2
“อย่า... อย่าทำแบบนี้ หนูไม่ยอม”
“เธอไม่ยอม แต่ร่องของเธอกำลังดูดฉันอยู่ทั้งที่ยังไม่เข้าเลยนะ” เขายิ้มร้าย ก่อนจะกดสะโพกเข้าไปช้า ๆ ให้ความเป็นชายแทรกลึกเข้าภายในความสาวที่อบอุ่นเปียกชื้นจนเขาครางต่ำ
“อ๊ะ...อืม” พิมพ์นาราร้องเสียงสั่น ร่างกระตุกจากแรงเสียดสีที่รุนแรงและลึกซึ้ง
“รัดแน่นเหมือนเดิมเลยนะ หรือแน่นขึ้นเพราะคิดถึงฉันกันแน่” เขากระแทกเอวแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียงเนื้อกระทบกันในห้องไม้สะท้อนก้อง สร้างบรรยากาศเร่าร้อนแทบลุกเป็นไฟ
“อย่ามาพูด บ้าๆ อ๊า”
“คืนนี้ฉันเอาทั้งคืน” เขากระแทกอัดแน่นเข้าไปอีกครั้งจนน้ำตาเธอคลอ “จนเธอลืมไปเลยว่าโลกข้างนอกมันเป็นยังไง”
แสงแดดตอนเช้ารำไรลอดผ่านช่องไม้ของกระท่อมกลางไพร เสียงนกป่าขับขานประสานกับเสียงลมหายใจหนัก ๆ ของสองร่างที่ยังนอนซ้อนทับกันอยู่บนฟูกบาง ๆ พิมพ์นาราขยับกายเบา ๆ แล้วนิ่วหน้าเมื่อสะโพกบอบบางปวดหนึบจากแรงกระแทกทั้งคืน
กลีบอ่อนยังบวมช้ำเล็กน้อยจากการถูกเขาฝังร่างเข้ามาจนลึกทุกครั้ง และหลายครั้ง เสียงครางของเธอก็ดังแข่งกับเสียงลมอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า "หนีไม่พ้น" ทั้งร่างกายและจิตใจ
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเบื้องหลัง ก่อนที่ลมหายใจอุ่นจะเป่ารดต้นคอเธอ
“คุณมันโรคจิต” เธอพึมพำเสียงแผ่ว แต่ใบหน้ากลับแดงจัดยิ่งกว่าแดดยามเช้า
“แต่โรคจิตคนนี้ทำให้เธอ ‘เสร็จ’ ไปกี่ครั้งแล้วนะ” เขากระซิบพร้อมแนบริมฝีปากกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอ ไล่จูบลงมาถึงเอวคอดก่อนจะใช้มือลูบสะโพกกลมแน่นเบา ๆ
พิมพ์นาราขบกรามแน่น “อย่ามาทำหน้าเป็นผู้ชนะไปหน่อยเลย ฉันแค่ โดนบังคับ”
“อืม แล้วร่องของเธอที่ดูดฉันทั้งคืนมันบังคับด้วยไหม” เสียงเขาเจ้าเล่ห์จัด
เธอสะบัดหน้า ร่างบางรีบยันตัวลุกขึ้น ทั้งที่รู้ว่าขาก็ยังอ่อนแรง แต่ความปากเก่งของเธอไม่เคยลดน้อยลง
“อย่าคิดว่าหนูจะยอมอยู่แบบนี้ หนูจะหนีไปแจ้งตำรวจให้มาลากนายไปเข้าคุกแน่”
กรวินทร์นั่งพิงขอบเตียงอย่างไม่ทุกข์ร้อน มุมปากยกยิ้มชอบใจ “งั้นหนีดูสิ”
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงสาย พิมพ์นาราคอยจังหวะหลอกให้กรวินทร์ออกไปตัดไม้ แล้วเธอก็แอบหยิบมีดเล่มเล็กจากกล่องเครื่องมือในกระท่อม เดินปลีกตัวออกมาตามทางเล็กๆในป่า
เธอรู้ว่าคงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ถ้าหาทางไปเจอบ้านคน หรือเจอถนนใหญ่ได้ เธออาจรอด
แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ พิมพ์นารา”
เสียงคุ้นเคยพร้อมเงาร่างสูงใหญ่โผล่จากพุ่มไม้ข้างทาง ทำเอาเธอสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะวิ่งหนีอย่างสุดกำลัง
ทว่า เขาเร็วกว่ามาก
“ว๊าย ปล่อยนะ อย่าแตะต้องหนูอีก” เธอร้องกรี๊ดเมื่อเขากระชากเอวเธอจากด้านหลัง แล้วจับเธออุ้มพาดบ่าเหมือนแบกถุงข้าวสาร
“เธอนี่มันดื้อจริง ๆ ต้องลงโทษอีกแล้วใช่ไหม”
กลับมาถึงกระท่อม กรวินทร์ไม่ปล่อยให้เธอพักหายใจแม้แต่นาทีเดียว
เขาโยนร่างเธอลงบนฟูก ก่อนจะจับเธอพลิกคว่ำ หน้าแนบกับหมอน
“ครั้งนี้จะให้รู้เลยว่า คนดื้อ ควรจะโดนแบบไหนถึงจะจำ”
เขาถอดกางเกงออกอย่างรวดเร็ว ความเป็นชายใหญ่โตเหมือนเมื่อวานยังคงแข็งขึงพร้อมรบ กลีบสาวของเธอแม้ยังเจ็บนิด ๆ แต่ก็เปียกชื้นไปด้วยความรู้สึกอ่อนไหวที่ฝืนไม่ได้
“อ๊ะ! อย่า หนูยังเจ็บอยู่นะ”
“งั้นก็จะ ‘กระแทก’ เบา ๆ ก่อน แต่ถ้าเธอยังดื้ออยู่ ฉันจะเปลี่ยนใจ” เขาขยับสะโพกแนบแน่น ลำกายเสียดสีกับร่องสาวอย่างยั่วเย้า ก่อนจะค่อย ๆ ดันเข้าไปทีละนิด
“อึ๊... อ๊ะ...” พิมพ์นาราร้องเสียงหลง แขนสองข้างยันฟูกไว้แน่น เมื่อความหนาแน่นของเขาค่อย ๆ เติมเต็มเธออีกครั้ง
“แน่นชิบ นี่มันร่องสวรรค์ของฉันชัด ๆ” เขาครางเสียงต่ำ จับสะโพกเธอแน่นแล้วเริ่มขยับเข้าออกอย่างช้าๆ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังพั่บ ๆ เร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอเผลอครางเสียงหวานกระเส่าไม่หยุด
“หนีอีกสิ จะได้โดนลงโทษอีกแบบนี้ทุกวัน”
“อ๊ะ... อ๊า บ้า คนบ้า” เสียงครางเธอสั่นระริกในลำคอ ขณะร่างบางสั่นสะท้านไปทั้งตัว ยิ่งเขากระแทกแรงขึ้น ความรู้สึกซ่านเสียวก็ยิ่งทวีขึ้นจนแทบไม่เหลือแรงจะต่อต้าน
“จำไว้เลยนะพิมพ์นารา ไม่ว่าจะหนียังไง เธอก็จะเป็นเมียฉันอยู่ดี”
เสียงฟ้าร้องคำรามอยู่ไม่ไกล ลมจากป่าลึกพัดแรงเข้ามาปะทะผนังกระท่อมจนไม้ไผ่สั่นคลอน ฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้าช่วยระบายความร้อนเร่าที่เพิ่งดับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า
พิมพ์นารานั่งซบเข่าตัวเองอยู่บนฟูกผืนเดิม ผ้าห่มเก่า ๆ คลุมร่างเปลือยเปล่าไว้หลวม ๆ ร่างกายยังคงรู้สึกอ่อนล้าและร้อนวูบวาบจากการ ‘ลงโทษ’ ที่เธอไม่อาจลืมได้เลย
เสียงฝีเท้าและประตูไม้เปิดออกพร้อมกับร่างสูงเปียกปอนของกรวินทร์เดินเข้ามาในสภาพที่เสื้อแนบเนื้อ กล้ามเนื้อเป็นลอนเปียกโชกอยู่ตรงหน้า
“ออกไปตากฝนทำไม” เสียงเธอถามโดยไม่ได้ตั้งใจ สีหน้าดูจริงจังแต่เสียงกลับเบากว่าที่คิด
“ตัดฟืนมาให้เธอไง จะได้ไม่หนาวคืนนี้” เขาตอบเรียบ ๆ พลางวางฟืนลงข้างเตาผิงแล้วเดินเข้ามาหาเธอโดยไม่เช็ดตัว
“อย่ามาทำเป็นคนดี นายมันคนบ้า คนโรคจิต” พิมพ์นารายังไม่ยอมให้ใจง่าย ๆ แม้หัวใจจะเต้นผิดจังหวะตอนเห็นกล้ามอกเปียกน้ำตรงหน้า
กรวินทร์ยิ้มมุมปาก เดินเข้าไปหาเธอช้า ๆ ร่างสูงนั่งลงด้านข้าง มือหนาลูบผมเธอเบา ๆ อย่างขัดกับบุคลิกก่อนหน้า
“จะด่าก็ได้ แต่เธอก็รู้ตัวดี ว่าร่างกายเธอมันตอบสนองฉันทุกครั้ง”
“อ๊ะ... อย่าจับ” เธอร้องเบา ๆ เมื่อเขาสอดมือเข้ามาใต้ผ้าห่ม ลูบต้นขาเนียนเบา ๆ ไล่ขึ้นมาถึงสะโพก แล้ววนปลายนิ้วอยู่ใกล้กลีบอ่อนที่ยังอุ่นฉ่ำ
“ฝนตกแบบนี้ เธอควรได้ความอบอุ่นจากฉันอีกสักรอบ ว่ามั้ย”
“คุณมัน อ๊ะ!” เสียงเธอขาดห้วงเมื่อเขาดันร่างเธอลงนอนอีกครั้ง ใต้ผ้าห่มหนาแต่ไม่อาจกันความร้อนของผิวกายทั้งสองที่แนบชิดกันได้
กรวินทร์ขยับตัวแทรกระหว่างเรียวขาเธอ ลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดตรงแก้ม ริมฝีปากแตะเบา ๆ ไล้ลงมาที่ซอกคอ ก่อนจะขบเม้มอย่างจงใจ
“ร่างกายเธอมันยั่วฉันทุกครั้ง รู้ไหม”
“อ๊ะ...อืม บ้า” เสียงเธอสั่น ลมหายใจเริ่มไม่สม่ำเสมอ
เขาเลื่อนตัวต่ำลง ใช้ปลายลิ้นกวาดเลียกลีบสาวเบา ๆ พร้อมเสียงครางลึกในลำคอ
“เยิ้มจริง ๆ ยังไม่ทันทำอะไรก็พร้อมรับฉันเข้าไปแล้ว” เขากระซิบเสียงพร่า
“อย่า อื้อ...คุณวินทร์ อย่าทำแบบนี้อีก” เสียงเธอครางเรียกชื่อเขาครั้งแรกด้วยน้ำเสียงที่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา
