บทที่11.เรื่องนี้ต้องขยาย
“ไม่ห่วงเพื่อนเลยเหรอคร๊าฟ? ขับรถออกไปโดนตำรวจจับแน่ๆ เมาปลิ้นกันเสียขนาดนี้” ดอจิโน่บ่น
“ไม่โว้ย!! ไม่อยากรับแขก ปืนนะเขาเป็นเจ้าถิ่น คงไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้ามาแหยมมาจับหรอกน่า” ชายหนุ่มส่ายหน้าเดี๊ยะ ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื้อใย เมื่อเวลานี้ไม่พร้อมตอนรับใครๆ เขาอยากจะอยู่กับ เอมิกาเพียงลำพังแค่สองคน
“กลับกันเถอะครับ รบกวนไอ้คุณราฟนานแล้ว ปล่อยให้มันไปพักเถอะ สงสารเอมิด้วยนั่งตาปรือแล้ว พวกคุณไม่เห็นหรือไง” กัมปนาทกล่าวแทรก เขาชักชวนเพื่อนๆ กลับเพื่อให้เอมิกาได้พักผ่อน
“คุณก็ปล่อยให้น้องเอมิเขาได้พักบ้างสิวะ อย่าใช้งานน้องเขาหนักนัก หนุ่มสเปนเขายิ่งว่ามีรักร้อนแรง น้องเขาจะแย่เอานะโว้ย” ดอจิโน่กระเซ้าทิ้งท้ายก่อนจะถอยไปยืนไกลๆ
เอมิกาหน้าแดงก่ำ เพราะคำพูดของเพื่อนๆ ราฟาเอลที่เอ่ยเตือน หนุ่มคลั่งรักพยายามไล่ให้เพื่อนกลับไปไวๆ ชายหนุ่มยกนิ้วชี้หน้าดอจิโน่!! พร้อมกับคำรามในลำคอ เป็นการอาฆาต แบบที่ไม่ออกเสียงเขารอเวลาเอาคืนวันหลัง ถ้าดอจิโน่มีคนรู้ใจเหมือนตัวเอง จะเอาคืนให้จงหนัก ข้อหาที่ขัดจังหวะความหวานชื่นของตัวเองกับเอมิกา
“ไอ้ราฟมันจริงจังกับน้องเอมิคนสวยจริงๆ หรือไงวะ ทุกทีไม่เห็นมันเป็นแบบนี้เลย เพื่อนต้องมาก่อนเสมอ แต่นี่มันกลับพาน้องเอมิมารู้จักกับพวกเรา แถมยังดูแลไม่ยอมห่าง ถ้าจะสละโสดเป็นคนแรกในกลุ่มซะมั้ง” คาลอสเปรยขึ้นลอยๆ เมื่อรถยนต์แล่นออกห่างบ้านพักมาพอสมควร
“คงงั้น แต่ก็ไม่แน่หรอก ไอ้ราฟมันหวงความโสดที่สุด ไม่งั้นมันจะอยู่มาจนป่านนี้รึ” ดอจิโน่ท้วง ก่อนมองสบตาทุกๆ คน
“มันก็ไม่แน่ ของอย่างนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ กับทุกคนด้วย มันอาจจะถึงเวลาของไอ้คุณราฟมันแล้ว ถึงเวลาที่เจอคนที่ใช่เสียที” กัมปนาทเอ่ยปนรอยยิ้ม
“คงจะจริงว่ะ! ไม่เคยเห็นราฟมันเป็นแบบนี้” คาลอสพึมพำพร้อมกับนึกถึงเรื่องตัวเอง แม้ว่าจะหนีมาไกลคนละมุมโลก ความทรงจำที่ติดอยู่ในใจก็ยังเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยน ก็คงเหมือนราฟาเอลที่กำลังตกหลุมรักเอมิกา สาวน้อยนัยน์ตากลมโตคนนั้น
“มันดีหรือไงวะไอ้ความรักนี่? วุ่นวายจะตายห่า!!” ดอจิโน่บ่นพึมพำ
“รอให้นายเจอคนของตัวเองก่อนเถอะแดร็ก!! คำพูดแบบนี้จะไม่หลุดออกมาจากปากแน่” กัมปนาทหันกลับมาแย้ง เมื่อหนุ่มหล่อขี้เล่นรักสนุกที่สุดในกลุ่มเปรยออกมาเหมือนความรักไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญ ผู้ชายใจกระด้างแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหด เพราะดอจิโน่เกิดมาท่ามกลางกลุ่มอำนาจมืด
“ผมอยากเจอจัง อยากรู้ว่าผู้หญิงแบบไหนนะ ที่สามารถจะผูกใจเราให้หยุดอยู่กับที่ได้” ดอจิโน่ลำพึง พลางหันไปหลิ่วตากับคาลอส โดยที่คาลอสไม่รู้เรื่องรู้ราว เขายังหลงวนอยู่ในความคิดตัวเอง
“ปืน ไอ้คาร์คเป็นไรอะ? ท่าทางแปลกๆ ตั้งแต่วันเรียนจบแล้ว มันเหม่อลอยเป็นช่วงๆ แถมเก็บเนื้อเก็บตัวแปลกๆ” ดอจิโน่กระซิบถามกัมปนาท เขาเป็นคนเดียวในกลุ่ม ที่ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง
“คาร์คๆ...” ดอจิโน่ตะโกนเรียกกรอกหูของคาลอสจนชายหนุ่มสะดุ้ง!! หลุดออกมาจากห้วงฝันที่แสนหวานจนได้
“อะไรวะ!! จู่ๆ มาตะโกนกรอกหู ตกใจหมดเลย” คาลอสบ่นอุบอิบ เสหลบตาอย่างมีพิรุธ
“คุณเป็นอะไรหน่ะคาร์ค ผมถามคุณตั้งนาน ไม่ยอมตอบ ใจลอยไปไหน? หรือว่าลืมเอาติดตัวมาด้วย ทิ้งไว้ชายฝั่งทะเลฟอร์ลิดาหรือไงวะ หรือว่าเพิ่งจะมาหลุดลอยหายตอนมาถึงประเทศไทย” ดอจิโน่เอ่ยแซวไม่หยุด ดวงตาเจ้าเล่ห์จ้องจับพิรุธคาลอสไม่วางตา
“เปล๊า!” คาลอสปฏิเสธเสียงสูง
“มีอะไรปิดเพื่อนอยู่รึเปล่าหะ? ไม่ใช่ว่าคนที่จะสละโสดก่อนใครเพื่อนจะเป็นคุณนะคาลอส น้องแว่นที่คุณลืมตัวละเมอหาบ่อยๆ น่ะเป็นสาวปริศนาที่พวกผมกำลังตามหากันอยู่คุณรู้ตัวไหม”
ดอจิโน่กระเซ้า ในบางคราวที่คาลอสลืมตัว มักจะ ‘น้องแว่น’ ติดปากของเขาเสมอ
“บ้าน่า!! พวกเรากำลังพูดถึงราฟกันอยู่นะโว้ยเห้ย!! ทำไมถึงวกกลับมาเรื่องผมได้ล่ะ” คาลอสโวยวาย พลางหลบตาอย่างมีพิรุธ จนทั้งกัมปนาทและดอจิโน่เริ่มสงสัย
“มีอะไรแน่ๆ คุณว่าไหมปืน” ดอจิโน่ฟันธง คาลอสมีเรื่องปิดบังพวกเขาแน่ๆ
