3
“ฉันชอบตอนเธอเรียกฉันว่า ‘คุณวินทร์’ แบบนั้น” เขาจับเรียวขาเธอแยกออก กดสะโพกแนบเข้าหาเบา ๆ แล้วเริ่มขยับเอวอย่างช้า ๆ ลำกายร้อนผ่าวเสียดสีกับกลีบรักอ่อนนุ่มที่กำลังเต้นตุบ ๆ
เสียงฝนยังคงตก เสียงลมหายใจยังรุนแรง
เขากระแทกเข้าไปทีละนิด จนสุดโคน แล้วหยุดนิ่ง ก้มลงกระซิบข้างหูเธอ
“เธอรู้ใช่ไหม ร่องของเธอ มันเป็นของฉันคนเดียว”
พิมพ์นาราไม่ตอบ แต่ร่างกายเธอกลับโอบกอดเขาแน่น ร่องรักที่ดูดรัดแน่นทุกครั้งที่เขากระแทกเข้า ยิ่งตอกย้ำว่า เธอไม่อาจต้านความต้องการของเขาได้อีกต่อไป
“อ๊า...อึก...คุณวินทร์” เสียงเธอสั่นพร่า เมื่อเขากระแทกอย่างหนักหน่วง เนื้อกระทบเนื้อดังพั่บ ๆ สะท้อนแข่งกับเสียงฝน เธอแตกซ่านใต้ร่างเขาอีกครั้ง และอีกครั้ง จนน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขาฝังใบหน้าไว้ที่ไหล่เธอ กระซิบเสียงแผ่ว “ฉันจะทำให้เธอติดใจฉัน จนหนีไปไหนไม่ได้อีกเลย”เช้าวันใหม่ในป่าใหญ่ยังคงเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมและเสียงนกป่าขับขานเป็นเพื่อน พิมพ์นาราตื่นขึ้นท่ามกลางอ้อมกอดของกรวินทร์ที่ยังนอนหลับนิ่งอยู่ข้างเธอ แขนแข็งแรงของเขาพาดอยู่บนเอวบาง แผ่นอกเปลือยเปล่าของเขาแนบกับแผ่นหลังของเธออย่างแนบชิด
เธอขยับตัวเบา ๆ พยายามจะลุกออกจากเตียง แต่กลับต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเขากระซิบเสียงแหบพร่าใกล้ใบหู
“จะหนีอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ได้จะหนี แค่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ” เธอประชดเสียงแข็ง ทั้งที่หัวใจเต้นระรัวจากสัมผัสที่ยังอ้อยอิ่งทั่วร่าง
“งั้นฉันจะพาไปเอง กลัวเธอล้ม” เขาขยับตัว ลุกขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปากกวน ๆ มือยังโอบเอวเธอไว้แน่นราวกับกลัวเธอหายไป
เมื่อกลับมาที่กระท่อม กรวินทร์ทำอาหารเช้าให้เธอเองด้วยมือ แม้จะไม่ใช่เชฟหรู แต่ข้าวต้มปลาในหม้อดินกลับหอมกรุ่นเกินคาด
“กินซะ เธอต้องการพลังงาน” เขาพูดพลางตักข้าวต้มใส่ชาม แล้วยื่นให้เธอ
“ให้พลังไว้ ‘หนี’ หรือไว้ ‘โดน’ อีกล่ะ” เธอตอบกลับแต่ก็รับชามมาทั้งที่มือยังสั่นนิด ๆ
“ทั้งสองอย่างเลย” เขาหัวเราะเบา ๆ “แต่เธอคงรู้แล้ว ว่าหนีไม่ได้หรอก”
พิมพ์นารากัดริมฝีปากเบา ๆ หัวใจเต้นถี่อย่างห้ามไม่อยู่
เธอเริ่มรู้ตัวว่า เธอไม่ได้กลัวเขาอีกแล้ว
ตลอดทั้งวัน กรวินทร์ไม่แตะต้องเธอเลยสักครั้ง
เขาพาเธอเดินสำรวจรอบ ๆ ป่า แนะนำพืชสมุนไพรต่าง ๆ พาเธอไปรดน้ำพืชที่ปลูกไว้ริมลำธาร บางครั้งเขาก็หยอกเธอเบา ๆ ให้เธอเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“นายเคยอยู่ในเมืองไหมเนี่ย” เธอถามขณะกำลังล้างมือในลำธาร
“เคย แต่เบื่อ” เขาตอบ “ในเมืองมันวุ่นวาย ในป่ามีแต่ความเงียบ และมีบางอย่างที่ควบคุมได้”
“หมายถึงฉันใช่มั้ย”
“เปล่า” เขาก้มหน้าลงไปกระซิบใกล้ “หมายถึง ‘ร่องสาว’ ของเธอ ที่ฉันควบคุมได้หมด”
“อี๊! ไอ้โรคจิต” เธอผลักเขาออกทั้งที่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง
คืนนั้นเธอเข้านอนก่อนเขา และตื่นมาอีกที ก็พบว่าตัวเองนอนซบอกเขาโดยไม่รู้ตัว
อ้อมแขนของเขาสวมกอดเธออย่างอบอุ่น ความแนบแน่นของผิวกายปลุกบางสิ่งในตัวเธอให้ตื่นขึ้น
“คุณวินทร์” เสียงเธอเบาหวิว
เขาลืมตา ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ว่าไง”
“คืนนี้จะไม่ลงโทษใช่มั้ย”
เขายกคิ้วเล็กน้อย แล้วกระซิบเสียงพร่าใกล้ริมหู “ไม่ คืนนี้จะ ‘ตบรางวัล’ แทน”
พูดจบ เขาก็ขยับตัวขึ้นคร่อมร่างเธออย่างช้า ๆ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินที่แก้ม มือเขาลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเธออย่างแผ่วเบา และเมื่อเขาแนบริมฝีปากจูบเธอ พิมพ์นาราก็เผลอยกแขนโอบรอบคอเขาโดยไม่รู้ตัว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อค่อย ๆ ดังก้องในกระท่อมอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่มีความรุนแรง มีเพียงเสียงกระแทกที่สอดลึกและหนักแน่นจนเสียงครางของเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
“อืม... อ๊ะ...คุณมิล” เธอครางเบา ๆ เมื่อเขากดสะโพกเข้าไปลึกจนแนบชิดที่สุด
“คืนนี้ไม่ใช่การทำโทษ แต่เป็นเพราะฉันคิดถึงร่องของเธอทั้งวัน” เขากระซิบแนบใบหู ขณะเอวหนาเริ่มขยับเข้าออกเร็วขึ้น รุนแรงขึ้น จนเสียงกระแทกดังชัดเจน
“อ๊า! อึก...อืม...!”
