อุบัติรักใต้เงาอสูร / ตอนที่ 8
พจีจำเรียงเดินทางถึงเกาะผีเสื้อโดยสวัสดิภาพ แต่หล่อนก็มีปัญหาเรื่องที่พัก อย่างที่เป็นกังวลแต่แรก เนื่องจากไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า
ขณะกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับหล่อน และยังช่วยหล่อนในนาทีแห่งความเป็นความตายที่ผ่านเข้ามาในเส้นทางชีวิตของหล่อน ก็เสนอทางเลือกแก่หล่อน ระหว่างย้อนกลับเข้าฝั่ง ไปพักโรงแรมในเมือง พร้อมเรือเที่ยวขากลับ ในช่วงบ่าย กับพักร่วมกับเขา
“ถ้าคุณกลัวว่าจะต้องนอนเตียงเดียวกัน หรือแม้แต่ใช้ห้องนอนร่วมกับผม ก็สบายใจได้”เขาบอก
“ห้องที่ผมพักเป็นห้องคู่ ปกติเขาใช้เป็นฮันนีมูน สวีท เป็นห้องชุดสำหรับคนมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เพื่อนผมจองห้องชุดนี้ให้ ก็เพราะเหลืออยู่แค่นี้ อันที่จริง มีคู่แต่งงานจองเอาไว้ แต่มีเหตุมาไม่ได้ ขอเลื่อนออกไปกะทันหัน ก็เลยว่าง เพื่อนผมรีบจองเอาไว้เลย ถึงว่าผมจะมาพักคนเดียว ก็ยังดีกว่าไม่มีที่พัก”
“คุณไม่เห็นบอกฉันก่อนว่าที่นี่ไม่เหลือที่พักแล้ว” หล่อนต่อว่า มองเขาอย่างระแวงแคลงใจ
ทรงพิชิตยกไหล่ ตอบเสียงเรียบ
“ผมบอกคุณแล้วไง หน้านี้คนเยอะ ต้องจองที่พักล่วงหน้า”
“แต่คุณก็ไม่ได้บอกว่า ที่พักเต็มแล้ว ทั้งๆ ที่คุณก็รู้อยู่แล้วว่า ฉันข้ามมานี่จะไม่มีที่พัก”
“ผมคงอยากให้คุณมา แล้วไม่มีที่พัก เพื่อจะได้พักร่วมกับผมมั้ง”
เขาพูดยิ้มๆ ท่าทางไม่เดือดร้อน ถ้าหล่อนจะกล่าวหา หรือมองเขาอย่างไม่ไว้วางใจขึ้นมาทุกที
“เอาน่า...” เขาทำเสียงผู้ใหญ่พูดกับเด็กจนทาง ไม่มีที่ไป
“รับรองว่า พักกับผม คุณจะปลอดภัยกว่าพักคนเดียวเสียอีก อย่างน้อย ก็ไม่ต้องกลัวว่าโจรผู้ร้ายที่แฝงตัวมาในคราบนักท่องเที่ยว คิดมิดีมิร้ายกับคุณ เพราะรู้แกวว่า คุณมาตามลำพัง และยังพักคนเดียว ... หรือคุณไม่รู้ว่าผู้หญิงสาว แถมสวยอย่างคุณ บางทีก็เหมือนเป็นการเชื้อเชิญอันตรายให้เข้าถึงตัว โดยที่คุณเองไม่ได้ตั้งใจ หรือคิดไม่ถึงได้เหมือนกัน”
หล่อนมองหน้าเขา ตัดสินใจไม่ตก
“มาเถอะ ผมจะพาไปดูห้องพัก” เขารวบรัด
พจีจำเรียงลังเล จนพนักงานประจำเคาน์เตอร์ ซึ่งร่วมรับฟังปัญหาของหล่อนอยู่ด้วย พูดขึ้น
“ตกลงเถอะครับ คุณผู้หญิง ไหนๆ ก็มาแล้ว ถ้าคุณไม่อยู่พักผ่อนที่นี่ จะต้องเสียดายไปอีกนานละครับ”
พนักงานของทางรีสอร์ทนี้ เป็นชายหนุ่ม ก็คงไม่คิดเผื่อเพศตรงข้ามว่า การค้างอ้างแรมตามลำพังกับผู้ชายนั้น ผู้หญิงเป็นฝ่ายได้รับความเสียหายง่ายกว่าผู้ชาย
แต่หล่อนจะกลับ หรือเพียงแต่ย้อนกลับไปที่โรงแรมบนฝั่ง เพื่อรอมาใหม่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็ไม่แน่จะได้ที่พัก จะเท่ากับมาเสียเที่ยว
ห้องพักที่ถูกเสนอมา ก็เป็นฮันนีมูน สวีท มีห้องนอนสองห้อง ไม่ใช่ว่าต้องนอนเตียงเดียว หรือแม้แต่ห้องเดียวกันอย่างว่า
“ก็ได้ค่ะ ... มาแล้วก็ไม่อยากเสียเที่ยว เสียเวลาย้อนกลับไปกลับมา”
“ถึงคุณกลับขึ้นฝั่งแล้วมาใหม่พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็จะไม่ได้ที่พักอยู่ดีละครับ” พนักงานหนุ่มบอก “ที่พักของเรา มีแขกจองเต็มทุกวันไปจนถึงต้นเดือนหน้าแน่ะครับ”
พจีจำเรียงพยายามบอกตัวเองว่า หล่อนไม่มีทางเลือก โดยไม่ยอมรับว่า ข้อเสนอของชายหนุ่มน่าสนใจตั้งแต่แรก และหล่อนก็อยากตอบตกลงแต่ทีแรก ไม่ต้องคิดมาก
เขาบอกเองนี่นา หล่อนจะปลอดภัยกว่าพักคนเดียว แล้วประสบการณ์ถูกลอบยิงที่ท่าเรือ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด หรืออะไรก็ตามที ก็ทำเอาหล่อนยังสั่นไม่หาย
บ้าพิลึก! ทำไมจะต้องมาเกิดเรื่องอะไรร้ายๆ แบบนี้ขึ้นกับหล่อนด้วยนะ?
