ตอนที่6. ไว้ใจได้แน่หรือ?
“พ่อค้าพวกนี้ไว้ใจได้แน่หรือ” พระองค์ทรงถามย้ำอีกครั้ง
“ขึ้นชื่อว่าพ่อค้าก็เหมือนงูพิษมิอาจไว้ใจได้พะยะคะ” นายทหารคนหนึ่งรายงาน “มีทหารของเราปลอมตัวปะปนอยู่ด้วยจะช่วยเฝ้าระวังภัยและถวายการอารักษ์ขาได้ทันเวลาหากมีเหตุร้าย”
“ไปบอกพวกเขาว่าข้าพร้อมแล้วอีกครึ่งชั่วโมงเตรียมตัวเดินทางได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เนเฟอร์คาเรเดินกลับมาที่กระโจมอีกครั้ง แต่เมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ กลับต้องขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเมื่อพบเจอความว่างเปล่าก่อนที่จะเข้ามาเขาสังเกตแล้วว่าไม่มีรอยเท้าผิดปกติอยู่ด้านนอก
ถ้าเช่นนั้น ‘เธอ’ คงไปไหนได้ไม่ไกล หรือไม่ก็ ไม่ได้ไปไหนเลย
อังค์เนสขดตัวเองแน่นขึ้น จนแทบจะกลายเป็นก้อนกลมแม้ว่ามือและปากจะถูกมัดไว้แต่ขาสองข้างก็ยังเป็นอิสระพอที่จะตัวเองมาหลบในซอกหนึ่งของกระโจมได้ หากเขาหลงติดกับของเธอคิดว่าเธอหนีออกไปจากกระโจมแล้ว เธอจะโผล่ออกจากที่ซ่อนแล้วก็
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบเล่นซ่อนแอบเช่นนี้”
“!!!”
อังค์เนสเบิกตากลมโตอย่างตกใจ อยากจะเปล่งเสียงร้องแต่ก็ทำไม่ได้ เนเฟอร์คาเรทรุดลงนั่งบนส้นเท้า ยกมือค้างหนึ่งขึ้นเท้าค้างแล้วเอียงคอมองกลั้นหัวเราะ
“ข้าเคยเล่นซ่อนแอบแบบนี้กับคนสนิทของข้า”
มือใหญ่แกะผ้าปิดปากของเธอออก
“แผนนี้ใช้ได้แค่ครั้งเดียวจะใช้ไม่ได้อีกเพราะอีกฝ่ายจะรู้ตัว แต่กับเจ้า คิดได้ขนาดนี้ก็ไม่เลวนัก”
“เจ้านี่มัน”
อังค์เนสนึกหาคำต่อว่าไม่ออก ปกติเธอก็ไม่เคยใช้วาจาหยาบคายกับผู้ใดไม่ และอยากจะกรีดร้องแต่ก็ไม่เคยทำเพราะเธอมักนึกค่อนว่าหญิงที่ชอบร้องวีดว้ายอยู่เสมอๆ แต่มันควรจะมีข้อยกเว้น
จู่ๆ ชายหนุ่มตรงหน้าก็เอาผ้าผืนหนาสะบัดในอากาศก่อนคลี่ห่มพันร่างเธอ แล้วแบกขึ้นบ่าเหมือนเมื่อครั้งที่แบกเข้ามาในกระโจม เท้าเล็กๆ เตะไปมาในอากาศแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรนัก
“ทำไมเจ้าไม่หักแขนหักขาข้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เนเฟอร์คาเร!”
“ข้าก็ปรารถนาเช่นนั้น” เขาหัวเราะในลำคอ“แต่มือและเท้าของเจ้ายังมีประโยชน์กับข้านัก”
“หมออย่างข้าใช้มืออย่างเดียวก็พอแล้ว”
เธอหัวเสียอย่างที่สุด แม้ว่าในหมู่บ้านจะมีคนไม่ชอบขี้หน้าเธอเยอะพอๆ กับที่มีคนรักใคร่ แต่ก็ไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเธอเช่นนี้
“โอ้ว...ไม่นะ” เขาทำเสียงครวญอย่างประท้วง “ข้ายังต้องการให้ขาเล็กๆ ของเจ้าโอบรัดร่างของข้าอยู่”
“เจ้า! เจ้าคนวิปริต!”
อังค์เนสหน้าแดงก่ำนึกก่นด่าดังชีในใจ ‘ไยพี่บอกว่า หากแต่งตัวเยี่ยงชายข้าจะปลอดภัย ทำไมไม่บอกข้าบ้างเล่าว่าโลกนี้มีคนวิปริตผิดเพศเช่นนี้ด้วย’
เพียงขายาวของเนเฟอร์คาเรเดินมาไม่ไกลนักก็ถึงขบวนคาราวานของพ่อค้าเร่ รถเทียมม้ารออยู่กลางขบวนเดินทาง นายทหารที่ปลอมตัวแต่งกายเป็นพ่อค้าเปิดผ้าที่ทำเป็นประตูหลังให้เจ้าชายเนเฟอร์คาเรโยนร่างเล็กๆ เข้าไปด้านในก่อนที่จะโหนตัวเองขึ้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“พักผ่อนเถิดรุ่งสางเราก็จะถึงเขตพระนครแล้ว”
“ขอบใจมาก”
เนเฟอร์คาเรปิดประตูเรียบร้อยแล้วก็หันกลับมาสนใจหญิงสาวในชุดหนุ่มน้อย อังค์เนสขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างลำบากการนั่งบนหลังม้าหลายชั่วโมงก็เมื่อยก้นมากพอแล้ว นี่ยังโดนโยนทิ้งเหมือนตนเองเป็นเศษขยะยังไงไม่รู้
“เจ็บหรือ?”
เนเฟอร์คาเรกระเถิบเข้ามาดูอาการแม้จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยแต่ใบหน้ากลั้นหัวเราะนั่นทำให้อังค์เนสหงุดหงิดรำคาญตา
“ลองเป็นเจ้าที่ถูกโยนไปโยนมาบ้างสิ”
เธอบ่นแต่ก็เกือบจะหวีดร้องออกมาเมื่อร่างเล็กๆ ถูกโถมเข้าใส่จนเธอนอนหงายบนพื้นรถเทียมม้าที่โขยกเขยกไปมา
“เจ้าจะทำอะไร”
“ทำไมเจ้าต้องถามอะไรที่รู้แจ้งแก่ใจแล้ว” เขาทำเสียงเหมือนคนเกียจคร้าน
“ข้าเหนื่อยมาทั้งวันก็อยากพักผ่อนสบายๆ ไงละ”
“แล้ว...แล้ว...แล้วทำไมเจ้าต้องมากอดข้าแบบนี้”
ตั้งแต่เกิดมาอังค์เนสยังไม่เคยมีใครทำกับเธออย่างนี้เลย ร่างเล็กที่ยังไม่ถูกแก้มัดที่ข้อมือ ถูกพลิกให้นอนในท่าตะแคงข้างโดนมีลำแขนแข็งแกร่งสอดศีรษะให้เธอหนุน ส่วนมืออีกข้างรั้งเอวคอดกิ่วเข้ามาแนบชิดและขาใหญ่ก็ก่ายทับร่างเล็กไม่ให้ดิ้นขลุกขลักได้
