ตอนที่7. ถ้าไม่มีอะไรกอด นอนไม่หลับ
“ถ้าไม่มีอะไรกอดข้านอนไม่หลับ”
เนเฟอร์คาเรทำเสียงพึมพำเหมือนคนง่วงทั้งที่ดวงตาพราวระยับสนุกสนานกับการแกล้งคนตัวเล็ก ยิ่งเธอพยายามดิ้นออกจากวงแขนนี้เขาก็ยิ่งรัดเธอแน่นขึ้น ไม่เคยมีหญิงใดที่จะปฏิเสธอ้อมกอดนี้ ยกเว้นหญิงสาวแสนงามในชุดหนุ่มน้อยคนนี้
“ถ้าเจ้าบอกข้าก่อนจะเอายานอนหลับติดมาให้”
หญิงสาวขบฟันด้วยความโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งพยายามขยับตัวหนีเขาก็กอดรัดเธอแน่นขึ้น หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงแทบจะรัวเป็นกลองรบร่างกายก็ร้อนผ่าวอย่างที่ไม่เคยเป็น “เจ้า! เจ้านอนดีๆ ได้มั๊ย”
“เจ้าก็อย่าดิ้นซิ” เขาสูดลมหายใจลึกอย่างข่มความรู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องที่เป็นระลอกคลื่นแห่งความปรารถนา
“ก็...ก็...ดาบของเจ้าทิ่มหลังข้าอยู่”
“ดาบ? ดาบของข้า”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างฉงนแล้วก็หัวเราะในลำคอออกมาพลางกอดกระชับให้ ‘ดาบ’ ของเขาเบียดชิดเธอเข้าไปอีก
“ฮืม...มันคืออาวุธที่ติดกายข้ามาตั้งแต่กำเนิดมีไว้เพื่อฟาดฟันสตรีให้ทุรนทุรายและปลดปล่อยพวกนางเป็นอิสระจากเพลิงปรารถนา”
“!”
อังค์เนสหยุดขยับตัวและกลายเป็นร่างกายแข็งทื่อราวท่อนไม้! นี่มันเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตสิบหกปีของเธอก็ว่าได้ “เชิญ...เชิญเก็บดาบของเจ้าไปใช้กับหญิงอื่นเถอะ”
“แต่ดาบของข้ามันจะใช้กับคนที่มันปรารถนาด้วยเท่านั้น”
เขาแกล้งกระซิบที่ริมหูเป่าลมหายใจร้อนรดแก้มเนียนที่แดงก่ำ
“ข้า...ข้า...ข้าไม่ใช่สตรี” เธอโกหกเสียงแผ่ว
“ไม่เป็นไร” เขาทำเสียงพึมพำในลำคอ “ดาบของข้ามันสั่งให้ข้าใช้สองมือจับสะโพกของเจ้าขึ้นแล้วสอดดาบใส่ที่เก็บฝักของเจ้า”
“!”
แค่ประโยคที่เอ่ยเสียงแหบพร่าของเขาทำให้หญิงสาวกายสั่นสะท้านขึ้นมา เขาไม่อาจรู้ได้ว่ากายที่สั่นนั้นเพราะหวาดกลัวหรือเพราะต้องการ แต่เขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าร่างบางกำลังสั่นเพราะแรงสะอื้น หัวใจเขากระตุกวูบเมื่อก้มมองเห็นใบหน้าหวานสวยมีน้ำใสๆ คลอเบ้าตา
ริมฝีปากอิ่มที่เคยชื่นชมกัดชายผ้าจนแน่นเหมือนจะกลั้นเสียงสะอึกสะอื้น เนเฟอร์คาเรถอนหายใจหนักๆ นี่เขาคงแกล้งเธอหนักไปหน่อย ไม่ว่าจะฝืนทำแข็งแกร่งปานใด เธอก็เป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆ เท่านั้น
“นอนเสียเถิด ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ มือใหญ่เลื่อนจากเอวมาลูบไหล่เหมือนปลอบโยน เขารู้สึกว่าร่างเล็กยังสะอึกสะอื้นอยู่แต่เพียงไม่นานก็นิ่งและมีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เขาขยับตัวลุกขึ้นมองใบหน้าที่ฉ่ำน้ำตาของอังค์เนส แทนที่ใบหน้าหวานสวยจะมีเครื่องสำอางฉาบเพื่อสีสันงดงาม แต่มันกลับมีฝุ่นทรายเปื้อนเปรอะและเหมือนกับเธอทาขมิ้นเหลืองเพื่อปกปิดผิวกายที่แท้จริง เขาไม่อาจรู้เหตุผลที่แท้จริงของหญิงสาวได้แต่หน้าที่ที่ต้องพาเธอกลับไปรักษาองค์ฟาโรห์เตติก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
เขาไม่เคยรู้สึกปราณี ‘ใคร’ มากมายขนาดนี้ มันเป็นเพียงความ ‘ปราณี’ เท่านั้นหรือ…หรือเป็นเพราะสิ่งใดที่ซ่อนเร้นจนทำให้ร่างกายขาดการควบคุมเช่นนี้.
ร่างบางขยับตัวไปมาพร้อมกับมือเรียวคลำหาผ้าห่มอุ่น แต่กลิ่นผ้าที่แปลกไปทำให้ดวงตากลมโตสีนิลลืมตาตื่นอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กผวาขึ้นจากที่นอนที่เผลอหลับใหลอย่างไม่รู้ตัว เธอยังอยู่บนรถเทียมม้า แต่ตอนนี้รู้สึกได้ว่ารถไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนเมื่อครู่ก่อนที่จะเผลอหลับไป ผ้าแพรที่มัดข้อมือไว้ถูกแกะออกเมื่อใดก็ไม่รู้แล้ว ข้างตัวเธอก็ว่างเปล่าจนน่าแปลกใจ
“เขาหายไปไหนนะ”
อังค์เนสพึมพำแล้วจู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาเมื่อคิดถึงตอนที่ชายหนุ่มผู้นั้นตระกองกอดเธอทั้งที่สั่งใจไม่ให้หลับยังเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ หญิงสาวสำรวจร่างกายที่ยังสวมเสื้อผ้ามอมแมมอยู่ครบทุกชิ้น แม้กระทั่งผ้าที่โพกศีรษะก็ยังไม่หลุดลุ่ยเผยความจริง
“ไปคิดถึงเขาทำไม”
หญิงสาวบอกกับตนเองก่อนจัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่ เธอค่อยๆ โผล่หน้าออกมาดูด้านนอกรถที่จอดนิ่งอยู่ เมฆและดวงดาวบนท้องฟ้ามีการเคลื่อนไหวรวมถึงพระจันทร์ที่เคลื่อนคล้อยบอกเวลาว่าจวนเจียนสว่างเต็มที