แทนที่จะได้รับแต่ความสบายใจ จากการตั้งใจมาพักผ่อนก็เลยต้องมากังวล คิดหมกมุ่นอยู่นั่นแล้วว่า เป็นเรื่องบังเอิญ หรือมีใครเจตนาร้าย ตั้งใจทำร้ายขู่ขวัญหล่อนกันแน่?
พจีจำเรียงเห็นห้องพักเข้าก็รู้สึกถูกใจมาก มองไปรอบๆ ห้องพัก ดูกะทัดรัดและแต่งไว้น่ารัก ม่านหน้าต่างลายดอก เข้าชุดกับผ้าคลุมเตียง น่าอยู่สบายทีเดียว มีหน้าต่างซึ่งแง้มให้เห็นสวนหย่อมน่ารัก และเปิดทางออกไปสู่สนามหญ้าเขียวขจี มีไม้พุ่มดัดเป็นรูปทรงต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นรูปสัตว์ ไกลออกไปทิวทัศน์ของภูเขา
หล่อนคงจะสบายใจกว่านี้ ถ้าห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกัน จะไม่มีประตูเปิดติดต่อถึงกัน และด้านของหล่อนก็ไม่มีกลอน ลูกบิดประตูก็เป็นชนิดออกแบบมาสำหรับจับบิดขณะเปิดปะตูเท่านั้น ไม่มีปุ่มสำหรับกดล็อค ซึ่งก็ถูกต้องดีแล้ว เพราะห้องนี้ เป็นห้องคู่ สำหรับคนมาฮันนีมูน แต่ก็ยังอยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง ไม่ใช่อยู่ห้องเดียว เจอหน้ากันตลอด เรื่องกลอนหรือที่ล็อคประตูจึงไม่จำเป็น
หล่อนลองเคาะประตูระหว่างห้องเบาๆ
ทรงพิชิตเปิดประตูเข้ามาทันที ราวกับรออยู่แล้ว
“มีอะไรหรือครับ? หรือต้องการตัวผม”
นัยน์ตาดำคมของเขาแพรวพราวทีเดียว เมื่อถามหล่อนว่า หรือต้องการตัวผม... แสดงว่าเขาตั้งใจจะพูดให้หล่อนสะดุดหู และสะดุดใจในคำพูดที่กินนัยเป็นพิเศษ
“เปล่าค่ะ
หล่อนตอบ มองเขาเกือบเป็นค้อน แต่ถามจริงจัง
“ด้านห้องคุณ มีกลอนหรือลูกบิดมีตัวกดล็อคมั้ยคะ?”
“ถ้าผมตอบว่ามี คุณจะขอเปลี่ยนห้องล่ะสิ”
เขาดักคออย่างรู้ทัน สีหน้ายิ้มๆ
ร่างสูงยืนอิงกรอบประตู พักขาข้างหนึ่งตามสบาย ยกมือกอดอก ทำให้พจีจำเรียงอดคิดไม่ได้ว่า มาดเขา ยังกะนายแบบอาชีพ และทั้งหุ่น ทั้งหน้าตาของเขา ก็ให้เสียด้วยสิ
พูดจริงๆ ถึงเขาจะดูเป็นคนฉลาดเฉลียว มีปฏิภาณไหวพริบ แต่หล่อนก็มองไม่เห็นความน่าจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับศาสตราจารย์เลยจริงๆ
เขาดูภูมิฐาน มีมาดที่สง่า บุคลิกที่มาดมั่น แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ได้ช่วยให้เขาดูเป็นผู้คงแก่เรียน หรือส่อแววเป็นคนคร่ำเคร่ง หมกมุ่น อยู่แต่เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เขาชำนาญ หรือเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
จะว่าไปแล้ว เขาเหมือนนักธุรกิจประสบความสำเร็จแต่ยังหนุ่ม มากกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการ หรือวิทยาการแขนงใดแขนงหนึ่ง
หรือเขาโกหก?
แต่จะโกหกไปเพื่ออะไร?
