2
“ขอบคุณเฮียมากนะคะ”
“กินอะไรมาหรือยัง”
เธอส่ายหน้าไปมา ฟ้าครามจึงยื่นมือไปโยกศีรษะของเธอเบา ๆ ด้วยท่าทีเอ็นดู
“อาบน้ำให้สบายตัว เดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน เฮียก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน” เขาเอ่ยบอกเสียงนุ่ม ก่อนจะเดินจากไป เธอมองตามไปก่อนจะถอนใจ
รู้สึกหว้าเหว่ รู้สึกเศร้า รู้สึกคิดถึงพี่ชาย มารดาและบิดา หากทุกคนยังอยู่เธอก็คงไม่รู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกแบบนี้
แก้วใสอาบน้ำอาบท่าตามที่ฟ้าครามบอก รู้สึกสบายตัวและสดชื่นขึ้นมาก หลังจากได้เจอสายน้ำเย็นฉ่ำ และกลิ่นสบู่หอมกรุ่น เธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าน้อยชุดที่ยัดใส่กระเป๋าก่อนจะหนีออกจากบ้านมา ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่างของตัวเอง กลิ่นอาหารหอมกรุ่น ลอยตลบอบอวลไปทั่ว เธอเผลอมองคนที่กำลังสวมใส่ผ้ากันเปื้อนและยืนทำอาหารอยู่หน้าเตา เขาดูดี หล่อ เท่ และมีเสน่ห์จนเธอเผลอมองไม่วางตา
“อาบน้ำแล้วเหรอ” เขาหันมาพอดีจึงเอ่ยถาม ทำเอาแก้วใสสะดุ้งเล็กน้อย เพราะเผลอมองเขาอยู่นานแล้ว
“ให้แก้วช่วยอะไรไหมคะ” สาวน้อยรีบอาสาอย่างมีน้ำใจ
“เสร็จแล้วล่ะ มาสิ มากินข้าวกัน”
“ค่ะ” เธอรับคำ ช่วยเขาจัดโต๊ะอาหารอย่างกระตือรือร้น
“ชิมดูสิ ว่ากินได้ไหม” เขาตักอาหารให้เธอ
“อร่อยมากค่ะ ปกติเฮียครามทำอาหารกินเองเหรอคะ”
“ไม่หรอก วันนี้มีแก้วอยู่ด้วย เฮียเลยทำอาหารกินเอง”
“แก้วรบกวนเฮียหรือเปล่าคะ”
“ไม่รบกวนหรอก ปกติไม่มีใคร เลยสั่งอาหารมากินหรือออกไปกินข้างนอกน่ะ”
“ต่อไปแก้วจะทำอาหารให้เฮียกินนะคะ”
“เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำ” เขาจัดการกับอาหารเงียบ ๆ แก้วใสเหลือบมองเขาเป็นระยะ ๆ อาจเพราะฟ้าครามเป็นผู้ชายทรงเสน่ห์ อยู่ด้วยแล้วทำให้รู้สึกหวั่นไหว จริง ๆ เธอแอบชอบเขามาหลายปีแล้ว ได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้ หัวใจของเธอก็เต้นแรงราวกลองเพล
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม เธอจึงมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น หลังจากตัดสินใจมาพึ่งใบบุญเพื่อนพี่ชายเพียงคนเดียวที่สนิทที่สุด เธอไม่มีญาติที่ไหน และถึงบากหน้าไปหาก็คงไม่ได้พึ่ง พอบิดาสิ้นก็คุยกันแต่เรื่องสมบัติและเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ พอเธอไม่ได้อะไรเลย ก็ไม่มีใครอยากอุปการะเลี้ยงดู เพราะไม่อยากรับภาระ
โชคดีที่แม่เลี้ยงของเธอหาเธอไม่เจอ เธอจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก การทำงานบ้านให้ฟ้าครามทำให้เธอมีอะไรทำทั้งวัน ฟ้าครามเป็นคนสะอาดสะอ้าน บ้านช่องของเขาจึงไม่มีฝุ่นเลยแม้แต่น้อย
ฟ้าครามไม่ค่อยอยู่บ้าน เขาเดินทางบ่อย และค่อนข้างงานยุ่ง บ้านหลังนี้จึงเหมือนเธอได้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว แต่พอรู้ว่าเขาจะกลับมาวันไหน เธอจะรีบทำอาหารอร่อย ๆ เอาไว้ต้อนรับเขาในทันที
“ฝนตก แย่แล้ว! ตากผ้าเอาไว้เต็มเลย อะไรนี่จู่ ๆ ก็ตกลงมา” เธอตากผ้าเอาไว้ แล้วมัวแต่ทำอาหารเพลินเพราะไม่คิดว่าฝนจะตก จึงรีบวิ่งไปเก็บผ้าหลังบ้านโดยไว
“อุ๊ย!” แก้วใสอุทานออกมาเพราะเธอกำลังจะล้มจากการกระตุกผ้าปูเตียงผืนใหญ่ แต่ฟ้าครามมารับเอาไว้ได้ทัน เธอไม่ได้ยินเสียงการกลับมาของเขาเลย
ทั้งสองมองสบตากันอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่เขาจะช่วยเธอเก็บผ้าในราวจนเสร็จ
“จู่ ๆ ฝนก็ตก ก่อนหน้านี้ยังแดดแรงอยู่เลยค่ะ” เธอผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่เก็บผ้าได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงเปียกหมด
