บท
ตั้งค่า

3

เขาไม่เคยเอ่ยถึงเธอเลย ไม่เคยเลยสักครั้ง เพราะย่าของเขาจะเล่าเรื่องของเธอให้เขาฟังทุกวัน

และเธอรู้เรื่องของเขา ผ่านคุณย่าของเขา รับรู้ว่าเขาได้ที่สวย เลยซื้อไว้นับร้อยไร่เพื่อทำไร่ผลไม้ผสมอย่างตั้งใจ เขาทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจลงไปในที่ดินผืนนั้น

มธุรดาไม่เคยโกรธเขาเลย ไม่ว่าจะถูกบล็อก ไม่ว่าจะถูกมองด้วยสายตาเย็นชาแค่ไหน เพราะเธอเข้าใจ...ว่าเขาไม่รู้ความจริง แต่ความจริงอย่างไรก็ยังต้องเป็นความจริง วันหนึ่งวันใดเขาจะต้องรับรู้

และวันนั้นกำลังจะมาถึง วันที่เธอจะได้บอกทุกอย่างด้วยปากของตัวเอง

เสียงรถกระบะคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดในลานหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบ ดวงตาคมใต้แว่นกันแดดสีเข้มกวาดมองไปทั่วบริเวณ พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ปรากฎตัวในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนกับกางเกงยีนซีดที่เต็มไปด้วยฝุ่นจากไร่ที่ห่างไกลนับร้อยกิโล

เขากลับมาเพราะได้รับข่าวว่าคุณย่าป่วย

“มธุรดา” เขาพึมพำชื่อเด็กสาวในใจอย่างขุ่นเคือง

ภาพเด็กสาววัยสิบห้า ผมสั้นหน้าม้า แววตาซื่อ ๆ ที่เขาเคยเห็น ผุดขึ้นมาในห้วงความรู้สึก

เขาเชื่อว่าเธอทำทุกอย่างเพื่อต้องการจะจับเขา อายุแค่สิบห้าริอยากจะมีผัว ยายเด็กใจแตกนั่นประจบย่าของเขาเพื่ออยู่ในบ้านหลังนี้

แต่เมื่อประตูบ้านเปิดออก...

ภาพตรงหน้าทำให้ราชต้องชะงัก เขาถึงกับอึ้งไป ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดราคาแพงออก พร้อมกับสายตาตกตะลึง

หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีครีมเรียบง่ายปรากฎอยู่ตรงหน้า ผมยาวสลวยถูกรวบไว้ด้านหลัง เธอผอมเพรียว อ่อนหวาน แต่สง่างาม

ใบหน้าที่เขาจำได้ กลับเปลี่ยนไปจนต้องกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว

มธุรดายืนอยู่ตรงหน้า...เงยหน้ามองเขาอย่างตกตะลึงเช่นกัน ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาหน้าประตูบ้านแบบไม่ทันตั้งตัว

“พี่ราชกลับมาแล้วเหรอคะ” เธอเอ่ยออกมาเหมือนเพิ่งหาเสียงเจอ น้ำเสียงของเธอบ่งบอกได้ถึงความดีใจจนเขาสัมผัสได้

เขาหรี่ตามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชาในทันที

“แล้วเธอล่ะ ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ” มธุรดายิ้มบาง ๆ ไม่ได้ถือสาความโกรธเคืองของเขาแต่เก่าก่อน

“อยู่ดูแลคุณย่าค่ะ คุณยายให้ขวัญมาอยู่เป็นเพื่อนท่านน่ะค่ะ เพราะท่านไม่เหลือใคร หลานชายก็ทิ้งไป” เธอพูดเสียงนิ่งๆ ยิ้มละไมให้เขา ราชกะพริบตาปริบๆ เขารับรู้ว่าเธอกำลังด่าเขากลายๆ แต่ใบหน้ายิ้มๆ นี่คืออะไร

ยายเด็กนี่โตขึ้นกลับยิ่งเจ้าเล่ห์กว่าเดิมเสียอีก

ราชไม่ตอบโต้อะไรอีก เพียงเดินผ่านเธอเข้าไปในบ้าน เพราะเขามีคนที่ต้องให้ห่วงใยรออยู่ในบ้าน

“คุณย่ารู้สึกยังไงบ้างครับ” ราชทรุดตัวลงข้างเตียงคนป่วยที่ตั้งไว้ริมหน้าต่าง คุณย่าสมพิศยิ้มอ่อนแรง พลางวางมือลูบศีรษะหลานชายเบา ๆ

“ดีกว่าก่อนหน้านี้เยอะเลยจ้ะ ขวัญดูแลย่าอย่างดีทุกวัน ย่าถึงได้ยังมีแรงนั่งคุยกับหลานอยู่นี่ไง”

ราชหันไปทางหญิงสาวที่กำลังนำน้ำสมุนไพรมาให้วางบนโต๊ะ

เธอไม่ได้พูดอะไร ไม่สบตาเขาด้วยซ้ำ เพียงค่อย ๆ หย่อนตัวนั่งลงบนเบาะเล็ก ๆ และยิ้มให้คุณย่าอย่างอ่อนโยน

“หนูขวัญคอยเช็ดตัว ป้อนข้าว ป้อนยา ดูแลย่าอย่างดี เราน่ะไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” คุณย่าสมพิศเอ่ยชมว่าที่หลานสะใภ้ไม่ขาดปาก

ชายหนุ่มไม่พูดอะไร แต่นัยน์ตาที่เคยแข็งกร้าวกลับอ่อนลงเล็กน้อย เขาเคยคิดว่าเธอทำดีเอาหน้า แต่สิ่งที่เห็นกลับไม่เป็นเช่นนั้น

หลายวันผ่านไป…เขายังอยู่ดูแลคุณย่า

และเขาก็ได้เห็นว่าคนร่วมบ้านอีกคนก็ดูแลคุณย่าของเขาอย่างดีเช่นกัน

เธอตื่นตั้งแต่เช้า หุงหาอาหาร เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ย่าของเขาสบายตัวตั้งแต่เช้าด้วยน้ำอุ่น โดยไม่มีท่าทีรังเกียจเลย เขานึกอยากรู้ว่าตลอดหลายปีมานี้เธอปรนนิบัติย่าของเขาเช่นนี้หรือไม่

เขาจึงแอบมองเงียบๆ ตอนที่ตัวเองไม่อยู่ เธอจะยังคงทำดีกับย่าของเขาไหม และเธอก็ยังทำเหมือนเดิม ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง โดยเธอไม่รู้ว่าเขาแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา

ไม่มีการเสแสร้ง เธอดูแลย่าของเขาด้วยหัวใจ เธออาจจะดูแลย่าของเขาอย่างดี แต่นั่นคือกับย่าของเขา ไม่ใช่กับเขา

ราชยืนพิงกรอบประตู มองสาวน้อยในอดีตที่เขาเคยนึกโกรธเคืองกำลังจัดการงานบ้านอย่างใส่ใจ

ขณะที่เสียงของคุณย่าดังแผ่ว ๆ มาตามสายลม

“ขวัญเป็นเด็กดีนะราช... อย่ารังเกียจเด็กมันเลยนะลูก” เขาไม่ได้ตอบอะไร แค่หลับตาลงช้า ๆ แล้วถอนใจออกมายาว ๆ แรกเริ่มเดิมทีคิดจะอยู่ไม่กี่วัน แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ปักหลักอยู่ที่บ้านมาหลายวันแล้ว และยังไม่คิดอยากจากบ้านไปไหน

"พี่ราชคะ ขวัญขอคุยด้วยหน่อยสิคะ" เสียงหวานที่เอ่ยดังตามหลังมาทำให้ราชจำต้องหยุดฝีเท้า แม้เขาจะตั้งใจจะเดินเลี่ยงขึ้นห้องโดยไม่ตอบโต้ก็ตามที

เขาหลุบตามองมือเล็ก ๆ ที่ดึงชายเสื้อของเขาไว้ ก่อนจะตวัดสายตาขึ้นสบกับดวงหน้าหวานที่ดูจะโตขึ้นจากวันวานมากโขนัก แววตากลมใสที่เคยมีแต่ความสดใสซื่อซื่อบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความกังวล

"มีอะไร" เขาถามเสียงเรียบ ดวงหน้าหล่อคมยังเย็นชาไม่ต่างจากวันที่กลับมา

"ขวัญอยากคุยเรื่องสำคัญกับพี่ราชค่ะ ขอเวลาแค่แป๊บเดียวจริง ๆ นะคะ แค่หนึ่งนาทีก็ได้ แล้วขวัญจะไม่รบกวนพี่อีกเลย"

ราชนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ

"พูดมา ให้เวลาหนึ่งนาที" เขาพูดเหมือนไม่อยากสนทนากับเธอ ทำเอามธุรดานึกน้อยใจ การคุยกับเธอมันน่ารำคาญขนาดนั้นเชียวหรือ

เอาเถอะ! บอกความจริงเขาเสร็จ เธอจะได้เคลียร์ใจกับเขาและยกเลิกเรื่องแต่งงานที่จะเกิดขึ้น

มธุรดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ อย่างรวบรวมความกล้า เธอรู้ว่ามันช้าไปนานหลายปี แต่หากไม่พูดตอนนี้เธอคงไม่มีวันได้พูดอีกเลย

"วันนั้นที่บ้านจัดงานวันเกิดคุณยาย" เธอรีบพูดเสียงรัวเล่าทุกอย่างให้เขาฟังแทบลืมหายใจ

"เรื่องราวก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ขวัญไม่อยากให้พี่ราชต้องเลี้ยงลูกคนอื่น ก็เลยพังแผนการของพี่กานค่ะ แต่ยังไม่ทันอธิบาย พี่ราชก็เข้าใจขวัญผิด บล็อกขวัญทุกช่องทาง ขวัญเลยไม่มีโอกาสอธิบายให้พี่ฟังเลย"

ราชชะงักไป ดวงตาเข้มเบิกกว้าง กับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน ราวกับสมองกำลังประมวลผลสิ่งที่ไม่เคยนึกคิดมาก่อน สิ่งสำคัญคือเขายืนฟังเธอพูดมากกว่าหนึ่งนาที เพราะก้าวขาหนีหน้าเธอไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาพร้อมถอยหนีให้ไกลจากเธอไปไกลแสนไกล

"กานดาวางแผนเหรอ" เขาถามเสียงเบาหวิว พลางสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เหมือนเรียกสติตัวเองกลับมา

"ค่ะ ขวัญมีหลักฐาน ถ้าพี่อยากดู จะได้เชื่อว่าขวัญไม่ได้คิดจับพี่ราช" ยังไม่ทันที่ราชจะได้ถามอะไรเพิ่มเติม เสียงหัวเราะของเด็กน้อยคนหนึ่งก็ดังแว่วมาจากหน้าบ้าน ชายหนุ่มหันขวับไปยังต้นเสียง ก่อนที่สายตาคมจะพบร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดเดรสสีอ่อนอุ้มเด็กชายตัวน้อยลงจากรถ

“ไม่ต้องรีบเดินนะจ๊ะลูก เดี๋ยวหกล้ม” ก่อนจะจูงมือเด็กชายเดินเข้าบ้านหลังข้างๆ ไป

เจ็ดปี... เจ็ดปีที่เขาบล็อกเธอทุกช่องทาง ไม่ให้แม้แต่โอกาสอธิบาย ทั้งยังเกลียดชังเธอโดยที่ไม่เคยถามความจริง และตอนนี้ ทุกอย่างที่เคยเข้าใจมันผิดไปหมด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel