มู่ไต้ 2
ระหว่างที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ ไม่มีใครคาดคิดว่าความสงบนั้นจะถูกทำลายลง ด้วยเสียงตะโกนที่ดังลั่นมาจากหน้าบ้าน
มู่ไต้ บัณฑิตหนุ่มรูปร่างสันทัดที่มีใบหน้าซีดเซียวจากการอดนอน และรอคอยมานานกว่าสองชั่วยามแล้ว เขายืนอยู่หน้าประตูบ้านสกุลเสิ่นที่ปิดสนิท ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและไม่พอใจ
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงไม่ไปตามนัด รอจนพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของนาง มู่ไต้เดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านด้วยความกระวนกระวาย ก่อนจะตัดสินใจตะโกนเรียกชื่อนาง
"ซือหยา! ซือหยา! ออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!" เสียงของเขาดังลั่นจนทำให้ผู้คนในบ้านสกุลเสิ่นต้องเดินออกมาดู
ซือหยาที่กำลังทำความสะอาดโต๊ะก็ชะงักมือ แล้วหันไปทางประตูหน้าบ้าน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"ซือหยาอยู่บ้าน ข้าเองก็อยู่ด้วย" หยางเฉิงเปิดประตูออกไปแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
มู่ไต้หันไปกวาดมองหยางเฉิงตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
"หึ! เจ้านี่หรือคือสามีของซือหยา? หน้าตาก็พอใช้ได้ แต่สายตาทึบเขลา ไม่เห็นแววผู้มีปัญญาสักนิด นี่คงเป็นชาวนาที่มีแต่แรงควาย ไม่รู้แม้แต่ตัวหนังสือกระมัง"
ซือหยาก้าวออกมาจากบ้านด้วยสีหน้าที่เย็นชา นางเดินตรงเข้าไปหามู่ไต้แล้วหยุดยืนอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว
"พูดออกมาแต่ละคำมีแต่กลิ่นเหม็นเน่า"
"ซือหยา! เจ้ารออะไรอยู่! รีบมากับข้าเดี๋ยวนี้! ข้ารอเจ้ามานานแล้วนะ! ถ้าเจ้ารีบไปกับข้า เจ้าก็จะได้เป็นภรรยาบัณฑิต ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย"
มู่ไต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จองหอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นซือหยายืนอยู่ข้างสามีของนาง
"..."
"เจ้าจะมามัวเสียเวลากับคนโง่เง่าที่ไม่มีการศึกษาอย่างหยางเฉิงทำไม รีบมากับข้าเดี๋ยวนี้!"
คำพูดของมู่ไต้ทำเอาหยางเฉิงถึงกับกัดฟันกรอด เขากำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่ยากจะควบคุมได้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ทำอะไร ซือหยาก็ก้าวเดินเข้าไปใกล้ ๆ มู่ไต้ด้วยสีหน้าที่เย็นชา แล้วเตะผ่าหมากเข้ากลางเป้าของเขาอย่างแรง
พั๊วะ!
ทำเอามู่ไต้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดจนตัวงอ ใบหน้าของเขาซีดเผือดลงทันที
"โอ๊ย! เจ้า...เจ้ากล้าทำร้ายข้าหรือซือหยา"
มู่ไต้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาจ้องมองซือหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคือง
"เจ้ามันก็แค่ไอ้หน้าไม่อาย ไม่รู้จักเจียมตัว กล้าดียังไงมาแข่งกับสามีของข้า! หน้าตาแบบนี้ยังจะกล้ามาเปรียบเทียบกับสามีของข้าอีกหรือ"
ซือหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและดุดัน ดวงตาของนางมองดูเขาอย่างเหยียดหยาม คำพูดนั้นทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่รอบ ๆ ถึงกับอึ้ง พ่อเฒ่าหานถึงกับหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
"ดี! ดีจริง ๆ ลูกพ่อด่าได้เจ็บแสบยิ่งนัก!"
มู่ไต้กัดฟัน กัดจนกรามสั่น เขาลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ดวงตาลุกโชนด้วยความอับอายและโกรธเกรี้ยว
"ซือหยา! เจ้า...เจ้าจะต้องเสียใจที่กล้าทำกับข้าเช่นนี้!"
เขาพุ่งตัวหมายจะเข้าไปคว้าซือหยา แต่ยังไม่ทันถึงตัว ร่างกำยำของหยางเฉิงก็ก้าวเข้ามาแทรกกลาง ทันใดนั้น หยางเฉิงยกเท้าถีบออกไปเต็มแรง ร่างของมู่ไต้ปลิวกระเด็นไปชนกองฟืนจนเสียงดัง...
โครม!
"อย่าแม้แต่คิดจะเอื้อมมือมาแตะต้องนาง" น้ำเสียงทุ้มต่ำดุดันดังก้อง
มู่ไต้นอนจมกองไม้และหญ้า ใบหน้ามีรอยขีดข่วน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง เขาเงยหน้ามองหยางเฉิงที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงประตู สายตาของอีกฝ่ายเย็นชาและดุดันจนเขาขนลุก
"เจ้า...เจ้าอย่าคิดว่ามีแต่แรงจะทำอะไรก็ได้! ข้าจะไปฟ้องทางการ! จะให้เจ้าติดคุกข้อหาทำร้ายบัณฑิตอย่างข้า!"
หยางเฉิงยกคิ้ว ยกยิ้มมุมปากที่เต็มไปด้วยการเย้ยหยัน
"หึ! ฟ้องหรือ? เช่นนั้นเจ้าก็ลองไปฟ้องดูสิ แล้วอย่าลืมเล่าให้พวกเขาฟังด้วยล่ะ ว่าเจ้ามายืนตะโกนเรียกภรรยาผู้อื่นให้หนีตามเจ้าแต่เช้า"
เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกดังขึ้นจากคนทั้งบ้าน มู่ไต้กัดฟันแน่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย เขาไม่กล้าอยู่ต่อ ได้แต่ชี้หน้าซือหยาและหยางเฉิง
"เจ้าทั้งสอง...จำคำข้าไว้! วันหนึ่งข้าจะกลับมาชำระบัญชีแค้นนี้!"
พูดจบเขาก็ลุกพรวดพลาด วิ่งกระเซอะกระเซิงออกไปจากหน้าเรือน ร่างผอมโซของเขาดูตลกสิ้นดีในสายตาทุกคน
