3
“ทำไมคุณถึงได้ดูคล่องแคล่วกับการใช้ชีวิตในป่าจังค่ะ” เธอเอ่ยถาม
“ผมเคยฝึกการใช้ชีวิตในป่า แล้วก็ชอบป่ามาก ชอบเดินป่า เที่ยวป่าตั้งแต่เด็ก”
“ปลาจับมาจากไหนเหรอคะ”
“ในลำธารน่ะ”
“เก่งจัง” ธาราตาโตขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยชม ขณะนั่งกอดเข่าดูเขาทำกับข้าวจากปลาที่จับได้ในลำธาร ถ้าเธอหลงป่า รับรองได้เลยว่าคงจะอดตายแน่ ๆ
“จริง ๆ ฉันคิดว่าคุณเป็นแค่ลูกมาเฟีย ไม่เคยคิดว่าจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดขนาดนี้” เธอเห็นว่าเขาขี้เก๊ก แข็งกร้าว มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลัง มีคนคอยดูแลเอาใจใส่ เอาอกเอาใจ คิดว่าเขาทำอะไรแบบนี้ไม่เป็น แต่ที่ไหนได้เขาเก่งกาจจนน่าเหลือเชื่อ
“ผมก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น เพียงแต่บางอย่างเราต้องรู้ไว้ เผื่อวันหนึ่งจะได้เอาตัวรอดได้ และปกป้องคนที่เรารักได้” คำว่ารักของเขาทำให้เธอ
ธารารู้ว่าประโยคนั้นมีความหมายลึกซึ้ง เพราะเขามองหน้าเธอไม่วาง
เธอไม่กล้าถามว่าคนที่รักของเขาคือใครกัน ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง
“พ่อสอนผมให้เรียนรู้อะไรเองตั้งแต่เด็ก ให้ทำอะไรเอง”
“หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
“ก็สอนให้หัดเรียนรู้การใช้ชีวิตเองทุกอย่าง ผมต้องทำอะไรเองทุกอย่างตั้งแต่เด็ก” ประโยคของเขาทำให้เธอมองอย่างแปลกใจ
“ไม่เชื่อเหรอ”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อหรอกค่ะ แต่คุณเกิดมาในครอบครัวร่ำรวย มีอำนาจ ทรงพลัง มีอิทธิพล น่าจะมีคนดูแลดีแต่เด็กในทุกๆ เรื่องน่ะค่ะ” เธอพูดแล้วกัดปากตัวเองเบา ๆ เหมือนเธอไง บิดาดูแลเธอทุกเรื่อง จนบางครั้งเธอรู้สึกว่าทำอะไรไม่เป็น และเหมือนนกน้อยในกรงทอง เธอเกิดมาไม่เคยแก้ปัญหาอะไรเอง ไม่เคยต่อสู้ดิ้นรนอะไร ชีวิตสุขสบายมาตลอด
“ไม่หรอก คุณพ่อของผมท่านอยากให้ผมต่อสู้ดิ้นรนเอง แม้ท่านจะมีเงินเยอะ แต่ท่านบอกผมว่ายังไงรู้ไหม” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเธอ
เธอมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วใจเต้นแรง ไม่เคยเห็นเขาหัวเราะมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก
“ไม่รู้สิคะ”
“คุณพ่อของผมบอกว่าเงินทั้งหมดที่มีอยู่ท่านเหนื่อยหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ท่านจะเอาไว้ใช้เอง ไม่ใช่หามาให้ผม” พอเขาพูดจบเธอก็หลุดหัวเราะออกมา ทั้งสองก็หัวเราะประสานเสียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“แล้วสรุปตอนนี้คุณมีอะไรเป็นของตัวเองบ้างคะ” เธอถามอย่างอยากรู้ปนใส่ใจ
“ผมก็เป็นลูกน้องพ่อมาตลอด รับเงินเดือนเหมือนคนอื่น แต่พยายามดิ้นรนสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็เลยพอมีกินครับ คุณจะรังเกียจไหมถ้าผมไม่ได้รวยอย่างที่เห็น แต่คนที่รวยคือพ่อของผม” เขาขยับเข้าไปใกล้ ก่อนที่จะกุมแก้มสาวของเธอเอาไว้ พลางเอ่ยถามเสียงนุ่ม
การกระทำของเขาทำเอาหัวใจของเธอเต้นรัวแรงแทบจะโลดออกมาจากอก
“ทำไมพูดเหมือนตัวเองจนแบบนั้นล่ะคะ คุณออกจะรวย คุณพ่อของคุณคงแค่ล้อเล่น เงินที่ท่านหามาไม่ให้ลูกชายแล้วจะให้ใคร และบางทีก็แค่อยากให้คุณมีความพยายามในการสร้างอะไรเป็นของตัวเองด้วยมือของคุณ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจของท่านที่จะฝากคุณเอาไว้ในอนาคต คุณจะรักษามันได้”
“แล้วผมต้องพยายามอีกนานแค่ไหน ถึงจะเข้าไปอยู่ในหัวใจของคุณ” ประโยคของเขาสร้างความรู้สึกสะท้านในหัวใจของเธอ เธอยอมรับว่าหัวใจเต้นแรงแทบจะโลดออกมาจากอก
ริมฝีปากร้อนประทับลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างอ่อนโยน เธอไม่ได้เบี่ยงหลบ แต่กลับรับจุมพิตของเขาอย่างดูดดื่ม
“ถ้าออกไปจากป่านี้ได้ แต่งงานกับผมได้ไหม” เขาเอ่ยขอเสียงแหบพร่า ทำเอาเธอใจสั่น
“ขอคิดก่อนได้ไหมคะ แต่ถ้าฉันรอดออกไปจากที่นี่ได้ ฉันก็อาจจะคิดเรื่องแต่งงานอีกครั้งก็ได้ค่ะ” เธอไม่ได้รับปากเขาอย่างจริงจัง อยากเผื่อใจเอาไว้ในอนาคตด้วย เพราะคิดเสมอว่าอนาคตไม่แน่นอน
พอเธอตอบออกไปแบบนั้นเขาก็ไม่ได้มีท่าทีผิดหวังหรือโกรธเคืองอะไร แต่กลับชวนเธอกินอาหาร
ธาราเพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่าหิวมากๆ ก็วันนี้ เธอเกิดมาไม่เคยเผชิญกับความหิวโหยเลย เพราะชีวิตสุขสบายมาตลอด บางทีการผจญกับภัยอันตรายและเรื่องเลวร้ายในครั้งนี้ อาจจะทำให้เธอได้ฝึกฝนตัวเองก็เป็นได้
“พ่อของคุณเป็นห่วงคุณมากนะ พ่อของคุณฝากฝังคุณเอาไว้กับผม”
“เพราะฉันไม่เอาไหนเลยใช่ไหมล่ะคะ ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง ใช้เงินเป็นอย่างเดียว”
“พ่อของคุณรักคุณมากนะ ตั้งแต่แม่ของคุณจากไป ท่านก็ไม่เคยรับผู้หญิงคนไหนเข้ามาแทนแม่ของคุณเลย ดังนั้นท่านก็เลยอยากที่จะดูแลคุณให้ดีที่สุด เท่าที่พ่อคนนึงจะทำได้ มันอาจจะทำให้คุณอึดอัด แต่ผมเชื่อว่าไม่มีใครรักคุณเท่าคุณพ่อของคุณอีกแล้ว” เธอมองหน้าเขานิ่ง จนเขาต้องเอ่ยถาม
“มองหน้าผมทำไม”
“ทำไมคุณรู้เรื่องฉันเยอะจังเลยค่ะ”
“ก็ผมเป็นว่าที่ลูกเขยพ่อคุณ”
“พ่อของฉันไว้ใจคุณขนาดนั้นเชียวหรือคะ”
“ไม่ใช่ว่าผมเดินเข้ามาแล้วพ่อของคุณจะยกคุณให้ผมเลยนะ ผมต้องผ่านด่านหลายด่านมาก”
“ฉันไม่เคยรู้มาก่อน”
“พ่อคุณรักคุณมากขนาดนี้ จะยกคุณให้คนอื่นง่ายๆ ได้ยังไงกัน ถ้าผมมีลูกสาว ผมก็คงต้องทดสอบให้ผ่านด่านของผมก่อน ถึงจะยกให้”
“คุณอยากมีลูกสาวเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเขาตาปริบ ๆ
“อยากมีครับ อยากมีกับคุณ” โดนเขาหยอดแบบนั้นทำเอาเธอทำตัวไม่ถูก เขินอายจนต้องเสมองไปทางอื่น
เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะพูดต่อ
“พ่อของคุณรักคุณมากขนาดรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ ท่านบอกว่าคุณชอบกินไข่ต้มกับซีอิ๊วขาว ชอบกินมันหวานเผาแต่เด็ก แล้วก็ชอบสีชมพูมากๆ”
“คุณพ่อเล่าถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เธอตาโต เพราะคนที่รู้เรื่องนี้ต้องสนิทกันจริงๆ
“ครับ ผมรู้ทุกเรื่องและต้องจำเอาไว้ขึ้นใจ ท่องให้พ่อของคุณฟังด้วยไม่งั้นท่านจะไม่ยกลูกสาวให้”
“ถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” เธอตาโตอีกรอบ
“แล้วผมก็ผ่านด่านอรหันต์ทองคำครับ ทุกด่านเลย แต่ทำไมถึงชอบกินไข่ต้มครับ”
“ก็มันอร่อยดีน่ะค่ะ เป็นอาหารง่ายๆ ที่คงไม่มีใครคาดคิดใช่ไหมคะ จริง ๆ ก็มีสาเหตุนะคะ ตอนเด็กๆ คุณพ่อจ้างเชฟดังมาทำอาหารให้ฉันกิน เพราะท่านชอบกินของอร่อย ฉันก็กินแต่อร่อย ๆ ดีๆ เลิศรสมากตั้งแต่จำความได้ แต่วันหนึ่งไปเจอสาวใช้ในห้องครัวกินข้าวกับไข่ต้มราดซีอิ๊วขาวกัน และคุยกันว่าอร่อยมาก แม้จะมีกับข้าวอย่างอื่นมากมาย เลยขอลองชิมดูน่ะค่ะว่ามันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วก็รู้สึกว่ามันอร่อยดีค่ะ ก็เลยชอบกินมาตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ”
การได้พูดคุยกับเขา ทำให้เธอได้เปิดใจมากขึ้น อาจเพราะเมื่อก่อนเขารุกเธอหนี หนีหน้ากันตลอด บิดานัดให้ไปกินข้าวด้วยกัน เธอก็เบี้ยวนัดตลอด พอต้องมาติดอยู่กลางป่าด้วยกันเช่นนี้ จึงได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน พูดคุยกัน
“พักผ่อนเอาแรงเถอะ อีกไม่นานเราอาจต้องเดินทางกันอีก” เขาดึงเธอให้มานั่งใกล้ๆ ก่อนที่จะดึงศีรษะของเธอซบกับไหล่กว้างของเขา คราแรกเธอจะถอยหนี แต่สัมผัสของมืออบอุ่นทำให้เธอตัดสินใจพิงร่างไปกับเรือนร่างแข็งแรงของเขา พอเธอหลับเขาก็จัดท่านอนให้เธอนอนลงบนที่นอนชั่วคราว เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้งเขาก็พาเธอไปอาบน้ำที่ลำธาร และนอนพักอีกรอบ