“กลิ่นอะไรน่ะ” ฟ้าครามเอ่ยถาม ทำเอาแก้วใสตาโต
“ตายแล้ว! แก้วทำอาหารอยู่น่ะค่ะ” กลิ่นไหม้นั้นทำให้เธอตกใจ รีบวิ่งเข้าไปในห้องครัว เห็นควันโขมงแล้วเริ่มลนลาน ฟ้าครามที่ตามเข้ามาดูรีบปิดเตาไฟและยกกระทะไปวางในซิ้งค์ล้างจานทันที
“แก้วขอโทษนะคะเฮีย แค่ก แค่ก แค่ก แก้วมัวแต่วิ่งไปเก็บผ้า ลืมไปว่าทำอาหารค้างอยู่” เธอไอออกมาเพราะกลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยตลบอบอวลไปทั่ว
“คราวหน้าระวังหน่อยนะคะ”
“แก้วขอโทษอีกครั้งนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ครัวของเฮียไหม้ โชคดีนะคะ ถ้าไฟไหม้บ้านขึ้นมา แก้วจะชดใช้ให้เฮียยังไงดี” แก้วใสพูดด้วยใบหน้าเหยเก
“จะครัวไหม้หรือไฟไหม้บ้านไม่สำคัญเท่ากับว่าแก้วปลอดภัยไหม ที่เฮียบอกให้ระวังเพราะเฮียกลัวว่าแก้วจะเป็นอันตรายครับ”
ประโยคของเขาทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจยิ่งนัก ที่เขาเป็นห่วงเธอถึงขนาดนี้ เมื่อก่อนพี่ชายของเธอก็เป็นแบบนี้ เธอทำผิด กรณ์ก็ไม่เคยตำหนิ แต่สอนว่าถ้าทำผิดไปแล้วก็อย่าทำผิดซ้ำอีก ขอให้ความผิดนั้นคือประสบการณ์ สอนให้เราได้พัฒนาตัวเอง
เธอรู้สึกผิดจริง ๆ เพราะอยากทำอาหารอร่อยๆ เอาไว้ต้อนรับเขา แต่กลายเป็นทำครัวของเขาเละขนาดนี้
“ไม่เป็นไรหรอก ไฟไม่ไหม้ก็ดีแล้ว” ประโยคของเขาทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“เฮียเหมือนพี่กรณ์เลยค่ะ พี่กรณ์ก็ไม่เคยต่อว่าอะไรแก้วเลย เวลาแก้วทำอะไรพลาด”
“เธอเห็นเฮียเป็นเพียงพี่ชายแค่นั้นเองเหรอ”
“เอ่อ... ไม่ใช่แค่พี่ชายนะคะ แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณอีกด้วย” คำตอบของเธอทำให้ฟ้าครามนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกที่เขามีให้เธอมันมากมายนัก แต่เธอคิดกับเขาเพียงแค่พี่ชายเท่านั้น
“เดี๋ยวสั่งอาหารมากินก็แล้วกัน” เขาเอ่ยกับเธอเสียงนุ่ม พยายาไม่คิดเรื่องความรู้สึกของตัวเองให้มาก เธอยังเด็กและเขาก็ควรหักห้ามใจ
ร่างสูงเอ่ยจบก็เดินขึ้นห้องนอนของตัวเองไป แก้วใสมองตามไปด้วยความรู้สึกผิด ก่อนจะรีบจัดการกับกระทะที่ไหม้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ฟ้าครามที่ออกมาจากห้องน้ำเดินมาเปิดประตู เมื่อได้ยินเสียงเคาะอยู่หน้าห้อง
“มีอะไรครับ” เขาเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่หน้าประตู แก้วใสกะพริบตาปริบ ๆ พลันหน้าแดงเมื่อเห็นเขาอยู่ในเสื้อคลุมเพียงตัวเดียว มือหนาอีกข้างกำลังเช็ดผมที่เปียกหมาด ๆ อยู่ ร่างกายที่โผล่พ้นเสื้อคลุมมีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่ว
“เอ่อ... ขอโทษด้วยค่ะ แก้วแค่จะมาถามเฮียว่า เฮียจะให้แก้วสั่งอาหารร้านไหนคะ” แก้วใสหันหลังให้เขา ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเพราะเขินอาย
เขากลับมาถึงบ้านแต่เธอยังทำอาหารไม่เสร็จ และคงทำไม่ทันแล้ว ดังนั้นการแก้ปัญหาคือต้องสั่งอาหารเท่านั้น
เขามีร้านอาหารประจำอยู่ไม่กี่ร้าน ซึ่งเป็นร้านที่อาหารอร่อยมากๆ เธอเองก็ได้เคยลิ้มลองมาแล้ว
ความจริงฟ้าครามไม่ใช่คนเรื่องมาก ขอแค่อาหารอร่อยแล้วก็สะอาดเป็นพอ ดังนั้นเธอทำอะไรให้เขากิน เขาก็กินอย่างไม่เกี่ยงงอน
“อยากกินอะไรล่ะ” เขาเอ่ยถามคนที่ยืนหันหลังให้ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล คล้ายกับจะปรึกษาหารือไปในตัว สั่งอาหารมากินเขาชอบเธอก็ต้องชอบด้วย เพราะสั่งมากินด้วยกัน
“แล้วแต่เฮียเลยค่ะ”
“เห็นเมื่อกี้ทำอาหารทะเล งั้นสั่งอาหารทะเลมากินก็แล้วกัน” เขาสังเกตอาหารที่เพิ่งไหม้ไปจึงเอ่ยขึ้น คิดว่าเธอคงอยากกินด้วย เขากับเธอโชคดีที่ไม่แพ้อาหารทะเล จึงกินด้วยกันได้
