บทที่10.เมื่อไรจะกลับไม่อยากรับแขก
“มันก็จริงนะ...แต่มันเร็วไปหรือเปล่าวะ”
“ไม่หรอก...ช่วงเวลามันวัดไม่ได้ เราจะนึกชอบใคร บางครั้งมันก็กะทันหันจนตัวเราตั้งตัวรับไม่ทัน” คาลอสเปรยเหมือนละเมอ ดวงตาคมกล้ามองไปยังท้องทะเลกว้างด้านหน้า ส่วนใจลอยข้ามฟากฟ้าไปอยู่ใกล้คนที่คะนึงหาอย่างไม่รู้ตัว
ดวงตาสองคู่หันมาสบนัยน์ตากันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดอจิโน่กลอกตาไปมา อาการแปลกๆ ของคาลอสเกิดขึ้นบ่อยครั้งหลังจากกลับบ้านไปตามคำสั่งมารดา พอกลับมาก็พูดจาแปลกๆ แถมเงียบขรึมกว่าเคยจนเพื่อนๆ พากันแปลกใจ
“แดร็กคุณคิดเหมือนผมไหม? คาร์คก็เป็นอีกคนที่เปลี่ยนไปเนอะ” กัมปนาทหัวเราะขลุกขลักในลำคอ กลั้นเสียงหัวเราะไว้จนหน้าตาแดงก่ำ หันมาพยักหน้ากับดอจิโน่
“คุณอย่าไปสนใจเลยแดร็ก เราไปก่อไฟกันดีกว่า ปล่อยให้คนตกหลุมรักเขาอยู่ในภวังค์ต่อไป อย่าไปกวนเขาเลย” กัมปนาทเอ่ยสัพยอกด้วยรอยยิ้ม
“เห้ย! ปืนคุณว่าใครตกหลุมรัก ผมไม่ใช่ไอ้ราฟนะเฟ้ย ไม่มีทางตกหลุมรักใครง่ายๆ หรอก แม้ว่าเจ้าหล่อนจะสวยถูกใจก็เถอะ” คาลอสตะโกนโวยวายตามหลังเสียงดัง แล้วรีบวิ่งตามมาช่วยเพื่อนก่อไฟเพื่อปิ้งปูปลาที่เตรียมมาเลี้ยงฉลองกับทุกๆ คน น้ำเสียงตอนเริ่มต้นหนักแน่นแต่แผ่วเบาตอนปลาย เมื่อความรู้สึกตอนนี้ขัดแย้งกัน จนหัวใจหนักแน่นเริ่มจะเอนเอียง
“ผมไม่ได้ว่าคุณนะคาร์ค ผมว่าไอ้คุณราฟโน้น คุณร้อนตัวหรือเปล่าวะ” ดอจิโน่หันมาเลิกคิ้วใส่ พลางทำหน้าตายียวน
“ผมไม่ได้ร้อนตัวโว้ย...ผมแค่พูดตามจริง ผู้หญิงก็เหมือนกันทุกคนนั่นแหละ...แค่สวย อ่อนหวานแล้วก็น่ารักจนอยากจะเก็บไว้บนเตียงอย่างเดียว” คาลอสรำพันออกมาอย่างหลงละเมอ จนกัมปนาทและดอจิโน่หัวเราะ สองคนทิ้งตัวลงไปนั่งหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง คาลอสเลยเริ่มรู้สึกตัวว่าเผลอหลุดอาการบางอย่างออกไปให้เพื่อนเห็น จนกลายเป็นเรื่องขบขัน
“พวกคุณไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก...เอาไว้ให้คุณเจอคนที่ถูกใจก่อนถึงจะรู้ จะหาว่าผมไม่เตือน”คาลอสกล่าวติดความหงุดหงิด ก่อนจะเดินหนีไปจากกลุ่ม เมื่ออับอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน
เสียงดังก็อกแก็กอยู่ด้านหน้าประตู ก่อนจะถูกดันให้เปิดเข้ามา เอมิกาเงยหน้ามอง จึงเห็นว่าเป็นราฟาเอล หญิงสาวส่งยิ้มอ่อนๆ ให้อย่างฝืดเฝื่อนเต็มทน เธอนั่งนิ่งๆ อยู่ปลายเตียง สองมือบีบเข้าหากันจนแน่น เมื่อวางตัวไม่ถูก ไม่รู้สถานะตัวเอง เธอเป็นอะไรสำหรับเขา แค่เครื่องระบายความเครียดหรือของเล่นยามเหงา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เพื่อนๆ คุณราฟเอง เขาแวะมาเที่ยวคืนนี้ก็คงอยู่ฉลองกันก็แค่นั้น” ราฟาเอลทรุดนั่งด้านข้างรวบเอวบางเข้าหาตัว พร้อมทั้งถอนหายใจอย่างแสนเสียดาย
“คืนนี้เอมินอนบ้านเอมินะคะ คุณราฟจะได้เฮฮากับเพื่อนได้ตามสบาย” เอมิกาวางมือน้อยทาบอกอุ่นเกลี่ยไล้เล่นอย่างหยอกเย้า
“คุณราฟบอกแล้วไงเอมินอนไหนคุณราฟก็นอนนั่น” ราฟาเอลยกมือน้อยขึ้นมาจุมพิตปลายนิ้วทีละนิ้วอย่างหยอกเอิน
“แล้วเพื่อนๆ คุณราฟละค่ะ คุณราฟจะทิ้งเพื่อนมาหาเอมิได้ยังไง” เอมิกาท้วงเสียงน่ารัก เอียงคอมองชายหนุ่มอย่างสงสัย ก่อนจะชะเง้อมองที่บริเวณหน้าบ้านพักด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ก็ช่างพวกมันสิ! คุณราฟไม่ได้เชิญมานะ พวกนั้นมาเอง” ราฟาเอล กล่าวเสียงห้วน มีมารผจญตัวใหญ่ยักษ์ทั้งสามคนส่งเสียงหัวเราะลั่นอยู่หน้าบ้าน
“เสียมารยาทค่ะ เพื่อนอุตส่าห์มาหาทิ้งไว้แบบนั้นคุณราฟโดนนินทาแย่เลย” เอมิกาหันมาตำหนิเมื่อราฟาเอลเริ่มเกเร
“ช่างสิ ไม่เห็นจะสนเลย” ราฟาเอลพูดฉุนๆ ตวัดตามองไปยังหน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนๆตะโกนโวกเวกโวยวายอยู่ด้านล่าง
“คุณราฟไปดูแลเพื่อนๆ เถอะค่ะเอมิอยู่คนเดียวได้ เดี๋ยวพอคนเผลอเอมิย่องกลับบ้านตัวเองก็ได้ค่ะ” เอมิกาเสนอแนะทางออกให้ ด้วยความหวังดี
“ไม่เอา ลงไปพร้อมคุณราฟนี่แหละจะได้รู้จักเพื่อนๆ คุณราฟด้วย” ราฟาเอลตัดสินใจพาเอมิกาไปรู้จักกับเพื่อนๆ ด้วยเขาไม่ต้องการทิ้งเอมิกาต้องอยู่เพียงลำพัง
