บทที่ 2.3 กลับมาเสียทีนะ
“ใจเย็นๆ ปลายแสง” หญิงสาวตัวสั่นอีกครั้ง ภาพน่ากลัวมันผุดขึ้นมาอีกครั้ง “ลืมไปแล้วเหรอ วันนี้แม่ของปลายแสงต้องไปเฝ้าอาม่าของพี่ที่โรงพยาบาล กว่าจะกลับก็อีก 2 วัน ส่วนไอ้พ่อเลี้ยงนั่นเจ็บปางตาย ไม่กล้าไปอีกหลายวัน ดีไม่ดีอาจจะช้ำในไปแล้วก็ได้มั้ง”
“ตายไปเลยก็ดีเหมือนกัน หนูอยากให้มันตายไปจริงๆ”
“สั่งมันไปก็ไม่น้อย ปลายแสงอย่าเพิ่งคิดอะไรเลย กินเสียก่อนบะหมี่จะอืดหมดแล้ว” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกจัดการจนหมดด้วยความหิวที่เธอเพิ่งรู้สึกหลังจากหายสะอื้นเสียใจ
ปลายแสงพยายามฝืนข่มตาให้หลับ กังหันยกห้องนอนของเขาให้เธอนอน ส่วนตัวเขาออกไปนอนที่ห้องรับแขก ร่างบางพลิกไปมาทำอย่างไรก็ไม่ยอมหลับ เธอทั้งรู้สึกเจ็บเนื้อตัวและก็กังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น ปลายแสงจึงลุกออกไปข้างนอก เธอเห็นร่างสูงนอนคุดคู้อยู่กับโซฟา เพราะเขาตัวยาวกว่าโซฟาตัวนั้น ท่าทางไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ หญิงสาวเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เธอมองใบหน้าใบขาวตี๋ จมูกโด่งแหลม ขนตายาว แก้มขาวแดงระเรื่อเล็กน้อย แขนมีมัดกล้ามไม่หนามาก เสียงหายใจของคนหลับไม่ค่อยสม่ำเสมอกันเท่าไหร่ ปลายแสงเอื้อมมือไปดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้าอกของกังหัน
“อุ๊ย พี่กังหัน” ชายหนุ่มรั้งตัวเธอลงจนแทบติดตัวเขา จมูกนั้นอยู่ห่างจากแก้มใสไม่ถึงนิ้ว ลมหายใจอุ่นๆ พ่นรดแก้มจนหญิงสาวหัวใจสั่นระรัว
“ทำให้พี่ตื่นแล้วก็ต้องรับผิดชอบ”
“อะไรนะ พี่กังหันจะให้ปลายแสงรับผิดชอบอะไรคะ” หญิงสาวทำตาปริบๆ ไม่รู้ความหมายของคำพูดนั้น
“ฮ่าๆ คิดอะไรอยู่ พี่ก็แค่จะให้นั่งคุยเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง ไม่ได้กลับมาซะนานมันเลยนอนไม่ค่อยหลับ” กังหันปล่อยตัวหญิงสาวอย่างเสียดาย เขาลุกขึ้นนั่งเสยผมที่ปรกหน้า ยิ่งทำให้ปลายแสงหัวใจเต้นแรงขึ้น “ยังกลัวอยู่เหรอ ไม่มีอะไรแล้วนะ...อยู่กับพี่ไม่มีใครกล้าทำอะไรปลายแสงแน่นอน เชื่อพี่นะ” ไม่ใช่แค่น้ำเสียง แต่สายตาที่เขาจับจ้องมาทำให้ปลายแสงใจสั่นไหว เธอเองก็รู้สึกแปลกๆ มาตั้งนานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือความฝันมักจะมีกังหันเข้ามาวนเวียนเป็นประจำ
“พี่กังหันหมายความว่ายังไงกันคะ ปลายแสงไม่ได้อยู่กับพี่ตลอดเวลาซะหน่อย”
“ใครบอกว่าไม่อยู่ล่ะ ตั้งแต่วันนี้ไปพี่จะให้ปลายแสงมาอยู่กับพี่ที่นี่เลย ขืนกลับไปบ้านมีหวังเสร็จไอ้เฒ่านั่นแน่ๆ แล้วพี่ก็ไม่มีวันปล่อยให้ปลายแสงกลับไปเด็ดขาด” ใบหน้าสวยร้อนวูบวาบ หัวใจก็สั่นท้องไส้มันปั่นป่วนไปหมด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง หญิงสาวหลบตาเขาครู่หนึ่งก่อนที่กังหันจะใช้ปลายนิ้วช้อนคางให้เธอกลับมาสบตาเขา “อยู่กับพี่นะปลายแสง” เสียงนุ่มเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ยื่นมาใกล้ ปลายแสงอยากจะฝืนใจตัวเองไม่ให้อยู่ใกล้เขาเกินไป แต่มันทำไม่ได้ กังหันเบี่ยงหน้าเล็กน้อยแค่พอให้แก้มของเขาสัมผัสกับแก้มเนียนของปลายแสง “พี่อยากดูแลปลายแสง” เขากระซิบแผ่วเบา
“ดูแลหนูเหรอ ทะ ทำไมคะ”
“พี่เป็นห่วงน่ะ เห็นปลายแสงเจอเรื่องแย่ๆ แล้วพี่ก็ยิ่งเป็นห่วงมากไปอีก”
“เถ้าแก่จะว่าเอานะคะ ให้ปลายแสงไปอยู่ที่อื่นเถอะ...ไม่อยากเป็นภาระให้พี่กังหัน”
“รังเกียจพี่เหรอคะ” เขายังส่งเสียงหวานอยู่ข้างหู
“ไม่ค่ะ” ปลายแสงอยากจะพูดอะไรอีกมากมายแต่ไม่ทันได้พูด เพราะปากอุ่นเลื่อนมาประกบปากนุ่มๆ อย่างแผ่วเบา เขาเม้มปากบนและล่างสลับกันอย่างนุ่มนวล ปลายแสงไม่แม้แต่จะต่อต้าน เธอยินยอมให้ชายหนุ่มจูบง่ายดาย มือข้างที่เชยคางเลื่อนเข้ามาประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ไม่ให้หนี อีกมือรวบเอวบางเข้ามาใกล้ร่างกำยำ กลิ่นลมหายใจของกังหันกระตุ้นบางอย่างในร่างกายของเธอให้หลั่งออกมา หญิงสาวอยู่นิ่งให้เขาจูบเนิ่นนาน เธอต้องการสัมผัสแบบนี้เช่นกัน
หัวใจของคนตัวเล็กเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างกายก็แทบจะละลายลงตรงนั้น ยิ่งเข้าเกี่ยวลิ้นเข้ามาให้ปาก เธอก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ความเงียบครอบงำบริเวณนั้นจวบจนกังหันถอนจูบออกจากปากนิ่มอย่างเสียดาย เขาเห็นใบหน้าสวยแดงระเรื่อก็ฉีกยิ้มด้วยความพอใจ
“รู้หรือยังว่าทำไม” หญิงสาวส่ายหน้าเบา แล้วหลบสายตาเขา “ไม่เป็นไรอีกไม่นานปลายแสงจะเข้าใจเอง นอนพักเถอะนะ พี่จะไม่รังแกปลายแสงมากกว่านี้” ความอบอุ่นที่เธอไม่เคยได้รับจากที่ไหน ทำให้เธอหลงอยู่ในอ้อมกอดนั้นและไม่อยากจะออกจากอ้อมกอดของกังหันอีกเลย
จากความหวาดกลัวตอนนี้เธอรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น รอยยิ้มที่ละมุนของกังหันช่วยให้เธอเข้มแข็งมากขึ้น ความหวาดกลัวในใจจางออกไปบ้าง เธอสามารถยิ้มได้เพียงแค่ข้ามคืนเดียว ผู้ชายที่เธอรอคอยกลับมาทำให้เธอมีความหวังอีกครั้ง
