ซวยแล้ว! 1
ต้นยามซวี (19.00-21.00 น.)
ความมืดเริ่มโรยตัวปกคลุมไปทั่วหมู่บ้าน แสงไฟจากเทียนไขส่องประกายริบหรี่พอให้เห็นความเคลื่อนไหวของคนในห้อง
สองเด็กชายตัวน้อย อี้หมิงกับอันหมิง ต่างก็ยืนมองดูเสื้อผ้าชุดใหม่ที่วางอยู่บนเตียงด้วยแววตาที่เป็นประกายระยิบระยับ พวกเขาไม่เคยมีเสื้อผ้าใหม่มาก่อนในชีวิต ส่วนใหญ่เป็นชุดเก่าที่ตกทอดมาจากญาติพี่น้อง หรือไม่ก็เป็นชุดที่ท่านย่าของพวกเขาเย็บปะชุนให้ใช้สอยตามอัตภาพ
"นี่...นี่คือชุดใหม่ของลูกกับพี่ชายจริง ๆ หรือขอรับท่านแม่"
อันหมิงกล่าวพลางกอดหอมเสื้อผ้าชุดใหม่เอาไว้ ดวงตาคู่เล็ก เต็มไปด้วยความดีใจจนน้ำตาคลอเบ้า ซือหยาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ตื้นตัน แต่มันเป็นความจริงที่น่าเจ็บปวด ร่างนี้ไม่ใส่ใจลูกกับสามีเลย นางก้มลงไปลูบหัวอันหมิงอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวว่า...
"ใช่แล้ว ยังมีชุดนอนด้วยนะ ไว้รอแม่หาเงินได้ก่อน แม่จะซื้อชุดใหม่ให้พวกเจ้าหลายตัวกว่านี้"
น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก ในเมื่อนางได้มาอยู่ที่นี่แล้ว นางจะไม่ทิ้งขว้างลูก ๆ กับสามีแน่นอน
"ขอรับ/ขอบคุณท่านแม่ขอรับ"
คราวนี้เป็นอี้หมิงที่กล่าวขอบคุณมารดาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเคย รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเด็กชายอย่างชัดเจน เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข และรู้สึกได้ถึงการได้รับการใส่ใจอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
หยางเฉิงที่ยืนพิงวงกบประตูมองดูภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ หัวใจของเขาที่แข็งกระด้างมานานเริ่มอ่อนนุ่มลงเรื่อย ๆ เขาเดินเข้ามาในห้องแล้วหยุดยืนอยู่ข้างซือหยา
"เจ้าจะหาเงินยังไง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าไม่ดีกว่าหรือ เจ้าอยู่เรือนดูแลลูก ๆ ก็พอ แค่ทำงานในเรือนก็หนักพอแล้ว"
เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของเขาแม้จะดูแข็งกร้าว แต่ดวงตานั้นกลับอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
"รอข้ากล่อมลูก ๆ หลับก่อน แล้วข้าจะเล่าให้ท่านพี่ฟังนะเจ้าค่ะ ใครอยากใส่ชุดนอนมาหาแม่เร็วเข้า"
นางหันไปหาลูกชายทั้งสองแล้วยื่นแขนออกไปกอดพวกเขา พอได้ยินแบบนั้นเด็กชายตัวน้อยทั้งสองต่างก็รีบคลานเข้ามาหามารดา
"ลูกขอรับท่านแม่/ลูกด้วยขอรับ"
"งั้นก็ถอดชุดเก่าออก แล้วมาใส่ชุดนอนตัวใหม่กันเลย"
ซือหยาช่วยลูกชายทั้งสองคนถอดเสื้อผ้าตัวเก่าที่ซีดจางและมีรอยปะชุนออก แล้วหยิบชุดนอนที่นางซื้อมาให้พวกเขาสวมใส่
อี้หมิงกับอันหมิงมองดูชุดนอนแขนยาวขายาว ที่ทำจากผ้าฝ้ายเนื้อดีสีขาวสะอาดตา พวกเขาไม่เคยเห็นชุดนอนที่ทำจากผ้าเนื้อดีและมีรูปลักษณ์ที่สวยงามเช่นนี้มาก่อน ซือหยาช่วยเด็ก ๆ ใส่เสื้อผ้าอย่างบรรจง ชุดนอนพอดีตัวทำให้พวกเขารู้สึกสบายและอบอุ่น
หลังจากใส่ชุดนอนเสร็จแล้ว ซือหยาก็พาพวกเขานอนลงบนที่นอน นางนอนลงฝั่งซ้ายมือของลูกชาย แล้วเริ่มกล่อมลูกน้อยเข้านอนด้วยเพลงนับแกะเช่นเคย
"แกะหนึ่งตัวกระโดดข้ามรั้วไป แกะสองตัวหลับตาเบา ๆ แกะสามตัว เดินเรียงกันเป็นแถว แกะสี่ตัวเหมือนดาวยิ้มทอแสง แกะห้าตัวหลับแล้วในทุ่งหญ้า แกะหกตัวนอนเคียงข้างกัน แกะเจ็ดตัวหัวซบกันเบา ๆ แกะแปดตัวหลับฝันอุ่นละมุน...."