“อย่ากลั้นเสียงไว้เลย เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ ฉันอยากได้ยินเสียงเธอชัด ๆ” เขากระแทกอีกครั้งอย่างแรงจนร่างเธอสะท้านสะเทือน ฟูกไม้แทบจะยุบ
เสียงครางเธอดังก้องไม่แพ้เสียงสายลมในป่า ร่องรักเธอรัดแน่นทุกจังหวะที่เขากดลึก
และเธอก็รู้ว่า เธอไม่เหลือใจจะปฏิเสธเขาอีกแล้ว
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านช่องไม้เล็ก ๆ ของกระท่อมกลางไพร
พิมพ์นาราลืมตาตื่นขึ้นในอ้อมแขนอบอุ่นของกรวินทร์ ที่ยังกอดเธอไว้จากด้านหลังเหมือนกลัวว่าเธอจะหายไปในพริบตา
เธอขยับตัวเบา ๆ พลางข่มความรู้สึกแปลกประหลาดที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในอก
"อย่าขยับสิ เดี๋ยวของฉันมันตื่นอีก"
เสียงแหบพร่าของเขากระซิบจากข้างหู แฝงด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ที่ทำให้เธอหน้าแดงเถือก
"คุณมิล จะพูดอะไรก็ช่วยเกรงใจตอนเช้าด้วย" เธอดิ้นเบา ๆ แต่ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งดันอยู่ตรงสะโพกเปลือยของเธอจริง ๆ
"ไม่ใช่ความผิดฉัน ร่องเธอมันอุ่นมากเมื่อคืน " เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วโน้มตัวลงมาจูบเบา ๆ ที่ต้นคอเธอ
"อื้อ... จะทำอะไรอีกเล่า" พิมพ์นาราขัดขืนเสียงสั่น มือเล็กยันอกเขาไว้ แต่ใบหน้ากลับร้อนจัด หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
"ไม่ทำก็ได้ ถ้าเธอขอร้องว่า ‘อย่าทำอีก’ แบบเมื่อคืนไง" เขากระซิบ ขณะที่ปลายนิ้วไล้ผ่านหน้าท้องเนียนของเธอ ลงต่ำเรื่อย ๆ จนแตะกลีบอ่อนที่เริ่มเปียกชื้นอีกครั้ง
"บ้า อย่ามาแตะนะ" เธอพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่เขากลับใช้แขนรั้งร่างเธอกลับมาแนบอก แล้วกระซิบเสียงพร่า
"ถ้าร่างกายเธอไม่อยากให้ฉันแตะ มันคงไม่แฉะขนาดนี้ตั้งแต่เช้าใช่มั้ย"
“คุณมันร้าย” เสียงเธออ่อนระทวยลง ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วเข้าไปในร่องรักที่ยังเปียกชื้น
"แล้วเธอก็ชอบความหืนกระหายของฉันทุกคืนใช่มั้ยล่ะ"
ทั้งสองกอดกันอยู่บนฟูกเก่าในกระท่อม มือของกรวินทร์ไล้ไปทั่วร่างอย่างรู้ทุกสัดส่วนที่ทำให้เธอครางหวาน เขาก้มลงดูดกลืนยอดอกสลับซ้ายขวา แล้วฝังตัวเข้ามาอีกครั้งแบบไม่ให้เธอตั้งตัว
"อ๊า... อึก... อื้อ" พิมพ์นาราร้องเสียงหลงเมื่อเขากระแทกกายเข้ามาอย่างรุนแรง สะโพกหนาแนบสนิทกับหน้าท้องเธอ ร่องรักรัดตอดเขาแน่นจนเขาครางต่ำในลำคอ
"ร่องแน่นทุกเช้าเลยนะเธอเนี่ย" เขากระแทกเข้าออกช้า ๆ จนร่างเธอสั่นระริก
เสียงเนื้อกระทบเนื้อปะทะกันเป็นจังหวะ เสียงครางสลับเสียงหอบในยามเช้าท่ามกลางสายลมและกลิ่นใบไม้ในป่า มันไม่ใช่แค่การลงโทษอีกแล้ว
มันคือการ เสพติด ร่างกายกันและกันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
หลังจากผ่านตอนเช้าแสนเร่าร้อน พวกเขานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ลำธาร
