บทที่ 1.1 หมอหล่อหนูอยากได้
รถสองแถวสีมอซอคันเก่าๆ แล่นมาบนถนนลูกรังสีแดง ระดับความเรียบของพื้นถนนไม่ต้องพูดถึง เรียกได้ว่าต้องหาที่ยึดเกาะกันเลย ทั้งกระโดด กระเด้ง แอ่น เอน โยกไปมาจนเวียนหัว กะรัตนั่งเอียงติดเทียนหอมจากแรงเหวี่ยงของรถ สองข้างทางมีต้นไม้แต่เป็นต้นไม้ที่คลุกฝุ่น “เอี๊ยด” แตะเบรกสุดแรงเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งจากผู้โดยสาร จากแรงเบรกทำให้ฝุ่นฟุ้งตลบ
“แค๊กๆ...ที่ไหนของเธอเนี่ยยายเทียน ไกลก็ไกล ฝุ่นก็เยอะ แค๊กๆ ดูสิเสื้อผ้าฉันเปื้อนฝุ่นหมดแล้ว ตัวนี้ราคาแพงด้วยนะยายเทียนหอม...คอยดูเถอะถึงที่พักเมื่อไหร่เธอต้องเอาไปซักให้ฉันด้วย”
“ขี้บ่นจริงๆ ยายเพื่อนคนนี้ ตามมาเร็วๆ”
กะรัตลากกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากลงจากรถสองแถวแล้วมายืนมองเพื่อนที่ยิ้มอย่างพึงพอใจ ไม่รู้ยิ้มอะไรนักหนา กะรัตมองตามเพื่อน
“ที่ทำงานใหม่ของฉันเอง...สวยไหม”
กะรัตถลึงตามองเพื่อนแล้วค่อยๆ เลื่อนมองไปรอบกาย ป่าเขา เปลี่ยวโคตรๆ ไม่มีรถขับผ่าน ไม่มีคนเดินข้างทางแม้จะมีถนนลาดปูนซีเมนต์แต่ก็ต้นไม้รกเต็มข้างทาง
“หมายความว่ายังไง ที่ทำงานใหม่...นี่เธอคงไม่ได้สอบบรรจุมาอยู่ที่นี่หรอกนะ”
เทียนหอมส่งยิ้มแทนคำตอบ เล่นเอาเพื่อนรักเต้นเร่าๆ อยากจะอาละวาดใส่เธอ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะถามอะไรมาก
“คุณครูคนใหม่ใช่ไหมคะ”
หญิงสาวในชุดชาวเขา ใบหน้าขาวนวลเดินเข้ามาถามอย่างประหม่า สำเนียงการพูดนั้นบ่งบอกว่าเธอไม่ชำนาญภาษากลาง
“สวัสดีค่ะฉันเทียนหอม”
“เชิญค่ะครู”
กะรัตมองตะลึงอยู่ที่ทางเดิน แม้จะเป็นทางปูนแต่มันเป็นทางขึ้นเนินที่สูงพอควร แล้วเธอต้องลากกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปด้วย
“เร็วสิกะรัต”
“แน่ใจนะว่าพามาเที่ยว...ไม่ได้พาฉันมาฆ่าหมกป่า รอด้วยสิเทียนหอม ฉันลากกระเป๋าไม่ไหว”
เป็นการเดินทางที่แสนจะลำบากและเหน็ดเหนื่อย กระเป๋าใบสวยของกะรัตลากไปกับพื้นจนล้อหลุดออกมา แถมเธอยังต้องออกแรงมากเพื่อดันกระเป๋าขึ้นไปด้านบน แต่แล้วแรงของสาวร่างบางก็รั้งแรงโน้มถ่วงไว้ไม่ได้
“ว๊ายๆ”
กะรัตเซไถลลงไปเรื่อยๆ ร่างบางหมุนวนจนเกือบจะถึงพื้น หญิงสาวหลับตาแน่นนึกถึงสิ่งศักดิ์ที่เธอเคารพในใจ
“พ่อจ๋า แม่จ๋าช่วยกะรัตด้วย”
ใจที่ลุ้นระทึกว่าจะต้องเจ็บปวดเพียงใดเมื่อตกมากระแทกพื้นแข็ง แต่แล้วเธอก็ลอยกลับมาที่เดิมด้วยลำแขนแข็งแรง หญิงสาวผวาเกาะเอาไว้เมื่อรู้สึกถึงความปลอดภัย
“พ่อจ๋า แม่จ๋า มาช่วยหนูแล้ว”
เธอหวาดกลัวจนต้องกอดเกาะเอาไว้จนแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองกลิ้งตกลงไปกระแทกพื้น แต่อีกใจก็คิดว่าตัวเองตกลงมาแล้วใช่หรือไม่
“คุณ คุณ ลืมตาสิ ปลอดภัยแล้วนะ”
เสียงนุ่มๆ ยิ่งทำให้กะรัตใจเสีย เธอคิดว่าได้กลิ้งตกลงมาจนเสียชีวิตไปเสียแล้ว หญิงสาวลืมตามองคนที่เรียก
“ทะ เทวดาแน่ๆ หล่อขนาดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นี่ฉันตายแล้วจริงๆ เหรอ...อะ เอ่อ คุณเทวดาขา กะรัตตายแล้วใช่ไหมคะ ถึงได้กอดคุณเทวดาแบบนี้”
คนที่ช่วยชีวิตเธอเลิกคิ้วสูงเมื่อได้ยินเสียงของเธอพูด ทำให้ชายหนุ่มนึกขบขัน ผู้หญิงคนนี้สติดีหรือเปล่าทำไมเรียกเขาว่าเทวดา
“กะรัต...เป็นอย่างไรบ้างเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เทียนหอมวิ่งลงมาดูเพื่อน กะรัตหันมองตามเสียงของเพื่อน เธอถึงรู้ว่าตัวเองไม่ได้ตกลงไปด้านล่างอย่างที่เข้าใจ หญิงสาวค่อยๆ ยืนขึ้นจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม
“อะ โอ๊ย เจ็บ”
“ขาคงแพลง เดี๋ยวพาขึ้นไปที่อนามัยก่อนเถอะครับ”
ชายหนุ่มหันมาบอกเทียนหอม เธอพยักหน้าแล้วช่วยประคองเพื่อนเดินตามเขาไปที่อนามัย
กะรัตนั่งลงที่เก้าอี้ไม้หน้าอนามัย แล้วทอดสายตาไปที่ร่างสูง เขากำลังเดินเข้าไปด้านในเพื่อหายามาทาให้เธอ รอยยิ้มกริ่มกรุ่นทำให้เพื่อนรักรู้ทันทีว่ากะรัตนั้น
“มารยา”
“พูดอะไร เบาๆ หน่อยเถอะยายเทียน”
“เธออย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันนะยายกะรัต นี่เราเพิ่งมาถึงยังไม่ครบชั่วโมงเธอคิดจะหาผัวแล้วเหรอ”
