บทที่ 4
“ใช่ไง ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นกับเขาเลยจริงๆ นะ แม้ตอนนั้นความสัมพันธ์จะระหองระแหงแต่คำว่าเลิกไม่เคยอยู่ในความคิดของฉันเลยด้วยซ้ำ เขาต่างหากที่จู่ๆ ก็หายหน้าไปจนกลายเป็นว่าเลิกกัน มันเป็นการเลิกที่เงียบที่สุดแต่ก็เจ็บที่สุดในชีวิตฉัน” เภตราบีบมือตัวเองจนแน่น แม้จะผ่านเหตุการณ์นั้นมาหลายปีแต่ร่องรอยความเจ็บก็ยังคงมีอยู่ แค่มีอะไรบางอย่างไปสะกิดเพียงเล็กน้อยแผลก็พร้อมจะปริ
“แล้วได้บอกไหมว่าเธอไม่เคยพูด”
“ไม่ทันได้บอกเพราะเขาไปทำงานเสียก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องหาเวลาไปบอกคุณบีมว่าไม่เคยพูดแบบนั้น เขาเข้าใจผิดไปเอง”
“พูดตอนนี้แล้วจะได้อะไร ในเมื่อทุกอย่างมันจบไปแล้ว”
“ก็จริง” พิงค์พลอยหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันจะพูด รู้ว่ามันผ่านมานานแล้วแต่ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจผิดฉันก็มีสิทธิ์ที่จะแก้ต่างไม่ใช่เหรอ ดีกว่าปล่อยให้ความเข้าใจผิดค้างคาใจกันอยู่แบบนี้”
เภตรานิ่งเพื่อฟังคำแนะนำของพิงค์พลอยแต่อีกใจก็อยากให้เรื่องนี้มันผ่านไปเพราะไม่อยากเข้าไปข้องแวะกับภูเมฆอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่วายดึงเขาเข้ามาในหัวแล้วสมองก็คิดไปต่างๆ นานาจนต้องส่ายหน้าแรงๆ ไล่ความคิดเหล่านั้น
เมื่อได้คุยกับพิงค์พลอยอารมณ์ของเภตราก็ค่อยๆ ดีขึ้น กระทั่งเพื่อนสนิทขอตัวกลับเภตราจึงเดินไปส่ง จังหวะที่จะหมุนตัวเข้าบ้านก็เจอกับพี่สาวเข้า
“ได้ข่าวว่าวันนี้คุณณดลพาไปดูบ้านที่จะเป็นเรือนหอมาเหรอ” บัวสวรรค์กอดอกเอ่ยถามน้องสาวที่อายุห่างเกือบเจ็ดปี เพราะแบบนั้นทั้งคู่จึงไม่ได้สนิทสนมกันเท่าที่ควรจะเป็น เรื่องวันนี้เธอก็ไม่ได้อยากรู้แต่มารดาเล่าให้ฟังอย่างยินดีเธอจึงต้องฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ค่ะ”
“แล้วชอบไหม”
“ชอบค่ะแต่อยากดูอีกหลายๆ ที่ ไม่อยากด่วนตัดสินใจ” เภตรามีหลายเหตุผลที่ไม่สามารถบอกพี่สาวได้
“ก็จริง บางอย่างต้องดูนานๆ ไม่ใช่โอนเอนพอถูกลองใจหน่อยก็เลิก ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ลงเอยกับผู้ชายแบบนั้น” คำพูดของพี่สาวทำให้เภตราคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ “สักวันเธอจะขอบใจพี่คนนี้”
“คะ” เภตราเอ่ยรับอย่างงุนงงเพราะจับต้นชนปลายคำพูดที่ได้ยินไม่ได้จริงๆ ส่วนคนที่รู้ทุกอย่างกลับยิ้มกริ่มถือดีว่าตนเป็นคนกุมความลับไว้
“พี่จะไปต่างประเทศเลยเอาน้องนิ่มมาฝากคุณพ่อคุณแม่ ถ้าเธอว่างก็ช่วยดูหลานหน่อยแล้วกันนะ”
“ค่ะ แล้วคุณวุฒิล่ะคะไปด้วยไหม” เภตราเอ่ยถามถึงสามีของพี่สาว
“ไม่ไป” น้ำเสียงที่ตอบนั้นฟังดูห้วนจนเภตราสัมผัสได้ “พี่จะไปกับเพื่อนๆ ส่วนน้องนิ่มขืนฝากคุณวุฒิให้ดูลูกก็คงไม่รอด ผู้ชายอะไรเลี้ยงลูกก็ไม่เป็น งานก็ไม่ได้เรื่อง ดันยังไงก็อยู่กับที่ไม่ได้ดีสักอย่าง รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ไม่แต่งงานด้วยแน่” บัวสวรรค์บ่นอุบถึงสามีตัวดีที่จนถึงตอนนี้หน้าที่การงานก็ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่เธอหวัง
ถ้าวันนั้นเธอไม่เมาถึงขั้นพลาดไปมีอะไรกับวุฒิจนท้องขึ้นมาก็คงไม่แต่งงานด้วยแน่ ที่ยอมแต่งเพราะอยากกู้หน้าตัวเองเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าท้องไม่มีพ่อ ความรักของเธอทำไมมันถึงห่วยขนาดนี้สวนทางกับความรักของเภตราที่ไม่ว่าจะคบกับใครก็ดีไปเสียหมด ดีจนเธออยากทำลายและเธอก็ทำมันสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนครั้งที่สองมันอาจเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
เมื่อระบายอารมณ์กับเภตราเสร็จบัวสวรรค์ก็เดินฉับๆ ไปยังรถที่จอดอยู่จากนั้นก็ขับออกไปทันที เภตรายืนมองรถพี่สาวครู่หนึ่งก่อนที่เสียงใสๆ ของหลานสาวที่เอ่ยเรียกจะดังขึ้น
“น้าขิมขา”
“ค่ะหนูนิ่ม”
“คืนนี้หนูนิ่มนอนกับน้าขิมได้ไหมคะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วสดใสเอ่ยถามพร้อมแววตาที่เต็มไปด้วยประกายความหวังว่าจะได้รับข่าวดี
“ได้ค่ะ”
“เย้ๆ หนูนิ่มรักน้าขิมที่สุดในโลก” เด็กหญิงตัวน้อยวัยใกล้สามขวบชูมือขึ้นแล้วกระโดดวิ่งวนไปมารอบๆ ตัวเภตราอย่างดีใจที่จะได้นอนห้องน้าสาว
หลังจากพาหลานสาวเข้านอนไปแล้ว เภตราที่ไม่มีท่าทีง่วงก็เอาแต่นอนมองเพดานห้องเพราะยังคิดไม่ตกกับเรื่องของตัวเอง เธอจะปล่อยผ่านเรื่องนี้เหมือนที่ทำมาหรือพูดกับภูเมฆให้เข้าใจว่าเขาเข้าใจเธอผิด แต่ถ้าเขาไม่แคร์และเลือกที่จะเข้าใจแบบนั้นความพยายามของเธอคงสูญเปล่า
“เฮ้อ!” เภตราถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนที่เสียงข้อความของณดลจะดังขึ้น ชายหนุ่มส่งข้อความมานัดหมายว่าเย็นพรุ่งนี้เขาอยากพาเธอไปทานอาหาร ซึ่งเภตราก็รับปากนั่นเพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธคนรักหนุ่ม
คำตอบรับจากเภตราทำให้คนที่มีแผนบางอย่างในใจอย่างณดลยิ้มออกมา แม้จะรักเธอแม้จะอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างเธอและทางรอดของตัวเอง เขาเลือกอย่างหลังแน่นอนเพราะชีวิตนี้เป็นของเขา เขาจะทำอะไรกับมันก็ย่อมได้
อีกอย่างเธอก็มีค่าตั้งห้าสิบล้าน เงินมากมายขนาดนั้นกี่ปีเขาถึงจะหาได้หรือต้องหลอกลวงคนกี่สิบคนถึงจะพอ ข้อแลกเปลี่ยนดีๆ แบบนี้ไม่รับก็คงโง่เต็มทน ส่วนเภตราถ้าเธอรักเขาจริงๆ ก็ต้องอภัยและไม่โกรธเพราะนั่นคือการแสดงความรักใบแบบที่เขาต้องการ
ณดลหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย ทุกอย่างมันกำลังไปได้สวย ในเมื่อภูเมฆชอบผู้หญิงเขาก็จะหาไปให้อีกเรื่อยๆ ลดหนี้ได้สักหน่อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย ยิ่งถ้าภูเมฆถลำลึกเมื่อไหร่เขาก็จะแบล็คเมล์ คราวนี้เขาก็จะถือไพ่เหนือกว่าเกมมันก็จะย้ายมาฝั่งเขาอย่างเต็มรูปแบบ