เสียงร้องเพลงที่ไพเราะของมารดาทำให้เด็กชายทั้งสองเคลิบเคลิ้ม อี้หมิงที่ตอนแรกนอนห่าง ๆ เริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้ซือหยามากขึ้นจนเบียดน้องชาย ซือหยาเห็นแบบนั้นก็ดีใจมาก นางจึงเอื้อมมือไปตบก้นน้อย ๆ ของลูกชายทั้งสองอย่างเบามือ
ไม่นานอี้หมิงกับอันหมิงก็หลับไป ใบหน้าของพวกเขายามหลับดูน่ารักน่าชัง ซือหยาจึงเอาเสื้อผ้าที่ลูก ๆ เอามากอดไปพับเก็บ จากนั้นก็ไปนั่งลงข้างสามีที่กำลังนอนกึ่งนั่งมองดูนางอย่างไม่วางตา
"ท่านพี่ชอบชุดที่ข้าซื้อมาให้หรือไม่เจ้าคะ"
ซือหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล นางมองดูใบหน้าของหยางเฉิงที่หล่อเหลาคมเข้ม ใบหน้านี้มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
"อื้อ...ชอบ"
หยางเฉิงตอบสั้น ๆ แต่ดวงตานั้นกลับสื่อความหมายได้มากกว่าพันถ้อยคำ
"ข้าว่าถ้าท่านพี่ใส่ต้องหล่อเหลามากแน่ ๆ"
ซือหยาเอ่ยชมด้วยความจริงใจ
"เจ้าเพิ่งรู้หรือว่าสามีของเจ้าหล่อเหลาเพียงใด"
หยางเฉิงกล่าวพลางยิ้มมุมปากอย่างมีเสน่ห์
"เป็นข้าเองที่ตาบอด...ว่าแต่ เราไม่ได้อยู่กันตามลำพังนานแล้วนะเจ้าคะ"
มือเรียวของนางซุกซนทำเป็นปูไต่ไปถึงอกแกร่งของสามี สายตาของนางจดจ้องกล้ามเนื้อของเขาไม่วางตา ไม่ว่าชาติไหน เขาก็ยังมีรูปร่างกำยำน่าหลงใหล ทำให้หัวใจของนางเต้นรัวอย่างห้ามไม่ได้
"เป็นเจ้าเองที่ไม่ต้องการ"
หยางเฉิงกล่าวเสียงเบา เขาเข้าใจดีว่าการกระทำที่ผ่านมาของนางนั้นเกิดจากอะไร มันทำให้เขารู้สึกน้อยใจอยู่ลึก ๆ ถึงที่ผ่านมาปากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ใจก็บอบช้ำเจ็บปวด
"แล้วถ้าข้าบอกว่าข้าต้องการ ท่านพี่จะตามใจข้าหรือไม่?"
ซือหยาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ยั่วยวน ดวงตาคู่สวยของนางเปล่งประกายด้วยความต้องการ
"เจ้าแน่ใจในสิ่งที่พูดหรือไม่"
หยางเฉิงถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า เขาไม่กล้าที่จะเชื่อว่านางจะต้องการเขาจริง ๆ หลังจากที่ห่างเหินกันมานาน
