4
"พี่…พี่ราชเชื่อขวัญไหมคะ” เสียงเธอเอ่ยถามอย่างมีความหวัง หลักฐานคาตาเพิ่งลงจากรถมาเมื่อกี้เอง
ราชไม่ได้ตอบในทันที แต่แววตาที่มองเธอนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ไม่ใช่ความเย็นชา
ไม่ใช่ความรังเกียจ
แต่เป็น…ความสับสน
และลึกลงไปในนั้น มธุรดาเผลอเห็นแววตาแบบเดิมที่เธอเคยได้รับ ในวันที่เขายังเอ็นดูเด็กหญิงผมหน้าม้าคนนั้นอย่างเหลือเกิน
รัชยืนอยู่ตรงนั้นนานหลายนาที มองแผ่นหลังของเด็กสาวที่เดินจากไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองต้องรู้สึกเช่นไรในตอนนี้
บรรยากาศในเช้าวันนั้นยังคงเย็นชาราวกับเมื่อวาน มธุรดาเดินสวนกับราชอีกครั้งตรงทางเดินในบ้าน เขาไม่มองหน้าเธอเลยแม้แต่นิด ทำเหมือนเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ แต่เธอไม่อยากปล่อยเรื่องนี้ค้างคาใจอีกต่อไป
“พี่ราชคะ ขอคุยหน่อยได้ไหมคะ” เสียงใสเอ่ยเรียก ขณะที่เขาหยุดเดินอย่างเสียไม่ได้
ชายหนุ่มหันมามองนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยเสียงเรียบเฉย
“มีอะไร”
“ขวัยอยากพูดเรื่องการหมั้นของเราค่ะ” เธอกลั้นใจพูดออกไปตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อเขาเองก็รับรู้เรื่องราวทุกอย่างแล้ว
เขานิ่งมองหน้าเธอไม่วางตา แววตาแฝงความอึดอัด ริมฝีปากขยับจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไว้
“พี่เองก็คงไม่อยากแต่งงานกับขวัญ ทุกอย่างเพราะอุบัติเหตุและคืนนั้นเราไม่ได้มีอะไรกัน” มธุรดายิ้มอย่างเข้าใจ เธอเงยหน้ามองสบตาเขาอย่างจริงจัง
“งั้นเรายกเลิกการหมั้นกันเถอะนะคะ” แต่ยังไม่ทันที่ราชจะได้ตอบอะไร เสียงของสาวใช้ก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน
“คุณราชคะ คุณขวัญคะ คุณท่านขอพบค่ะ”
พอไปถึงในห้องพักของท่าน หญิงชราก็ยิ้มออกมา ก่อนจะเรียกหลายชายและว่าที่หลานสะใภ้เข้าไปหา
“ทั้งสองคนมาหาย่าสิจ๊ะ” ทั้งสองขยับเข้าไปหาคุณย่า
หญิงชรานอนพิงหมอน สีหน้าอ่อนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แววตาเศร้าลึก ริมฝีปากซีดจางสั่นเล็กน้อย
“ย่า...ย่าไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่วัน” เสียงแหบพร่าทำให้หัวใจของมธุรดาสะท้านไหว
“แต่สิ่งหนึ่งที่ย่าอยากเห็นก่อนจากไป ก็คือได้เห็นหลานทั้งสองแต่งงานกัน มีครอบครัวที่มั่นคง การได้เห็นหลานทั้งสองเป็นฝั่งเป็นฝาทำให้ย่ามีความสุขที่สุดก่อนตาย ยายของหลานก็เห็นด้วย” ทุกวันนี้ยายแสงดาวก็มักแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอไม่เคยขาด จึงได้ได้มีโอกาสปรึกษาหารือกันเรื่องแต่งงานของหลานๆ
คำพูดนั้นทำให้มธุรดาชะงัก เธอมองหน้าราชอย่างขอความเห็น แต่เขากลับไม่พูดอะไร เพียงมองคุณย่าแล้วพยักหน้ารับคำหน้าตาเฉย
“ครับคุณย่า”
คุณย่าทำหน้าปลื้มใจ น้ำตาคลอเบ้า มธุรดาได้แต่นิ่งงันไปทั้งร่าง หัวใจสั่นไหว ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดีกับการตอบรับของเขา แต่ปากไม่กล้าปฏิเสธออกมาเมื่อเห็นท่าทีของคุณย่าที่ดีใจจนน้ำตาปริ่มเปรม
หลังจากออกมาจากห้องคุณย่า ทั้งคู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ราชจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“พี่แค่พูดให้คุณย่าสบายใจเท่านั้น ท่านกำลังป่วย เธอก็เห็น” สรรพนามแทนตัวเองเหมือนสมัยก่อน ทำให้เธอรู้สึกหายเกร็งไปมาก
มธุรดาพยักหน้าเบา ๆ
“ขวัญเข้าใจค่ะ รอให้คุณย่าอาการดีขึ้น เราค่อยหาโอกาสบอกท่านไปตรงๆ ว่าเราอยากถอนหมั้นกันก็ได้ค่ะ” คำพูดนั้นทำให้ราชมองเธอไม่วางตา สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“เธออยากถอนหมั้นขนาดนั้นเลยเหรอ” เขาประชดด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด ก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์
มธุรดายืนงงอยู่ตรงนั้น มองแผ่นหลังของชายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ ‘เมื่อกี้เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย’
โกรธเธอเรื่องอะไร เธอทำอะไรผิดอีกแล้วเหรอ
“ย่าฝันเห็นคุณทวด สมัยก่อนท่านทำแกงรัญจวนให้กิน ย่าเลยอยากกินแกงรัญจวนน่ะจ้ะ” เสียงแหบแผ่วของคุณย่าดังขึ้นในยามเช้า มธุรดายิ้มอย่างอ่อนโยนในทันที เธออยู่กับคุณย่าและคุณยายมาหลายปี เรียนรู้การทำอาหารไทยโบราณทุกชนิด ดังนั้นแค่แกงรัญจวนไม่ได้ยากอะไรเลย
“เดี๋ยวหนูจัดการให้นะคะคุณย่า อยากกินอะไรสั่งมาได้เลยหนูจะทำให้คุณย่ากินเองค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มสดใส
“ให้ราชพาไปซื้อของสิ จะได้มีคนช่วยถือของ ย่าอยากกินอะไรอีกหลายอย่าง ลูกหลานพร้อมหน้ารู้สึกเจริญอาหารมากขึ้น” ท่านสั่งเมนูอาหารอีกหลายอย่างที่อยากกินในสัปดาห์นี้ เธอคิดว่าวันนี้คงต้องซื้อของเข้าบ้านเยอะ อย่างไรเสียก็คงต้องมีคนช่วยถือของ
คุณย่าหันไปบอกหลานชายที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตู สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่ไม่ได้ปฏิเสธออกมาบ่งบอกว่าพร้อมเป็นสารถีขับรถให้โดยไม่ขัดข้องอะไร
“ไปสิครับ ผมว่างพอดี”
รถกระบะเคลื่อนตัวออกจากบ้านด้วยความเงียบที่ปกคลุมเหมือนเมฆหมอกยามรุ่งสาง จนกระทั่งถึงหน้าตลาด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝั่งทางเดิน
“คุณราช…ใช่คุณราชหรือเปล่า”
หญิงสาวในชุดเดรสลินินสีอ่อน เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มหวาน เธอคือกนกเนตร อดีตครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนประจำตำบลที่ใครต่อใครต่างหมายปอง และมธุรดาก็จำได้แม่นว่าเธอเคยเป็นคนที่ราชเคยเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ อย่างชื่นชม แต่สิ่งที่ผิดคาดคือท่าทีของชายหนุ่ม
“สวัสดีครับ ครูเนตร” เขาพูดสั้น ๆ น้ำเสียงเรียบเฉย และไม่แม้แต่จะมองสบตานาน
“กลับมาเมื่อไหร่แล้วคะ ไม่เห็นคุณราชนานเลย” ครูสาวยังยิ้มแย้ม พยายามสานบทสนทนา
“เพิ่งกลับมาไม่กี่วันครับ” เขาตอบอย่างสุภาพ พลางเอื้อมมือไปแตะแขนมธุรดาเบา ๆ
“เราไปเถอะ เดี๋ยวของหมด” เขาว่าแล้วดึงเธอให้เดินตามไป ปล่อยให้กนกเนตรยืนงุนงงอยู่เพียงลำพัง
เมื่อพ้นระยะสายตา มธุรดาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แปลกจัง...เมื่อก่อนเห็นพี่ราชชอบครูเนตรไม่ใช่เหรอคะ ทำไมเห็นพี่เขาแล้วพี่ไม่ดีใจเลย”
เขาเลิกคิ้วมองเธอนิดหนึ่ง
“ใครบอกว่าชอบ”
หญิงสาวเบ้ปาก
“ก็...สมัยขวัญยังเด็กเห็นพี่ราชมองครูเนตรเหมือนจะกลืนกิน”
“คิดไปเรื่อย” เขาว่าให้
“อ้าว... ไม่ได้ชอบเหรอคะ”
“เหมือนเธอจะอยากให้พี่ชอบผู้หญิงคนอื่นเสียจริงนะ” เขาประชด
“ไม่ใช่นะคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเหรอ ดูเธอจะอยากยกพี่ให้คนอื่น พี่เป็นคู่หมั้นของเธอนะ คนอื่นเขาหวงคู่หมั้นตัวเอง แต่เธอกลับไม่หวงพี่เลย แล้ววันนั้นมานอนแทนคนอื่นทำไม”
“เราจะถอนหมั้นกันอยู่แล้ว จะหวงทำไมกันคะ อีกอย่างนึงถ้ารู้ว่าพี่อยากเลี้ยงลูกของคนอื่น ขวัญจะได้ไม่ช่วย” เธอสะบัดหน้าใส่เขา ต่างคนต่างสะบัดหน้าใส่กัน แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องไปซื้อของด้วยกัน เพราะต้องไปทำมื้ออาหารแสนอร่อยให้คุณย่า
ขณะเดินซื้อของด้วยกัน ในหัวของชายหนุ่มกลับย้อนนึกถึงวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน
วันที่เขาเห็นกนกเนตรในมุมที่ต่างออกไป…
