บทย่อ
เมื่อรอยแค้นในอดีต นำพาหัวใจให้หลงทางกลางไพร พิมพ์นารา หญิงสาวผู้รักธรรมชาติ กลับต้องกลายเป็นเชลยในป่าลึกของชายแปลกหน้า กรวินทร์ ผู้มีอดีตร่วมกันที่เธอไม่เคยรู้ ท่ามกลางความเงียบของผืนป่า ความผูกพันที่ค่อย ๆ ก่อตัวจากความเกลียดชัง กลับกลายเป็นไฟรักที่ยากจะดับ ระหว่าง "หัวใจ" ที่เริ่มสั่นไหว และ "ความจริง" ที่ยังซ่อนอยู่ เธอจะหนีออกจากพันธนาการแห่งความรู้สึกได้ หรือจะยอมถูกจองจำด้วยรักตลอดไป
1
เสียงเครื่องยนต์ดังครางเบา ๆ คลอเคล้าไปกับเสียงเพลงจากลำโพงรถยนต์ พิมพ์นาราขยับมือหมุนพวงมาลัยขณะสายตาเหลือบมองจีพีเอสที่วางอยู่บนคอนโซล เธอกำลังขับรถเข้าพื้นที่อุทยานฯ เพื่อทำกิจกรรมอาสาสมัครปลูกป่าร่วมกับกลุ่มเพื่อนนักอนุรักษ์ตามที่นัดหมายไว้
แต่ระหว่างที่รถกำลังแล่นไปตามทางหลวงเปลี่ยวในช่วงใกล้เขตตัดเข้าสู่แนวป่า เสียง "ปัง" ดังขึ้นจากล้อรถก่อนที่ทุกอย่างจะสั่นไหวราวกับมีบางอย่างเจาะทะลุยาง
“อะไรอีกวะเนี่ย” เธอสบถ หยุดรถข้างทางอย่างระแวดระวังในบรรยากาศเงียบสงบที่แฝงความเย็นยะเยือกของป่าเขา และเมื่อลงไปดูก็พบว่ายางล้อหน้าขวาแบนแตกล่อนอย่างไม่มีสาเหตุ
“ซวยชะมัด โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณอีก” พิมพ์นาราถอนหายใจ เซ็งจัด มือกำลังจะคว้ากระเป๋าเพื่อเตรียมเดินย้อนกลับไปยังป้อมยามที่ขับผ่านมาเมื่อสักครู่ แต่ทันใดนั้น
“เธอกำลังจะไปไหน”
เสียงทุ้มต่ำ ชวนสั่นสะท้านดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เธอสะดุ้งหันขวับ และสิ่งที่เห็นคือผู้ชายร่างสูงใหญ่ หน้าคมเข้มดุดัน ดวงตาเรียวคมมองมาอย่างเย็นชา
“คุณเป็นใคร” เธอถามกลับเสียงดัง
“ฉันเป็นคนที่เธอควรรู้จัก แต่เธอเลือกจะไม่รู้จักเอง” เขายิ้ม เดินเข้ามาใกล้ในขณะที่พิมพ์นาราเริ่มถอยหลัง หัวใจเต้นแรงโดยไม่รู้ว่ากลัวหรือโมโหมากกว่ากัน
“อย่ามายุ่งนะ ฉันจะแจ้งตำรวจ”
“แปลกดีนะ โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ แต่จะโทรหาตำรวจ” เขายิ้มกวน ๆ ก่อนจะยื่นมือกระชากแขนเธออย่างรวดเร็ว จนเธอเซล้มเข้ากับอกแกร่งของเขา
“ปล่อยนะ คุณมันโรคจิต”
“ไม่โรคจิตหรอก แต่ฉันตั้งใจมาลากเธอกลับไปชดใช้” เสียงเขาดุข้างหู ก่อนที่ภาพสุดท้ายที่พิมพ์นาราเห็นจะเป็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเขาก่อนที่สติจะดับวูบไปจากเข็มฉีดยาสลบที่เขาแอบใช้
กลิ่นไม้แห้งและความเย็นของอากาศในป่าปะทะเข้ากับจมูก พิมพ์นาราตื่นขึ้นพร้อมอาการปวดหัวตุบ ๆ และร่างกายที่ถูกพันธนาการด้วยเชือกอย่างแน่นหนาบนเตียงไม้หยาบในกระท่อมหลังหนึ่ง
“ตื่นแล้วเหรอ ยินดีต้อนรับสู่ที่พักของเธอ อย่างไม่มีกำหนดกลับ”
เสียงนั้นอีกแล้ว เสียงที่น่าหมั่นไส้ที่สุดที่เธอเคยได้ยิน
“คุณมันโรคจิตจริง ๆ จะจับฉันมาทำไม ถ้าจะปล้นก็เอาไปเลย”
“ฉันไม่ได้จะปล้นอะไรนอกจาก ตัวเธอ” เขาเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับสายตาที่แทะโลมเธออย่างไม่เกรงใจ
“กรวินทร์ นาย นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“เธอทำให้เพื่อนฉันต้องจบชีวิต เธอคิดว่าจะหนีไปเฉย ๆ ได้งั้นเหรอ” เขาพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับฉายแววเจ้าเล่ห์เกินกว่าจะเชื่อคำพูด
“เพื่อนนาย อะไรนะ ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ”
“ก็แปลกดีนะ แต่ถึงไม่รู้จัก ฉันก็มีเหตุผลมากพอที่จะจับเธอมาลงโทษให้สาสม” กรวินทร์ย่อตัวลงมาใกล้ใบหน้าเธอ กลิ่นกายอุ่นร้อนของเขาทำให้เธอหัวใจสั่นพร่า แม้ในสถานการณ์แบบนี้
“นายมันโรคจิต แก้แค้นแบบบ้า ๆ”
“บ้าก็เพราะเธอไงล่ะ” เขากระซิบข้างหู “รู้ไหม ฉันเคยขอจีบเธอ แต่เธอกลับผลักฉันออก ทั้งที่ฉันเห็นแววตาเธอ เธอชอบฉันอยู่นะ”
พิมพ์นารากัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงจัด แต่ยังแข็งใจสวนกลับ
“อย่าคิดไปเองน่า ฉันแค่ไม่อยากเป็นของเล่นของคนเจ้าชู้อย่างนาย”
“ใครว่าเล่น ถ้าจะเล่น ฉันคงไม่จับเธอมากักไว้กลางป่าแบบนี้หรอก” เขากระตุกยิ้ม ก่อนมือหยาบจะเลื่อนไปลูบแก้มเธอเบา ๆ
“เตรียมใจไว้เถอะ คืนนี้เธอจะรู้ว่า การถูกลงโทษ มันเป็นยังไง”
เสียงลมหายใจของพิมพ์นาราเป็นจังหวะเร็วถี่ราวกับจะระเบิดออกมา ดวงตากลมโตจ้องเขม็งไปยังร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูไม้ ใบหน้าคมเข้มของกรวินทร์ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และนั่นก็ยิ่งทำให้เธออยากกระโดดถีบหน้าหล่อ ๆ นั่นให้รู้แล้วรู้รอด
แต่น่าเสียดาย ร่างกายเธอถูกมัดแน่นไว้กับเตียงด้วยเชือกเส้นหนา
“อย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ นะ กรวินทร์ ฉันแจ้งตำรวจแน่” เสียงเธอสั่นนิดหน่อย แต่ยังคงถือดีอย่างปากเก่ง
เขาหัวเราะในลำคอ เดินเข้ามาใกล้ มือแกร่งยกขึ้นไล้ปอยผมที่ปรกแก้มเธอออกอย่างแผ่วเบา
“ถ้าเธอจะแจ้ง ก็คงต้องรอให้กลับเข้าเมืองให้ได้ก่อนนะ แล้วเธอคิดว่าจะหนีออกจากที่นี่ได้ง่าย ๆ เหรอ” เสียงเขาทุ้มต่ำ ขยับเข้าใกล้จนเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายสะอาดและอุ่นร้อน
“นายมันบ้า แก้แค้นอะไรไม่มีเหตุผลทั้งนั้น”
“อืม... บางทีฉันอาจไม่ได้ต้องการเหตุผลอะไรเลยก็ได้” เขากระซิบแนบใบหู ขณะที่ปลายนิ้วไล้ผ่านซอกคอเธออย่างจงใจ
พิมพ์นาราขนลุกวาบ ทว่าพยายามไม่แสดงท่าทีใด ๆ ให้เขารู้ว่าเธอกำลังหวั่นไหว
“นายมันขี้ขลาด ใช้กำลังกับผู้หญิง”
กรวินทร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “งั้นก็เรียกว่า ลงโทษก็แล้วกัน”
เขาก้มตัวลงช้า ๆ มือข้างหนึ่งไล้จากปลายคางของเธอลงสู่เนินอกที่ถูกเสื้อยืดกั้นไว้ ความชื้นอุ่นจากลมหายใจของเขาทำให้เธอสะท้านไหว
“หนูไม่กลัวนะ” เธอพูดเสียงแข็ง ราวกับท้าทาย
เขาหัวเราะอีกครั้ง “ดี งั้นก็ไม่ต้องกลัว เธอจะ ‘ได้เสียว’ ไปทั้งคืน”
เชือกถูกคลายออกช้า ๆ แต่เพียงเพื่อให้เธอขยับตัวได้แค่บางส่วน กรวินทร์จัดการดึงเสื้อเธอออกอย่างแนบเนียน ขณะริมฝีปากไล้ต่ำลงไปตามผิวเนียนราวกลีบกล้วยไม้ เธอหอบสะท้าน แต่พยายามกัดฟันไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมา
แต่กรวินทร์ก็รู้วิธีจะทำให้เธอ 'ยอมขอร้อง'
มือของเขาเลื่อนไปยังจุดอ่อนไหวใต้สะดือ ปลายนิ้วกดแผ่วลงบนรอยแยกนุ่มนิ่มของความสาวที่เริ่มชื้นอย่างน่าละอาย ร่างบางสะดุ้งเฮือก
“ยังจะบอกว่าไม่รู้สึกอีกเหรอ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“คุณ มันเลว” เธอครางเสียงเบาเมื่อปลายนิ้วของเขาค่อย ๆ แทรกเข้าไปในร่องรักอย่างชำนาญ
“ใช่ แต่ก็เลวพอที่เธอจะได้เสียวทุกนาที” เขากระซิบ ก่อนจะกดจูบบนยอดอกเธออย่างเร่าร้อน
เมื่อเธอเริ่มเผลอครางเสียงหวาน มือของเขาก็จัดการรูดซิปกางเกงลง เผยให้เห็นความเป็นชายที่แข็งขึงและใหญ่โตจนเธอเผลอกลืนน้ำลาย

