ตอนที่9. ใครๆก็เรียกเขาว่าหมอ
“ถ้าเสร็จธุระแล้วก็รีบไปเถิด เราต้องเดินทางอีก” น้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยอำนาจเอ่ยจากด้านหลังทำให้อังค์เนสหันกลับไปมองแล้วก็ถลึงตาใส่
เนเฟอร์คาเรกลั้นหัวเราะกับกิริยาของหญิงสาว เขาเห็นเธอตั้งแต่ออกมาจากรถเทียมม้าแล้วแต่อยากรู้ว่าเธอจะไปไหนหรือทำอะไร จะกล้าดีเหมือนปากหรือไม่ แต่ก็ทำให้เขาประจักษ์แจ้งในใจว่าเธอเป็น ‘หมอ’ ที่แท้จริง
“จะไปแล้วหรือให้ข้าตอบแทนอะไรพวกท่านหน่อยเถิด”
“เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้” เนเฟอร์คาเรบีบไหล่กลมกลึงของอังค์เนสเหมือนออกคำสั่งแม้จะพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก็ตาม
“ขอข้าทราบนามของผู้พระคุณหน่อยเถิด” ฮาซันวิงวอน
อังค์เนสเงยหน้ามองเนเฟอร์คาเรราวกับจะปรึกษา ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากแล้วโอบไหล่ให้เธอเดินตามเขาออกมา
“ใครๆ เรียกเขาว่าหมอเลจู”
“ท่านหมอเลจู” ฮาซันพึมพำเหมือนต้องการตอกย้ำใส่สมองของตนเอง
เนเฟอร์คาเรพาอังค์เนสเดินกลับมาที่รถม้าของตนเอง แล้วยื่นเสื้อผ้าชุดใหม่ส่งให้ แต่เธอยังเหลียวมองไปในทิศทางที่จากมาด้วยสีหน้ากังวล
“เจ้าคงไม่คิดจะกลับไปเรียกเอาค่ารักษานะ”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างยียวนทำให้อังค์เนสหันขวับแล้วถลึงตาใส่
“ข้าไม่ใช่หมอหน้าเลือดขนาดนั้น! ข้าแค่เป็นห่วงเด็กน้อยผู้นั้นต่างหาก”
“เจ้าเองก็บอกว่าเขาปลอดภัยแล้วนี่” ชายหนุ่มกอดอกยืนนิ่ง
“เด็กน้อยร่างกายอ่อนแอมาก...ข้าก็เป็นห่วง”
“ฮืม...เป็นเด็กผู้ชายอ่อนแอไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” เนเฟอร์คาเรพยักหน้ายอมรับ
“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น” อังค์เนสกัดฟันตอบอย่างหงุดหงิด “ข้าหมายถึงร่างกายของเด็กน้อยนั้นอ่อนแอจริงๆ ต่างหากละ”
“อ้อ...ข้านึกว่าเจ้าเป็นห่วงทุกคนที่เป็นเหมือนเจ้า”
“อะไร เจ้าหมายถึงอะไร”
“ก็อรชรอ้อนแอ้นดุจสตรีเช่นเจ้าไง” เนเฟอร์คาเรหัวเราะออกมา
“เจ้านี่มัน น่าหายาพิษให้กินจริงๆ” อังค์เนสอยากจะเต้นเร่าๆ ด้วยความโมโหที่ไม่สามารถโต้ตอบชายตรงหน้าได้ เธอฉวยเสื้อผ้าที่เขายื่นให้แล้วทำท่าจะปีนขึ้นรถม้าแต่เอวคอดก็ถูกรั้งไว้แล้วแบกขึ้นบ่าอีกครั้ง
“เจ้าจะทำอะไร”
“ใจคอเจ้าไม่คิดจะอาบน้ำอาบท่าหรือไง” เนเฟอร์คาเรลากเสียงยาว “เจ้าตัวเหม็นแล้วนะ”
“จะเหม็นไม่เหม็นมันก็เรื่องของข้า”
เธอดิ้นแต่ก็ต้องเผลอหวีดร้องเพราะถูกตีก้นเข้าอย่างแรง เหล่าทหารที่ปลอมกายเป็นพ่อค้าหันมองแล้วก็ต้องหลุบตาต่ำแม้ว่าจะอยู่นอกวัง แต่ยังไงก็ทรงเป็นเจ้าชายเนเฟอร์คาเรองค์รัชทายาทแห่งอียิปต์
เนเฟอร์คาเรแบกร่างเล็กๆ ที่หยุดดิ้นแล้วมาที่สระน้ำเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งขึงผ้ากันไว้เหมือนฉากกั้น แม้มันจะไม่มิดชิดนักแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย อังค์เนสหันมามองใบหน้าเรียบตึงไร้อารมณ์ของชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสนและว้าวุ่นในใจกับสถานการณ์ที่ยากจะรับมือนี้
“อาบน้ำ…เจ้าพูดจริงหรือ”
“คิดว่าข้าเอาเวลาที่ควรพักผ่อนมาจัดการเรื่องพวกนี้ทำไม”
เขาหมายถึงต้องใช้ให้ทหารมาขึงม่านเพื่อทำฉากกั้นอาบน้ำ และเขาก็รู้ดีว่าเหล่าทหารต่างงุนงงกับคำสั่งประหลาดนี้ด้วย อังค์เนสหลบสายตาที่จ้องมองราวกับจะกลืนกินแล้วเผลอกอดเสื้อผ้าแน่นที่เธอตื่นมาไม่เห็นเขาเพราะเรื่องแค่นี้หรือ?
“หรือเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอาบน้ำให้เจ้า” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทำให้หญิงสาวในร่างหนุ่มน้อยสั่นหน้าไปมาแล้วรีบผลุบหายไปหลังฉากกั้น
“เจ้ามีเวลาไม่มากนัก เร่งมือด้วยไม่เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าอาบเอง”
“ข้ารู้แล้ว” เธอตะโกนตอบเสียงสั่นรีบเปลือยกายลงในสระน้ำเล็กๆ
“ห้ามมองข้านะ”
เนเฟอร์คาเรชะงักเท้าที่กำลังจะเดินกลับ หัวคิ้วขมวดยุ่งก่อนหัวเราะออกมา คนอย่างเขานะหรือต้อง ‘แอบมอง’ ใครมีแต่สตรีจะพากันเปลื้องผ้ายั่วเย้าเขาทั้งนั้น เขาเดินกลับมานั่งที่รากไม้ใหญ่
“การพูดเช่นนั้นเท่ากับเป็นเชื้อเชิญนะ”
“!”
