บท
ตั้งค่า

อุบัติรักใต้เงาอสูร / ตอนที่ 3

พจีจำเรียงเดินเข้าไปที่หน้าเคาน์เตอร์

ปกติจะมีพนักงานนั่งประจำอยู่สองคน แต่ขณะนี้เห็นคนเดียว อีกคนคงจะไปพัก

ประชาสัมพันธ์สาว รูปร่าง หน้าตาสวยทีเดียว กำลังพูดโทรศัพท์ แต่ก็อุตส่าห์หยุด ปิดปากกระบอกโทรศัพท์ เพื่อพูดกับพจีจำเรียง

“รับกุญแจห้องใช่มั้ยคะ? กรุณารอสักครู่นะคะ”

พจีจำเรียงยิ้มให้ ตอบกลับเบาๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รีบ”

พจีจำเรียงเข้าพักที่โรงแรม บริเวณสี่แยกใจกลางเมือง ของจังหวัดชายทะเลแห่งนี้ เมื่อราวบ่ายโมงครึ่งวันนี้เอง

หลังจากนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้อง ก็ออกไปข้างนอก หาอะไรรับประทาน และเที่ยวชมเมืองไปพลางๆ

ก่อนออกไป หล่อนแวะฝากกุญแจห้องไว้ที่เคาน์เตอร์ ไม่อยากนำติดตัวไปด้วย กลัวว่าจะทำหล่นหายโดยไม่รู้ตัว

พรุ่งนี้ หล่อนมีโปรแกรมจะไปเที่ยวต่อ จุดหมายปลายทางของหล่อนอยู่ที่เกาะผีเสื้อ ต้องอาศัยเรือเฟอรี่ หรือไม่ก็ต้องเหมาเรือเร็ว หล่อนตั้งใจไปเรือเฟอรี่ รู้สึกปลอดภัยกว่า ซึ่งวันหนึ่งๆ จะมีเรือออกสองเที่ยว ไปกลับแค่สี่เที่ยวต่อวัน แวะไปตามเกาะเล็กเกาะน้อย เที่ยวแรกจะออกประมาณเก้าโมง เที่ยวที่สอง บ่ายโมงตรง

เกาะผีเสื้อนี้ พจีจำเรียงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เพิ่งรู้ว่ามีเกาะชื่อนี้ในทะเลอ่าวไทย เมื่อไม่ถึงสัปดาห์มานี้เอง จากคุณป้าพีรยา

คุณป้าพีรยา แต่ชอบให้คนเรียกพีร์ร่า ตามชื่อลูกสาวของเอพิเมธิอัส กับแพนดอร่านี้ ไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเพื่อนกับคุณป้ารพีพร พี่สาวเรียงพี่เรียงน้องของ พนิดา มารดาของพจีจำเรียง

ฟังว่า สองคุณป้ารู้จักกัน เมื่อคุณป้ารพีพร ไปทัวร์ยุโรป เมื่อสองเดือนที่แล้ว เกิดคุยกันถูกคอ จึงคบหากันเป็นเพื่อนมาเรื่อย ถึงไม่ได้เจอกัน ก็โทรคุยกันเป็นประจำ

เมื่อคุณป้ารพีพร ซึ่งได้ไปตั้งรกรากมีครอบครัวอยู่ที่ฟลอเรนซ์ จะกลับมาเที่ยวเมืองไทย คุณป้าพีรยา ซึ่งอยู่ที่ซานมาดิโอรู้เข้า ก็ขอติดมาด้วย เพราะตัวเองก็ไปจากเมืองไทยนานแล้วเหมือนกัน ฟังว่านานกว่าคุณป้ารพีพร ที่มักจะกลับมาเยี่ยมญาติมิตรทุกสองหรือสามปีเป็นประจำ

ทุกครั้งที่มาเมืองไทย คุณป้ารพีพรจะมาพักที่สุทธิคาม บ้านญาติผู้น้อง หรืออันที่จริง ต้องพูดว่าบ้านน้องเขย เพราะบ้านนี้ เป็นบ้านเก่า เป็นมรดกตกทอดของตระกูลสุทธิภาคย์ มาสามชั่วอายุคน

ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าการมาครั้งนี้ จะไม่มีโอกาสได้พบน้องเขยเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ก็มาได้เวลาพอเหมาะ ปลอบใจน้องสาวที่ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียสามีไปอย่างกะทันหัน เมื่อหกเดือนก่อน

“ต๊าย! ตายแล้ว! หลานชั้น ไปทำอะไรมานี่ ทำไมผอมบางเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกอย่างนี้ มองไกลๆ เห็นแต่หัว นึกว่าถั่วงอกหัวโตเสียอีก ตาย.... ตาย... ตาย! ว่าไงพนิดา? ทำไมไม่ดูแลลูกเต้าบ้างล่ะ ฮึ?”

คุณป้ารพีพรมีสีหน้าตกใจ เมื่อเห็นหลานสาว และทักเสียงดังแบบไม่ต้องกลัวใครจะได้ยิน

พจีจำเรียงกับมารดาพากันยิ้มเหย แต่ก็ไม่แปลกใจ ถ้าจะถูกใครทักขึ้นเช่นนั้น

ตลอดหกเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ได้ข่าวร้ายเกี่ยวกับบิดา พจีจำเรียงก็ทุ่มสุดตัวทั้งแรงกาย และกำลังสมอง เพื่อที่จะรักษาบริษัทของครอบครัวเอาไว้ โดยไม่มีคนนอกเข้ามาลงทุนร่วม

ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ผู้หญิงอายุเพียงยี่สิบสอง เรียนจบ ประสบการณ์ทำงานก็มีเพียงน้อยนิด จะต้องเข้ารับภาระในหลายๆ เรื่อง

อย่างไรก็ตาม หล่อนสามารถทำให้ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุทธิเภสัช ก้าวต่อไปได้ในระดับที่น่าพอใจ ด้วยความช่วยเหลือของคณาจารย์ ที่เคยให้ความรู้แก่หล่อน และยังเคยรู้จักกับบิดาของหล่อนมาก่อน ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น ด้วยการช่วยแนะนำทีมผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ เข้ามาช่วยดูแลส่วนที่บิดาของหล่อนทำอยู่ เกี่ยวกับการคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ พจีจำเรียงยังได้รุ่นพี่ ที่จบไปก่อน มีประสบการณ์การทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ ของต่างชาติมาแล้ว เข้ามาดูแลการผลิตบางขั้นบางตอน และยังช่วยเป็นที่ปรึกษาแก่หล่อนในหลายๆ เรื่อง

หกเดือน... เป็นเวลาพิสูจน์ความสามารถของบัณฑิตใหม่ ซึ่งก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทำเอาเชี่ยวศักดิ์ ถึงกับอึ้ง เพราะเขามีความคิดตั้งแต่แรกว่า บริษัทคงจะไปไม่รอด ถ้าไม่หาคนมาร่วมทุน

แต่เมื่อผลออกมาอย่างนี้ เขาก็ว่าอะไรไม่ได้

แม้แต่เรื่องการตลาด พจีจำเรียงก็ได้ให้เพื่อนๆ ช่วยหานักการตลาดมือดี ช่วยทำแผนโฆษณา เรียกลูกค้าเก่ากลับคืน ขณะเดียวกันก็สร้างฐานลูกค้าใหม่พร้อมกันไป

ถึงขณะนี้ มีสินค้า ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทยอยออกสู่ตลาดหลายชิ้น

การโฆษณาตามสื่อต่างๆ โดยเฉพาะทางจอภาพ หรือ ทีวี นั้น แม้จะเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อเวลาแพง แต่ก็นับว่าคุ้ม เพราะถึงตอนนี้ สินค้าตัวใหม่เริ่มติดตลาด และเป็นที่นิยม

การทำงานแบบทุ่มสุดตัว เพื่อรักษาบริษัทให้เป็นบริษัทในครอบครัวต่อไป ในช่วงหกเดือน จนแทบจะลืมกิน ลืมนอน ทำให้ร่างโปร่งอรชรอยู่แล้วของพจีจำเรียง แทบจะกลายเป็นแม่ใบตองปลิว

คนที่เป็นตัวตั้งตัวตี เรื่องจะให้พจีจำเรียงได้พักผ่อนแบบจริงๆ จังๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คุณป้ารพีพรของหล่อนนั้นเอง

คุณป้าไม่ได้ไถ่ถาม และไม่สนใจว่าพจีจำเรียงจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ด้วยการบัญชาลงมาสุ้มเสียงเด็ดขาด เอาจริง หลังจากรู้สาเหตุความซีดเซียว ร่วงโรย สวนทางกับวัยของหลานสาว

“ไม่ได้การ! อย่างนี้ป้ายอมไม่ได้! บริษัทจะล่มจมก็ช่างหัวมัน! หนูต้องพัก!”

“แต่คุณป้าคะ...”

“ไม่มีแต่! ป้าหวังดีกับหนูนะ พจี ... ลองถามตัวเองดู มันคุ้มกันมั้ย ถ้าหนูจะเป็นอะไรไปเพื่อแลกกับบริษัทให้ดำเนินไปได้ ขอให้เชื่อป้า ถึงไม่มีหนูดูแลใกล้ชิดสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ไอ้บริษัทนั่น ก็ไม่เจ๊งหรอก แล้วหนูก็บอกป้าเองว่า เวลานี้ อะไรๆ ก็ดีขึ้นแล้ว”

คุณป้ารีบโบกมือไปมา เมื่อเห็นหล่อนทำท่าจะอ้าปาก

“ป้ารู้ว่าหนูห่วงนั่นห่วงนี่ แต่ก็ถึงเวลาที่หนูจะได้พักผ่อนอย่างจริงๆ ชาร์ตแบ็ตให้ตัวเองได้แล้ว หนูทำงานหนักเกินตัวไปแล้วรู้มั้ย? อายุก็แค่นี้เอง จะมามัวทำแต่งานวันละยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่ทุกวัน ได้ยังไง? ดูเถอะ หลานสาวชั้น ... หน้าตาแทบจะดูไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งเซียวทั้งโทรม”

คำวิจารณ์เป็นไปอย่างไม่เกรงใจ แต่พจีจำเรียงก็หัวเราะ ตอบกลับไปติดตลก

“ขอบพระคุณคุณป้ามากเลยค่ะ มาเยี่ยมหลานทั้งที ก็มาพร้อมคำชมชวนประทับใจไม่มีอะไรเปรียบ”

ความจริง หล่อนก็อยากพักเงียบๆ เหมือนกัน เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ดำเนินไปได้ ไม่สะดุด แต่ก็ห่วงมารดา

ถึงตอนนี้ ก็ไม่ต้องห่วงหรือกลัวว่ามารดาจะเหงา อยู่บ้านคนเดียวอีกต่อไป เพราะมีถึงสองคุณป้ามาอยู่เป็นเพื่อน

“อุ๊ย! แน่ละสิจ๊ะ ป้ามันคนพูดตรงกับใจ แถมด้วยว่าตรงตามที่ตาเห็น แล้วก็ไม่ต้องห่วงนั่นห่วงนี่ล่ะ โดยเฉพาะแม่เรา ป้าอยู่ทั้งคน จะยังเหงาก็ให้มันรู้ไป!”

พจีจำเรียงต้องหัวเราะ เพราะมีคุณป้าอยู่ด้วยอย่างนี้ ก็ไม่ห่วงเลยจริงๆ ว่า มารดาจะเหงา

คุณป้ารพีพรเป็นคนอยู่นิ่งไม่ได้ และยังเป็นคนชอบพูดชอบคุย มีนิสัยร่าเริง เปิดเผย ใครอยู่ใกล้ ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องจะอับเฉา เพราะคุณป้าสรรหาสิ่งละอันพันละน้อยให้ได้ตื่นตัวอยู่เสมอ อาจไม่มีแม้โอกาสจะมานั่งกลุ้มใจนั่นนี่เสียด้วยซ้ำ

“เอาตามที่ป้าว่าละกัน” คุณป้าพูดติดต่อกันไป “พรุ่งนี้ไปได้เลย จะไปเที่ยวไหนก็ไป ที่จะทำให้หนูได้พักผ่อนหย่อนใจเต็มที่ ลองลืมงาน ลืมปัญหาต่างๆ ที่ทำให้ใจเป็นกังวลสักพัก”

“ไปเที่ยวทะเลสิ”

คุณป้าพีรยาแนะนำขึ้นมา

“ก่อนป้าจะมานี่ ก็อ่านแผ่นพับที่เขาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ น่าไปๆ หลายแห่ง แต่ป้าติดใจมากอยู่ที่หนึ่ง”

คุณป้าพีรยาเอ่ยชื่อจังหวัดติดชายทะเลฝั่งตะวันออกขึ้นมา พร้อมกับชื่อเกาะผีเสื้อ

พจีจำเรียงไม่ได้ออกเดินทางในวันพรุ่ง ตามที่คุณป้ารพีพรกำหนดให้อย่างคนใจร้อน เพราะต้องมอบหมายงานให้ผู้ช่วย ไม่ให้เกิดความขลุกขลักช่วงที่หล่อนไม่อยู่ กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย และออกเดินทางได้ ก็เช้าวันเสาร์

“ไปรถทัวร์เถอะนะ ขับรถไปเอง ก็จะทั้งเหนื่อยทั้งเพลียแล้วก็เครียดเปล่าๆ”

คุณป้ารพีพรแนะนำ และแทบจะจัดการเรื่องเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้จำเป็นทั้งหมด ให้ด้วยมือเอง

หล่อนกอดลามารดา แล้วออกเดินทางจากบ้านโดย นายส่ง คนขับรถ ขับมาส่งที่สถานีรถทัวร์

การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel