เทพบุตรหัวใจห้าวรัก / ตอนที่ 4
ภีมวัจน์ยื่นมือมารับแต่หล่อนหดมือกลับชิดอก เดินไปกลางห้อง กอดเสื้อเชิ้ตเขาไว้ ชายตามองเขา
ชายหนุ่มยิ้มเครียด ไม่พยายามแย่งเสื้อ เขาหรี่ตามองหล่อน ลักษณะของเขาเหมือนเจ้าป่า ยืนทำท่าสบายแต่พร้อมจะกระโจนเข้าตะปบเหยื่อ
ทัศนียาใจเต้นรัว กลัวเหมือนกัน แต่นี่เป็นโอกาสของหล่อนแล้ว จะปล่อยไปไม่ได้เป็นอันขาด
หล่อนยิ้มเย้ายวน มองหน้าขรึมเครียดของชายหนุ่ม รู้ตัวเหมือนกันว่ากำลังเล่นเกมอันตราย แต่ก็ต้องลอง
หล่อนมองประตู แต่ภีมวัจน์ยืนอยู่ใกล้กว่า หล่อนคงผ่านเขาไปไม่ถึงประตู เพราะต้องไปให้ถึงก่อน เผื่อเวลาถอดกลอนด้วย
ทัศนียาคิดว่าหล่อนฉลาด แต่ความจริงหล่อนโง่มาก ที่ประเมินเขาต่ำไป
ภีมวัจน์โตมากับครอบครัวที่หากินอยู่กับป่าดง
บ้านก็เรียกว่าอยู่บนเขา กลางเขาเลยทีเดียว เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนก็ไม่ได้เจริญอย่างเดี๋ยวนี้ แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ยังไม่มีใช้ด้วยซ้ำ
ขณะยังเยาว์ เวลาพ่อหรือแม่ของเขาเข้าไปดูแลการตัดไม้ที่อายุสมควร เขามักจะไปด้วย บางครั้งนั้นในป่าก็มีสัตว์ร้าย นอกจากสัตว์คนด้วยกันนี้แหละร้ายกว่า คอยเข้ามาเพื่อลักลอบตัดไม้ในปางไม้ที่เป็นของครอบครัวเขา
แม่ของเขาเป็นคนรอบคอบ ไม่เคยตั้งตนอยู่ในความประมาท จึงให้เขาฝึกฝนทั้งการยิงปืน ต่อสู้มือเปล่าจากผู้ชำนาญในแต่ละแขนงเพื่อเอาตัวรอดเมื่อถึงคราวคับขัน
เขาอาจจะได้ชื่อว่าเป็นคนหนุ่มที่ออกจะไม่เอาไหน ชอบเที่ยวเตร่ คบหาเพื่อนฝูงคอเดียวกัน ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในกิจกรรมนำมาซึ่งความสนุกสนานสำราญต่างๆ ทั้งสุรา นารี และกีฬาบัตร ชอบเข้าบ่อนเข้าบาร์มากกว่าช่วยแบ่งเบาภาระการงานทางบ้าน แต่เรื่องกลยุทธ์การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดแล้วเขาไม่เป็นรองใคร คนในครอบครัวรวมถึงเพื่อนสนิทๆ ของเขารู้ดี
คนที่ไม่รู้จักตัวตนแท้จริงของเขา คือคนที่เขาคบผิวเผิน
บางคนอาจถึงกับนึกดูถูกเวลาเขาเลี่ยงที่จะมีเรื่องด้วย ซึ่งเขาจะพยายามอดทน กระทั่งทนไม่ไหวจึงจะฉะกลับสักที เช่นครั้งล่าสุดที่เขามีเรื่องมีราวกับลูกชายนักการเมืองใหญ่จนเกิดชกต่อยกันขึ้นในบาร์แห่งหนึ่ง เขาคว่ำเจ้าลูกชายนักการเมืองระดับชาติขี้โอ่ นิสัยอันธพาลลงได้ในเวลาอันสั้น
ภีมวัจน์มองทัศนียายิ้มหวาน แล้วพูดกับเขา
“มาเอาเสื้อไปใส่สิคะอากาศเย็นออก พอดีพอร้ายปอดบวมกินไม่รู้ด้วยนะ”
หล่อนโบกเสื้อไปมาล่อเขา แต่ภีมวัจน์เฉย ไม่วิ่งเข้าไปแย่งเสื้อที่โบกยั่วไปมา
เขายืนปักหลักนิ่งนึกโกรธตัวเอง ที่เผลอลุแก่ความรำคาญ หล่อนถามว่ารักมั้ย ควรตอบไปดีๆ เลี่ยงได้มากมายหลายทาง อาจจะพูดว่า น่ารักอย่างนี้ก็รักน่ะสิ หรือไม่ก็ถามกลับแทนคำตอบก็ยังได้ เป็นต้นว่ามาอยู่ด้วยอย่างนี้คิดว่ารักหรือเปล่าล่ะ อะไรก็ได้เอาใจเสียหน่อย แต่เขาก็เผลอพูดแรงไป และผู้หญิงคนนี้กำลังคิดจะเล่นงานเขา
เขาเดาออกเลยว่าหล่อนคิดจะทำอะไร เขาต้องใจเย็น หาทางระงับเหตุการณ์โดยไม่ให้เกิดเหตุเอะอะขึ้นได้
ถ้าหล่อนเปิดประตูออกไปโวยวาย เขาก็คงเสียคน
อาจเป็นเรื่องเป็นราวไปถึงพ่อแม่ที่รักยิ่งของเขา ให้ท่านทั้งสองต้องรำคาญใจเพราะพฤติกรรมรักสนุกของเขา
พ่อเคยเตือนๆให้เขาเพลาๆลงบ้าง ส่วนแม่...รายนั้นไม่เคยพูด หรือตำหนิเขา ซึ่งเขารู้ว่าเมื่อใดที่แม่พูดนั่นคือเรื่องใหญ่
เขาตั้งใจจะไม่ให้พ่อแม่ต้องมาเสียหัวเกี่ยวกับเรื่องใช้ชีวิตประสาคนหนุ่มของเขา ฉะนั้นเขาต้องรอบคอบกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าครั้งนี้
ทัศนียายังยั่วเขาด้วยการเดินแกมเต้นเข้ามาหา โบกเสื้อล่อไปล่อมา
“ผมอยากได้เสื้อเหมือนกัน” เขาพูดเนิบๆ “ช่วยส่งมาดีๆเถอะ ผมไม่อยากวิ่งไล่ยื้อเป็นเด็ก”
ทัศนียาควรจะสังเกตเห็น ภีมวัจน์พูดเสียงราบเรียบทว่ากล้ามอก และแขนของเขาเกร็งเตรียมพร้อมอยู่ แต่หล่อนก็ยังเต้นเข้ามาใกล้ ยื่นเสื้อยั่วเขา
ภีมวัจน์ปล่อยให้หล่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พอได้ระยะก็โผนเข้าดึงเสื้อของเขาจากมือของม่ายสาวโดยแรง ทัศนียาเสียหลักศีรษะพุ่งเข้าหาเขา พบมือกำแน่นเป็นหมัดที่คางมนเข้าอย่างจัง
หล่อนครางฮือร่างรูดลงหมดสติบนพื้นปูพรมแทบเท้าเขา
ภีมวัจน์คุกเข่าลง ตรวจดูว่าหล่อนเป็นอะไรมากหรือเปล่า เห็นเพียงว่าสิ้นสติไปเพราะถูกน็อคปลายคางเข้าอย่างเบาะๆ ก็อุ้มขึ้นไปวางบนเตียง จัดท่าให้เหมือนว่าหล่อนกำลังนอนหลับสบายตามปกติ
เขามองร่างนอนเหยียดยาวในท่าสบายอีกครั้ง ก่อนไปที่หน้าต่าง เหวี่ยงขาขึ้นคร่อมแล้วปีนกลับลงไป
นึกเสียดายขึ้นมานิดๆ เพราะเขายังชอบชั้นเชิงกามของหล่อนอยู่มาก ถึงว่าผู้หญิงอย่างหล่อนจะหาได้ไม่ยากในสังคมไทยปัจจุบัน
แต่หล่อนก็ไม่ควรคิดหวังเกินเลย คิดได้ยังไงว่าเขาจะรักถึงขั้นขอหล่อนแต่งงาน
ผู้หญิงสวยกว่าหล่อน ยังใช้นางสาวนำหน้าชื่อ แม้จะเป็นนางสาวแต่เฉพาะในนาม ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต เขายังไม่คิดจริงจัง เพราะไม่เคยไม่นึกรักใครสักคน
ภีมวัจน์ยอมรับอย่างหน้าชื่นว่าเขายังไม่รู้จักความรัก อย่างที่พ่อแม่ของเขามีต่อกัน
แต่พ่อเขาเคยบอก เจอคนที่ใช่เมื่อไหร่ จะรู้เอง
เขาก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น...
