ตอนที่10. ไม่ได้หมายความเช่นนั้น
อังค์เนสแทบผวาขึ้นจากน้ำแต่เมื่อหันไปตามเสียงก็รู้ว่าเขาอยู่หลังผ้าที่กั้นไว้ หญิงสาวเคลื่อนกายลงน้ำลึกไปอีกเหลือเพียงศีรษะที่โผล่พ้นน้ำ
“ข้า...ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
“แต่ข้ากำลังตีความว่าในคำพูดของเจ้าว่าเป็นเช่นนั้น”
“เนเฟอร์คาเร เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะเป็นเช่นเดียวผู้อื่น”
“ข้ามีสิทธิ์ที่จะคิด” เขาหัวเราะแล้วมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนสี ได้เวลาที่เขาต้องสวดภาวนาต่อเทพแห่งดวงอาทิตย์แล้ว “เจ้าอย่าสำราญในน้ำนานนัก เสร็จแล้วจงไปหาข้าที่รถม้า”
อังค์เนสรู้สึกว่าร่างสูงเดินจากไปแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วรีบจัดการชำระล้างร่างกายอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ผงทาผิวติดอยู่ในกระเป๋าเสื้อแต่มันก็เหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็มียาแก้พิษงูที่พกติดตัวไว้ยามฉุกเฉิน แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะทำยังไงให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัยจนกว่าจะได้กลับหมู่บ้านอีกครั้ง
‘จะได้กลับหรือเปล่านะ?’ อังค์เนสถามตนเองในใจอย่างเหงาๆ คิดถึงท่านปู่เลจูและพี่ดังชี คนที่จะให้ไปรักษาเป็นใครก็ไม่รู้ ป่วยหนักแค่ไหนก็ไม่อาจคาดเดาได้ แล้วถ้าเธอรักษาไม่สำเร็จจะถูกบั่นคอหรือเปล่านั่นยิ่งเป็นเรื่องที่ยากเกินจะคาดเดา
หญิงสาวสวมเสื้อผ้าแบบพ่อค้ามันช่างเหมือนเสื้อผ้าสำหรับเด็กชายที่เพิ่งเริ่มเติบโตเป็นเด็กหนุ่ม แต่ก็ยังดีที่เสื้อผ้าชุดนี้มิดชิดพอที่จะซ่อนเรือนร่างของเธอได้ อังค์เนสเก็บเส้นผมเรียบร้อยแล้วส่งเงาตัวเองในน้ำใสๆ ในสระน้ำอีกครั้ง แน่ใจแล้วว่าพอกผงทาผิวเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับไปที่รถม้า ขบวนของเธอถูกแยกออกจากกลุ่มพ่อค้าเร่ มีผู้ติดตามอยู่ราวๆ หกคน แม้ทุกคนจะสวมชุดพ่อค้าแต่ดูท่าทางเหมือนทหารมากกว่า
“มาเถิด สว่างแล้วเราจะเข้าไปกินอาหารเช้าในเมืองกัน”
“เมือง? นี่เมืองไหนเหรอ”
อังค์เนสถามอย่างงงๆ แต่ก็ยื่นมือไปรับแตะมือใหญ่ที่หงายรอให้เธอวางทาบ เนเฟอร์คาเรกระชับมือเล็กๆ แล้วอุ้มเธอขึ้นบนหลังม้าแล้วตัวเองจึงขึ้นตาม เพียงแค่ข้ามคืนเธอก็รู้สึกชินกับการมีร่างใหญ่ซ้อนอยู่ด้านหลัง
“นครเมมฟิส เมืองหลวงของอียิปต์” ดวงตาของเนเฟอร์คาเรเป็นประกายเจิดจ้าเมื่อเอ่ยนามนครแห่งความมั่งคั่ง
“เมมฟิส” อังค์เนสสะดุ้งสุดตัว “ข้า ข้าไปเมมฟิสไม่ได้!”
“ทำไม” เนเฟอร์คาเรจ้องมองคนตัวเล็กอย่างงุนงง ใครๆ ก็อยากไปนครเมมฟิสทั้งนั้น
“ข้าไปไม่ได้ก็คือไปไม่ได้” เธอพยายามจะดิ้นรนแต่อยู่บนหลังม้าทำให้ไม่รู้จะหันไปทางไหน “ข้าไปที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เมมฟิส”
“ไร้สาระ”
เนเฟอร์คาเรหงุดหงิดกับสิ่งไร้เหตุผล เขากระตุ้นให้ม้าแล่นโจนทะยานมุ่งไปในเมืองหลวงทันทีอย่างไม่สนใจร่างเล็กจะอ้อนวอน
“ได้โปรด อย่าให้ข้าไปที่เมมฟิส” เธอละล่ำละลัก “ข้า!ข้าไปที่นั่นไม่ได้!”
“จะได้หรือไม่มีแต่ข้าเท่านั้นที่ตัดสินใจ”
เนเฟอร์คาเรรู้ว่าร่างเล็กๆ สั่นสะท้านเพราะความหวาดกลัว แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่เธอกลัวนั้นเพราะอยู่บนหลังอาชาที่โจนทะยานรวดเร็วดุจพายุหรือเพราะ ‘บางสิ่ง’ ที่ทำให้เธอหวาดกลัวที่จะเข้าไปนครเมมฟิส เมืองหลวงแห่งอียิปต์กันแน่.
แม้จะยังเช้าอยู่มากแต่ผู้คนในนครเมมฟิสเมืองหลวงแห่งอียิปต์ในการปกครองของฟาโรห์เตติก็ออกมาทำกิจวัตรของตนเอง เนเฟอร์คาเรชักม้าไปยังสถานที่หนึ่งซึ่งทำให้ใบหน้าที่ซีดอยู่แล้วของอังค์เนสซีดเผือดลงไปอีก
‘ลูกจะปลอดภัยหากอยู่ไกลนครเมมฟิส’
“อังค์เนส”
เนเฟอร์คาเรเรียกเบาๆ แต่คนถูกเรียกกลับสะดุ้งโหย่งดวงตากลมโตตื่นตระหนกอย่างน่าประหลาด
“เจ้าเป็นอะไร”
“ข้า...ข้า...”
‘จะพูดอย่างไรดีเล่า คำสั่งสุดท้ายของท่านแม่สั่งข้าไปให้ไกลนครเมมฟิส’
อังค์เนสอึกอักราวกับคนใบ้ทำให้เนเฟอร์คาเรหงุดหงิดไม่น้อย เขาโดดลงจากหลังมาแล้วจับร่างบอบบางของเธอลงตามมา ฉุดเข้าไปสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเธอไม่เคยคิดว่าจะได้มาที่นี่
“มัน...มันไม่เร็วไปหรือที่มาที่นี่”
“เร็ว”
