ำล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย ซือหยาก็นำเสื้อผ้าที่ซื้อมา ออกมาให้พ่อแม่สามีและหลาน ๆ ทั้งสอง
"ข้าเข้าเมืองวันนี้ เห็นว่าท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่นานแล้ว ข้าเลยซื้อมาให้เจ้าค่ะ มีของอาเซียวแล้วก็ของเจาตี้ด้วยนะ มาดูเร็วว่าชอบหรือไม่"
แม่เฒ่าเสิ่นกับสามียิ้มกว้างแล้วรับชุดใหม่จากสะใภ้คนที่สาม
"ขอบใจเจ้ามากซือหยา"
"ขอบคุณท่านอาสะใภ้ขอรับ ข้าชอบมาก"
อาเซียวกล่าวระหว่างที่รับเสื้อผ้าชุดใหม่ไปวางทาบกับตัว ส่วนหนูน้อยเจาตี้ก็กอดชุดใหม่ไว้แน่น
"ขอบคุณอาสะใภ้เจ้าค่ะ ข้าชอบมาก"
ระหว่างที่หลายคนกำลังดีใจ ซือหยาก็แกล้งทำเป็นเงียบ แต่เจ้าตัวน้อยอันหมิงกลับมายืนแสดงตัวอยู่ตรงหน้ามารดา ราวกับจะทวงถามเสื้อผ้าของตนกับพี่ชาย หยางเฉิงที่เห็นชุดใหม่ก่อนแล้วก็อดขำท่าทางของลูกชายคนเล็กไม่ได้
"แล้วของลูกกับพี่ชายเล่าขอรับท่านแม่ ท่านคงไม่ได้ลืมพวกเราใช่หรือไม่ ไหนจะท่านพ่ออีก หากเป็นแบบนั้นท่านพ่อคงเสียใจแย่"
"จริงหรือ? เป็นท่านพ่อของเจ้าหรือที่เสียใจ ไม่ใช่เจ้ากับพี่ชายใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นแม่จะซื้อชุดใหม่ให้ท่านพ่อสักสองชุดเลยดีหรือไม่?" ซือหยาลอบมองดูว่าลูกชายจะพูดยังไงต่อ
"งื้อออ ลูกก็อยากได้ขอรับ"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่จะลืมลูกชายคนเก่งทั้งสองคนได้ยังไง เดี๋ยวกินข้าวเสร็จเราค่อยไปดูด้วยกัน ดีหรือไม่ มีของท่านพ่อด้วยนะ"
"ดีขอรับ/ดีขอรับท่านแม่"
เด็กชายตัวน้อยทั้งสองยิ้มกว้างอย่างมีความสุข แม่แต่หยางเฉิงก็พลอยมีรอยยิ้มตามไปด้วย
ทุกคนมานั่งล้อมรอบโต๊ะอาหารอย่างพร้อมหน้า กับข้าวทุกอย่างมีรสชาติกลมกล่อมทำให้ทุกคนเจริญอาหารไม่น้อย หยางเฟิง หยางรุ่ย หยางเฉิงและอาเซียวต่างก็ขอเพิ่มข้าวอีกหนึ่งถ้วย
"อาหารวันนี้รสชาติดีนัก มะเขือเทศผัดใส่ไข่พ่อไม่เคยเห็นใครทำ แต่รสชาติดีทีเดียว"
พ่อเฒ่าเสิ่นเอ่ยอย่างพอใจ แต่แม้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจในฝีมือการทำอาหารของซือหยา กลับไม่มีใครถามอะไรออกมาตรง ๆ
หลังมื้ออาหารจบลง หยวนอีกับเหรินซินช่วยกันยกถ้วยชามไปล้าง ขณะที่เหรินซินบ่นอุบอิบไม่พอใจนัก
"เหตุใดทุกครั้งข้าต้องเป็นคนล้างด้วยเล่า" นางบ่นเสียงแผ่วแต่ก็ยังได้ยินกันทั่ว
หยวนอีเงยหน้าตอบด้วยน้ำเสียงขุ่น
"ถ้าไม่อยากทำก็ถอยไป อาเซียว มาช่วยแม่เร็วเข้า"
"ขอรับท่านแม่"
เด็กหนุ่มรีบวิ่งมาช่วยมารดาทันที ขณะเดียวกันซือหยากับเจาตี้ก็หยิบผ้ามาเช็ดโต๊ะ ก่อนจะไปช่วยสะใภ้ใหญ่เก็บครัวต่อ
บรรยากาศที่อบอุ่นกลับมีรอยขุ่นขึ้นเล็กน้อย ระหว่างนั้น หยางรุ่ยเอ่ยขึ้นกับบิดามารดา
"อีกสองวันข้าต้องไปสมทบกับสำนักคุ้มกันแล้ว ครั้งนี้ต้องใช้เวลาเดินทางราวหนึ่งเดือนนะขอรับท่านพ่อท่านแม่ เห็นว่าต้องส่งของเข้าเมืองหลวง"
แม่เฒ่าเสิ่นฟังแล้วพยักหน้า
"เช่นนั้นแม่จะให้สะใภ้สามช่วยทำเนื้อแห้งเตรียมไว้ให้"
หยางรุ่ยรีบโบกมือปฏิเสธ
"ไม่ต้องหรอกท่านแม่ ข้าจะไปซื้อในเมืองเอง เงินค่าอาหารควรเก็บไว้เป็นกองกลางเช่นเดิม"
"เจ้าจะเอาเช่นนั้นก็ตามใจ" แม่เฒ่าเสิ่นกล่าว
เหรินซินได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยเสียงแข็งขึ้นมาอย่างไม่ชอบใจ
"เหตุใดต้องไปซื้อใหม่ ในเมื่อสะใภ้เล็กรับหน้าที่ดูแลเสบียงอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่นางสิ"
คำพูดนั้นทำให้หยางรุ่ยถึงกับหน้าตึง ดวงตาวาวโรจน์
"ข้าเป็นคนเดียวในบ้านที่ออกไปหาเงิน ส่วนพี่ชายต้องช่วยพ่อแม่ทำนา น้องชายก็ต้องล่าสัตว์เลี้ยงชีพ หากข้าจะเอาตัวรอดคนเดียว เช่นนั้นจะไม่เห็นแก่ตัวเกินไปหรือ"
พ่อเฒ่าเสิ่นกับแม่เฒ่าเสิ่นได้ยินก็หน้ามืดเล็กน้อย พวกท่านลุกขึ้นเดินออกไปสูดลมยามค่ำ ปล่อยให้บุตรชายจัดการภรรยาเอง เสียงหัวเราะของเหล่าหลาน ๆ ในลานบ้านกลบคลื่นโต้เถียงที่ส่อเค้าเข้มข้น
