มู่ไต้ 1
เสียงหักฟืนเปาะแปะดังมาจากครัวทางหน้าบ้านเป็นระยะ ๆ มันเป็นเสียงที่บ่งบอกว่าคนในบ้านเริ่มตื่นนอนและเริ่มต้นวันใหม่แล้ว ซือหยารู้สึกตัวขึ้นมาในอ้อมกอดของสามี อ้อมแขนที่แข็งแกร่งของเขาโอบรัดนางเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่านางจะหายไปอีกครั้ง
ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นทำให้ซือหยาไม่อยากจะขยับตัวไปไหน แต่นางก็ต้องลุกขึ้นไปทำอาหารเช้าให้ทุกคน นางค่อย ๆ ขยับตัวอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้สามีและลูก ๆ ตื่นขึ้นมา
แต่นางก็ต้องชะงักเมื่อนางหันไปทางลูก ๆ ก็พบว่าอี้หมิงกับอันหมิงนั่งจ้องนางอยู่ คิ้วของเด็ก ๆ ขมวดเป็นปมเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เห็น สายตาของพวกเขาจ้องมองนางกับผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย
หยางเฉิงรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน เขาลืมตาขึ้นแล้วมองดูใบหน้าของภรรยาที่อยู่ใกล้เพียงแค่คืบ เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน โดยไม่เห็นว่ามีลูกชายทั้งสองคนจ้องมองพวกเขาอยู่
"ท่านพ่อ ท่านไม่คิดจะอธิบายกับพวกเราหน่อยหรือ เหตุใดลูกถึงไปนอนอยู่ที่ของท่านแม่ แล้วเหตุใดท่านแม่ถึงได้ไปนอนอยู่ในอ้อมกอดของท่านพ่อ"
อี้หมิงถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ดวงตาของเด็กน้อยมองบิดาเหมือนกำลังจับผิด
หยางเฉิงได้ยินแบบนั้นก็ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เขาไม่ได้รู้สึกเขินอายเลยแม้แต่น้อย เขาลูบหัวภรรยาเบา ๆ แล้วตอบลูกชายด้วยน้ำเสียงที่เหนือกว่า
"ท่านแม่ของพวกเจ้าฝันร้าย พ่อก็เลยต้องปลอบนางอยู่ค่อนคืนกว่าจะได้นอน"
ซือหยาหันไปมองค้อนสามีด้วยความเขินอาย ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อจนต้องรีบซบหน้าลงบนอกของเขา เพื่อซ่อนความอายเอาไว้ ส่วนอันหมิงได้ยินแบบนั้นก็รีบขยับเข้ามาหามารดาด้วยความเป็นห่วง
"จริงหรือขอรับท่านแม่ แล้วตอนนี้ท่านแม่ดีขึ้นไหมขอรับ วันนี้ให้เป็นหน้าที่ของลูกดูแลท่านแม่เอง"
น้ำเสียงของอันหมิงเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา ไม่รู้กระทั่งว่าพ่อของตนเป็นคนรังแกแม่ทั้งคืน
"ลูกก็จะช่วยน้องชายดูแลท่านแม่" อี้หมิงก็รีบกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเคย
ซือหยาเห็นท่าทีของลูกชายทั้งสองแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข นางเงยหน้าขึ้นจากอกของสามีแล้วบอกลูกชายทั้งสองคนว่า...
"แม่ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวแม่จะรีบแต่งตัวแล้วไปทำกับข้าว"
หยางเฉิงลุกขึ้นนั่งแล้วช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้นอย่างแผ่วเบา
"ถ้าลุกไม่ไหวก็นอนต่ออีกหน่อย เดี๋ยวข้าลุกไปหุงข้าวเอง"
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไหว"
ซือหยารีบลุกไปจัดการกับตัวเองแล้วออกไปที่ครัว กว่าจะทำกับข้าวเสร็จฟ้าก็สว่างพอดี ซือหยาหันไปมองดูอาหารที่นางทำแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ยังดีที่พี่สะใภ้ใหญ่กับแม่สามีช่วยหยิบจับไม่ห่าง
บนโต๊ะอาหารมีข้าวสวยร้อน ๆ กับอาหารที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น หยางเฉิงมาช่วยนางจัดโต๊ะกินข้าว เขายกชามข้าวไปวางให้ทุกคนอย่างเป็นระเบียบ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูเหมือนจะดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้คนในบ้านต่างก็มองดูพวกเขาสองคนด้วยความแปลกใจ
หลังจากจบมื้ออาหาร ทุกคนก็ไปทำงานที่แปลงนา พ่อเฒ่าเสิ่นและแม่เฒ่าเสิ่นมองดูหยางเฉิงกับซือหยาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจ พวกท่านไม่เคยเห็นลูกชายและลูกสะใภ้มีความสุขขนาดนี้มาก่อน
"ท่านพ่อ ท่านแม่ วันนี้ข้าอยากขึ้นเขาไปล่าสัตว์ เนื้อสดในบ้านก็หมดไปสักพักแล้ว ที่ซือหยาใช้ทำอาหารก็เป็นเนื้อรมควันแล้วก็เนื้อที่ซื้อมาจากตลาด ข้าเลยอยากไปเสี่ยงดวงสักหน่อย"
หยางเฉิงบอกบิดามารดาในระหว่างที่พวกท่านกำลังจะออกไปที่แปลงนา
"เอาตามที่เจ้าว่าเถอะเจ้าสาม ช่วงนี้ซือหยาทำอาหารบำรุงพวกเราทุกวัน จะให้ซื้ออย่างเดียวเงินก็คงไม่พอ"
พ่อเฒ่าเสิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง คนสกุลเสิ่นออกไปทำงานกันหมด เหลือเพียงหยางเฉิงกับลูก ๆ และซือหยา แต่ไม่นานคนสกุลหานก็มาถึง พ่อเฒ่าหานกับแม่เฒ่าหานเดินนำหน้าลูกชายและลูกสาวมา ดวงตาของท่านทั้งสองคนเต็มไปด้วยความกังวลใจ
"ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย เชิญเข้าบ้านก่อนขอรับ" หยางเฉิงรีบเดินไปรับพ่อตาแม่ยายด้วยความนอบน้อม
"ท่านตา ท่านยาย ท่านน้าทั้งสองมาแล้ว" อี้หมิงและอันหมิงที่กำลังเล่นอยู่กับของเล่นไม้รีบวิ่งเข้าไปหาตายายด้วยความดีใจ
"หยางเฉิงก็อยู่ด้วยหรือ แล้วแบบนี้..." แม่เฒ่าหานพูดพลางมองลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
"ท่านแม่เจ้าคะ ท่านพี่รู้แล้ว รวมถึงเรื่องความฝันของข้าด้วย ข้าอธิบายให้ท่านพี่เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ" ซือหยารีบอธิบายให้มารดาเบาใจ
แม่เฒ่าหานมองดูใบหน้าของหยางเฉิงที่ยิ้มให้กับนางอย่างอบอุ่นแล้วก็รู้สึกโล่งใจ
"ดีแล้ว มีอะไรก็ปรึกษากัน ในเมื่อรู้ผิดชอบชั่วดี ผิดพลาดแต่ได้รับโอกาส ก็อย่าทำอีกนะลูก"
"เจ้าค่ะท่านแม่" ซือหยาตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
หยางเฉิงยืนรอจนซือหยาคุยกับมารดาเสร็จ แล้วจึงเอ่ยเชิญทุกคนเข้าไปในบ้าน
"นั่งพักก่อนนะขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปเอาน้ำมาให้"
"ไม่ต้องหรอกหยางเฉิง พวกเราไม่กระหายน้ำ เรามานั่งคุยกันหน่อยเถอะ พ่ออยากคุยเรื่องไม้ที่จะเอามาทำเกวียนให้เสร็จทันเดินทาง" พ่อเฒ่าหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ขอรับท่านพ่อตา"
ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้แล้วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเตรียมความพร้อม รวมไปถึงเรื่องที่ต้องบอกกับครอบครัวเสิ่น ขณะเดียวกันก็มองดูอี้หมิงกับอันหมิงที่กำลังเล่นกันอย่างมีความสุข
