บท
ตั้งค่า

2

ระหว่างทาง ข่าวที่ไม่ดีค่อย ๆ เข้ามา เมื่อมีรายงานว่ากลุ่มของเสี่ยทองศัตรูเก่าของเจ้าสัวทรงยศเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้นพอดี

“มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

ในเพิงไม้ ธาราถูกย้ายออกมาตอนกลางคืน พวกมันเตรียมส่งตัวเธอไปชายแดนเพื่อแลกเปลี่ยนกับอาวุธล็อตใหญ่ที่ค้างอยู่ตั้งแต่ปีที่แล้ว

แต่ก่อนที่พวกมันจะทันได้เคลื่อนไหว เสียงปืนก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืด ลูกกระสุนทะลุกระจกไม้ดังเปรี้ยง!

กรี๊ด!!! เสียงกรีดร้องดังขึ้น

“หมอบ!” เสียงใครบางคนตะโกนดังลั่น ก่อนที่ธาราจะรู้ตัว ร่างสูงใหญ่ในชุดดำทะยานเข้ามาหา ดวงตาคู่นั้นจ้องตรงมาอย่างแน่วแน่

“คุณคี” เธอเรียกเขาอย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าคนที่มาช่วยเธอจะเป็นคู่หมั้นที่เธอไม่อยากแต่งงานด้วย

เขาไม่พูดอะไรนอกจากกระชากเชือกออกจากข้อมือของเธอ แล้วจับมือเธอแน่นขณะเสียงระเบิดดังกระหึ่มอยู่ด้านนอก

“ตามผมมา ไม่ต้องกลัว”เสียงระเบิดลูกที่สองดังกึกก้องตามหลังมา ขณะที่คีรินทร์กระชากร่างธาราให้ออกวิ่งฝ่าความมืดและหมอกควันของเพิงไม้ที่เริ่มติดไฟจากแรงระเบิด ลูกไฟสีส้มไล่หลังมาเหมือนปีศาจที่ไม่มีความปรานี

“อย่าหยุด ห้ามมองข้างหลัง” เสียงของเขากระชากสติของเธอให้กลับมา ธารากัดฟันแน่นทั้งที่หัวใจเต้นรัวเร็ววด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัว ร่างกายเจ็บแปลบจากรอยฟกช้ำที่ข้อเท้า แต่แรงบีบมือของคีรินทร์แน่นพอที่จะย้ำกับเธอว่า เธอยังปลอดภัย ตราบใดที่เขายังอยู่ตรงนี้

กระสุนปืนแหวกอากาศดังวี้ด ข้ามศีรษะไปแค่ไม่กี่นิ้ว คีรินทร์พาเธอลัดเลาะเข้าพุ่มไม้หนาทึบ ก่อนทิ้งตัวลงพร้อมกระชากธาราให้ล้มตาม เสียงปืนไล่ตามหลังมาอีกระลอก แรงจนใบไม้สั่นไหวเป็นริ้ว ๆ

“พวกมันเยอะมาก” เขาพึมพำเบา ๆ ดวงตาคมวาวสะท้อนเปลวไฟที่ลุกลามอยู่ด้านหลัง

“แล้วเราจะทำยังไงต่อดีคะ” ธาราเอ่ยอย่างยากลำบาก ลมหายใจหอบถี่ มือของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัวและความหนาวหนาว

“หนีเข้าป่า” เขาตอบโดยไม่ลังเล

“ที่นั่นเป็นป่ารกทึบ ไม่มีทางที่พวกมันจะตามได้ทัน”

“หนีเข้าป่านี่นะ ทำไมเราไม่หนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน หรือหนีเข้าเมืองแทน” แค่คิดว่าต้องไปอยู่ในป่าเธอก็รู้สึกหวาดกลัว

“ตอนนี้ไม่มีทางเลือก จะไปหรือไม่ไป” ในขณะที่เธอกำลังลังเล เขาก็กระชากเป้สะพายของเขาขึ้นมา ก่อนโยนไฟแช็กใส่หลังคา กระท่อมไม้หลังนั้นถูกไฟกลืนกินทันที ราวกับฉากในสงคราม

“วิ่ง” เขาเอ่ยบอกเธอเสียงเข้ม ไม่มีอะไรให้คิดแล้วในเวลานี้ เธอต้องวิ่งตามที่เขาบอก ไม่งั้นจะเอาชีวิตไม่รอด

พวกเขาออกวิ่งอีกครั้ง คราวนี้ตรงเข้าสู่ความมืดมิดของป่าลึก

แสงจากไฟไหม้ค่อย ๆ จางหาย เหลือเพียงแสงจันทร์ที่ลอดผ่านยอดไม้ลงมา ธาราหอบหายใจถี่กระชั้นเมื่อคีรินทร์หยุดวิ่งหลังผ่านแนวพงหญ้า เธอทรุดลงนั่งบนพื้นดิน มือสั่น กายเปรอะเปื้อนด้วยฝุ่นควันและโคลนสกปรก

“คุณโอเคไหม” เขาหันมาถามในทันที ขณะที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วยสายตาระแวดระวัง

ธาราพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่จริงแล้วเธอแทบไม่ไหว

“ข้อเจ็บเท้านิดหน่อย” เธอบอกเสียงอ่อย ไม่ไหวก็คงต้องบอกว่าไม่ไหว

คีรินทร์ทรุดตัวลงข้างเธอ มือหนาเอื้อมไปแตะข้อเท้าอย่างระมัดระวัง เขาถอดรองเท้าผ้าใบของเธอออกช้า ๆ ก่อนส่องไฟฉายดูอาการ

“ไม่ถึงกับหัก แค่แพลง แต่ต้องพัก ห้ามฝืน” เขาวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว ทำเอาเธอเผลอมองเขานิ่ง ๆ เพื่อพินิจพิจารณา เธอต่อต้านการหมั้นมาตลด แต่ก็ฝืนความต้องการของบิดาไม่ได้ นั่นทำให้เธอพลอยไม่ชอบขี้หน้าเขาไปด้วย

ธารานิ่ง ขณะเขารื้อผ้าพันแผลออกมาจากเป้แล้วพันให้เธออย่างคล่องแคล่ว ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บและกลิ่นดินเปียกชื้น เธอเริ่มรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด

“คุณเตรียมของมาขนาดนี้ คุณรู้ว่าฉันจะถูกจับเหรอ”

“เปล่า ผมกำลังจะไปเที่ยวป่าอยู่พอดี พอพ่อของคุณบอกว่าคุณหายไป ก็ให้ผมรีบตามมาดูแล” คีรินทร์ตอบเสียงเรียบ ขณะมัดเงื่อนสุดท้าย จริง ๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นอยู่นิดหน่อย ตรงที่บิดาของเธอปล่อยให้เธอออกเดินทางคนเดียว โดยไม่ให้บอดี้การ์ดตามมา เรียกว่าเปิดโอกาสให้เธอได้อยู่กับเขาสองต่อสอง เพราะหลังจากเธอมาแล้ว ท่านก็ส่งข่าวให้เขาตามเธอมา เพราะอยากให้มีเวลาได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอซึ่งกันและกัน

ถามว่าบิดาของหล่อนหวงลูกสาวไหม ก็ต้องบอกว่าหวงมากๆ แต่เพราะเขาเป็นข้อยกเว้น เคยมีบุญคุณช่วยเหลือชีวิตกันเอาไว้ และท่านก็มั่นใจว่าเขารักลูกสาวของท่านจริงจึงไฟเขียวให้เขาได้ใกล้ชิดกับเธอถึงขนาดนี้

“แทนที่จะให้บอดี้การ์ดตามมา แต่ให้คุณตามมานี่นะ” เธอถามเสียงเบา ตระหนักว่าบิดาอยากได้คีรินทร์เป็นลูกเขยจับใจ ถึงได้ส่งเขามาช่วยเธอแทนบอดี้การ์ดที่น่าจะเข้าถึงตัวเธอก่อนและล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ในขณะนี้

“คุณไม่อยากได้บอดี้การ์ดไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากได้คงไม่หนีมาไกลถึงขนาดนี้” พอเขาถามกลับเธอก็ถึงกับอึ้งไป ก็มันจริงของเขา เธอหนีมาเพราะต้องการหลบมาพักผ่อนอยู่เพียงลำพัง แต่ใครจะคิดว่าจะโดนจับตัวมาแบบนี้ล่ะ

ธาราเงียบไป เขายิ้มจาง ๆ แล้วเสยผมให้เธออย่างแผ่วเบา

“ผมแค่รู้สึกว่าผมมาช้าไปหน่อย ถ้าคุณเป็นอะไรไป ผมคงไม่ให้อภัยตัวเอง” ประโยคของเขาทำให้เธอรู้สึกซึ้งใจ อย่างน้อยเขาก็เป็นห่วงเธอ จะในฐานะอะไรก็ช่างเถอะ

“ไปเถอะ” พวกเขาเดินลัดเลาะต่อไปอีกจนถึงลำห้วยสายหนึ่ง

“โอ๊ย!” เธอเดินได้นิดหน่อยก็เซจนแทบล้มเพราะอ่อนแรง เขาจึงรีบประคองเธอเอาไว้

“เป็นยังไงบ้าง ไหวไหม” เขาถามอย่างห่วงใย เธอส่ายหน้าไปมา

“งั้นขี่หลังพี่ไป”

“จะดีเหรอคะ” เธอเอ่ยถามอย่างเกรงใจ เมื่อเขาขยับตัวมาให้เธอขี่หลัง

“หรือคุณจะเดินเอง” พอเขาถามแบบนั้น เธอก็รีบส่ายหน้าไปมา

เขาจึงย่อตัวลง ทำให้เธอต้องรีบปีนขึ้นไปบนหลังของเขา

การแนบชิดสนิทกายแบบไม่ได้ตั้งใจมาก่อน ทำให้เธอรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างประหลาด เขาแบกร่างของเธอเดินไปอย่างมั่นคง จนเธอคิดว่าหากเธอไม่มีเขาคงจะตายไปแล้ว

คีรินทร์พาธาราขึ้นไปพักบนเนินสูงเหนือลำธาร ซึ่งมีกระท่อมเก่าทรุดโทรมอยู่หลังหนึ่ง ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้างมานานหลายปี

“วันนี้เราจะพักกันที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยหาทางไปต่อ”

ธารามองกระท่อมไม้ที่แทรกอยู่ในแมกไม้สลัว เธอกลืนน้ำลายลงคอ หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ นี่ถ้าไม่มีเขาเธอจะเอาตัวรอดยังไง

คีรินทร์จัดพื้นที่ให้เธอในมุมที่แห้งที่สุด วางใบไม้แห้งคลุมพื้น จัดที่หลับที่นอนให้เธออย่างชำนาญ แล้วก่อไฟจากไม้แห้งตรงกลางกระท่อมอย่างคล่องแคล่ว เธอหลับไปอย่างอ่อนแรงหลังจากนั้น ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นอาหารหอมกรุ่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel