ตอนที่5.เจ้าจะทำอะไรนะ
“อังค์เนส...ตื่นเถิด...อังค์เนส”
เสียงกระซิบเบาๆ ที่ริมหูทำให้หญิงสาวลืมตาขึ้นช้าๆ และเมื่อรู้ตัวว่าตนเองไม่ได้อยู่ในกระท่อมที่พักของตนเองอย่างที่ฝันไปเมื่อครู่ ก็ทำให้สะดุ้งตื่นอย่างตกใจเกือบเสียหลักตกม้าแต่โชคดีทีมีแขนแข็งแกร่งกอดรัดเอวไว้แน่นไม่ทำให้เธอหล่นจากหลังม้า
“ถึงแล้วหรือ”
“ยังอีกไกลแต่เราต้องเปลี่ยนขบวนแล้ว” เนเฟอร์คาเรลงจากหลังม้าก่อนรับเอาอังค์เนสตามลงมา
เขาช่างทำเหมือนเธอเบาดุจขนนกอย่างไรอย่างนั้นและมันไม่ใช่กิริยาที่ชายหนุ่มพึ่งกระทำต่อกันสิ่งที่เขาทำนั้นทำให้อังค์เนสงุนงงนัก ทั้งที่เขาเอ่ยปากชมว่าเธอเป็น ‘หนุ่มน้อย’ แต่กลับปฏิบัติกับเธอเยี่ยงสตรีคนหนึ่ง หากไม่อยู่ในสถานการณ์ ‘ลักพาตัว’ เช่นนี้ เธออาจรู้สึกดีๆ กับเขาก็เป็นได้
เพราะว่านั่งอยู่บนหลังม้ามานานหลายชั่วโมงเมื่อลงยืนบนพื้นทราย หญิงสาวในเสื้อผ้ามอมแมมแบบหนุ่มน้อยก็ซวนเซ เนเฟอร์คาเรจับไหล่กลมกลึงนั่นไว้ได้ทัน แต่อังค์เนสกลับเขินอายในสิ่งที่เขาทำพยายามสะบัดตัวหนีสัมผัสจากเขา ทว่าเขากลับเข้าใจผิดว่าเธออยากจะหลบหนี
“เจ้าจะทำอะไรนะ” อังค์เนสแทบจะร้องกรี๊ดออกมาเมื่อ ร่างเล็กก็ถูกแบกขึ้นบ่าอย่างงายดาย “ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ”
“ปล่อยเจ้าก็วิ่งหนีนะซิ”
เนเฟอร์คาเรเอ่ยปนหัวเราะในลำคอ ทั้งชีวิตมีแต่เขาที่ออกคำสั่งกับผู้อื่นเพิ่งมีหนนี้ที่ถูกออกคำสั่งบ้าง เขาแบกร่างเล็กๆ ขึ้นพาดบ่าแล้วเดินมาที่กระโจมที่จัดเตรียมไว้ เมื่อเข้าไปด้านในเขาก็โยนร่างเล็กๆ ลงบนเบาะรองนั่ง แล้วหยิบเอาผ้าแพรชิ้นหนึ่งมาพันข้อมือทั้งสองข้างของอังค์เนสไว้ด้วยกัน “เจ้าจะทำอะไรนะ”
“เจ้าถามข้าทำไม ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่าข้ากำลังมัดเจ้าอยู่” เนเฟอร์คาเรลากเสียงยาวเหมือนแมวหาวนอน
“เมื่อครู่ก็เช่นกัน ข้าแบกเจ้าขึ้นบ่าเจ้าก็ถามทั้งที่รู้ว่าข้ากำลังแบกเจ้าอยู่”
“ที่ข้าพูดเช่นนั้นก็เพื่อไม่ให้ท่าน ‘ทำ’ ต่างหากละ” อังค์เนสถลึงตาใส่ แต่ดูเหมือนไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้อีกฝ่ายได้เลย
“อยู่นิ่งๆ อย่างไร้ปากเสียงสักครู่เถิด” เขายิ้มบางๆ ที่มุมปาก พลางยื่นหน้ามาใกล้จนหญิงสาวเป็นฝ่ายกระถดตัวหนี
“รอข้าเพียงอึดใจ ข้าจะรีบมาหาเจ้าโดยไวอย่าได้กังวล”
ยังไม่ทันที่อังค์เนสจะสบถหยาบออกมาปากของเธอก็ถูกผ้าแพรอีกผืนมัดปิดปากไว้ เนเฟอร์คาเรลุกขึ้นยืนมองผลงานของตนที่ดิ้นรนไปมาอย่างพยายามหาอิสระ แต่เขากลับหัวเราะอารมณ์ดีออกมาก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้อังค์เนสโมโหเพียงลำพัง
‘นี่มันอะไรกัน ยังไม่ทันข้ามวันต้องเจอเรื่องมากมายเช่นนี้’
อังค์เนสล้มตัวลงนอนนิ่งๆ รู้สึกว่ายิ่งดิ้นรนยิ่งเป็นการเหนื่อยเปล่า สายตาพิศมองรอบกระโจมที่ดูดีกว่ากระโจมหลังแรก นี่เธอเผลอหลับไปนานแค่ไหนนะ หลับไปได้ยังไงบนหลังม้าแบบนั้น จำได้เพียงม้าแล่นโจนทะยานอย่างรวดเร็วปานพายุจนเธอต้องหลับตาแน่นไม่กล้ามองว่ามีสิ่งใดอยู่ตรงหน้า
แต่เมื่อหลับตาและพยายามคุมสติอารมณ์ของตนเอง เธอกลับได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงอยู่ด้านหลัง เธอเอนกายเข้าหาเหมือนหาที่พึ่ง กลายเป็นว่าเธอฟังเสียงหัวใจเขาและกำหนดให้หัวใจตนเองเต้นตามจังหวะหัวใจของชายหนุ่มจนเผลอหลับไป
ทันทีที่พระวรกายสูงโปร่งแสนสง่างามแม้จะมีเพียงเสื้อคลุมธรรมดาๆ ปกปิดแต่ก็มิอาจซ่อนเร้นรัศมีที่เต็มไปด้วยอำนาจและบารมีขององค์รัชทายาทได้ ทหารคนสนิทสองคนถวายความเคารพแล้วส่งมอบเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เจ้าชายเนเฟอร์คาเร
“จะมิทรงพักสักหน่อยหรือพะยะคะ”
“เจ้าจะกังวลไปไย เดี๋ยวขึ้นรถม้าข้าก็ได้พักแล้ว”
เนเฟอร์คาเรกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้าเหยี่ยวสีน้ำตาลตัวใหญ่นาม ‘เฆปรี’ บินร่อนลมแห่งรัตติกาลเพื่อดูลาดตระเวนและเฝ้าระวังภัย นอกจาก ‘นาฟ’ สิงโตเพศผู้ที่แสนภักดีแล้วก็มี ‘เฆปรี’ เหยี่ยวผู้แสนทระนงและคอยระวังภัย และสัตว์สองชนิดนี้เป็นสัตว์คู่บัลลังแห่งอียิปต์
