ตอนที่หนึ่ง ครอบครัวท้องฟ้า 3
สิบเอ็ดโมงตรงสายฟ้าและลูกน้องชาวพม่าอีกสองคนเดินออกมา จากบริเวรบ้านพักซึ่งอยู่หลังร้านมาพร้อมๆ กัน ทั้งสามอยู่ในชุดฟอร์มพนักงานคือเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ขาเดฟสีเข้ม แต่ดูสายฟ้านั้นดูโดดเด่นที่สุดด้วยหุ่นนายแบบกับหน้าตาหล่อเหลา หากใบหน้าหล่อนั้นไม่ค่อยสดชื่นนักเพราะมีปัญหาเรื่องเงินมากวนใจพอๆ กับพี่สาวฝาแฝดทำให้เขาแทบนอนไม่หลับเพราะว่านอนคิดทั้งคืนว่าจะทำอย่างไรเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น
“ฝน มีอะไรให้ช่วยมั๊ย” สายฟ้าเดินมาหาปานรพีที่เทน้ำมันถั่วเหลืองลงกระทะ และกำลังตีไข่เพื่อทำไข่เจียวกุ้งให้ลูกค้าที่นั่งรออยู่
“ไม่ๆ เหลือลูกค้าอยู่คนเดียวแล้ว รอข้าวไข่เจียวกุ้งจานเดียว”
คนเป็นน้องชายจึงไม่ถามอะไรอีก ยืนมองพี่สาวทอดไข่เจียวเงียบๆ เพราะเขากับหล่อนไม่ชอบคุยกันระหว่างทำอาหารให้เสียสมาธิ มือเล็กเทไข่ลงในกระทะร้อนๆ ไข่ฟูขึ้นมาเพราะความร้อน จนเมื่อเป็นสีเหลืองทองและกรอบแล้วก็ตักมาพักพอสะเด็ดน้ำมันก่อนโปะลงบนจานข้าวที่น้องชายตักไว้แล้วให้เด็กนำไปเสิร์ฟ ในขณะที่เด็กสองคนในร้านช่วยกันเก็บจานบนโต๊ะและทำความสะอาดร้าน สองพี่น้องก็นั่งคุยกันเรื่องการหารายได้เพิ่มให้กับร้านฆ่าเวลาเพื่อรอตอนเที่ยงที่ลูกค้าจะเข้ามาเยอะและเยอะมากในช่วงบ่ายไปจดเย็น
“เราว่าจะทำใบปลิวแนะนำให้แขกในโรงแรมในฟิชเชอร์แมนที่ไม่มีแพคเกจอาหารเช้ามาทานที่ร้านเรา แต่ว่าคงต้องรองบ ระหว่างนี้ต้องบอกปากเปล่าไปก่อน” ปานรพีบอกน้องชาย
“ฮื่อ ก็ดีนะ เดี๋ยวเราเดินไปช่วยบอกเอง บางโรงแรมไม่มีห้องอาหารเขาก็มาทานที่ร้านเราบ้างอยู่เหมือนกันเพราะราคาไม่แพงเหมือนในร้านอาหารใหญ่ๆ ที่เราคิดไว้ก็มีโครงการขายบาร์บีคิวกับคอกเทลหน้าร้านในวันที่มีถนนคนเดิน กับส่งอาหารดิลิเวอรี่ในละแวกนี้ในช่วงที่ไม่ยุ่งและก็เรางดแจกันดอกไม้ไปจนสิ้นเดือนดีกว่านะ น่าจะลดค่าใช้จ่ายได้”
ปานรพีพยักหน้ายอมรับความคิดเห็นขอน้องชาย ดวงหน้าสวยหวานเสียดายเล็กน้อยที่โครงการปรับปรุงร้านให้ทันสมัยและใหญ่ขึ้นต้องพับไปและกลายเป็นการรัดเข็มขัดทุกทางเพื่อประคับประคองให้อยู่รอดแทน
“เอาน่าฝน อย่าท้อนะ เราสู้ได้อยู่แล้วเรื่องแค่นี้เอง ถ้าเกิดสู้ไม่ไหว เราจะยอมไปเป็นนายแบบก็ได้นะ”
คำพูดของสายฟ้าทำให้พี่สาวจ้องหน้าน้องชายอย่างไม่อยากเชื่อ เคยมีแมวมองชื่อดังที่เป็นผู้จัดการดาราซูเปอร์สตาร์ดังของไทยมาทานอาหารที่ร้านแล้วตื๊อขอให้สายฟ้าไปเป็นนายแบบ ตอนนี้ก็ยังติดต่อมาอยู่ แต่สายฟ้าไม่เคยรับเพราะว่าเขาไม่ชอบงานพวกนั้นและมีความสุขที่จะทำร้านอาหารเล็กๆ แต่อบอุ่นมากกว่า อีกทั้งเขาไม่อยากทิ้งพี่สาวไปไกลกันเขาจึงไม่ยอมทำแม้รู้ว่างานนั้นให้ค่าตอบแทนมหาศาลจนตั้งตัวได้กันไปข้างหนึ่งหากได้เข้าสังกัดของแมวมองคนนั้นเขาคงดันให้สายฟ้าเป็นซูเปอร์สตาร์ได้อีกคนแน่เพราะชายหนุ่มมีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยม
ที่ปานรพีจ้องหน้าน้องชายที่บอกว่าหากลำบากอาจจะยอมทำงานที่ไม่ชอบนั้นเพราะรู้ว่าแฝดผู้น้องฝืนใจมากที่จะเอ่ยออกมาเช่นนั้น ปานรพีจึงเลิกท้อ เพื่อจะไม่ให้น้องชายเป็นห่วงแล้วคิดมากอีก
“เอาน่า เราสู้ได้อยู่แล้ว นายไม่ต้องฝืนไปทำงานพวกนั้นหรอกเราจะฝ่าฟันมันไปด้วยกัน รวมทั้งพี่เมฆด้วย วิกฤตินี้แค่เรื่องจิ๊บๆ”
สองพี่น้องยิ้มให้กำลังใจกันก่อนจะลุกไปหาลูกค้าต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่กำลังจะเดินเข้ามาดูเมนูของร้านอย่างกระฉับกระเฉง รอยยิ้มจริงใจของสองพี่น้องและราคาใต้ภาพอาหารที่น่าสนใจถูกทำให้ลูกค้ากลุ่มนั้นเดินเข้าร้านและออเดอร์อาหารหลายจานจนสองพี่น้องยิ้มให้กันแก้มปริก่อนจะแบ่งเมนูกันทำไปด้วยกำลังใจที่ดีที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ในเวลาไม่นาน
“ฮัลโหล คุณเมฆา คุณคิมเชิญเข้ามาคุยที่ห้องทำงานคุณคิมสักครู่ครับ” เลขาหน้าห้องของ คิมิยะ รัตภาคโสภณ โทรศัพท์มาเรียก เมฆาที่ทำงานต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าฟรอนท์ให้เข้าไปหาเจ้านายใหญ่ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมห้าดาวที่เมฆาทำงานอยู่ เมฆาจึงฝากงานให้เพื่อนแล้วเดินไปยังบริเวณออฟฟิศ
เจ้านายหนุ่มรุ่นพี่ผายมือเชิญให้เมฆานั่งแล้วเริ่มพูดคุยกับเขาแล้วสอบถามเรื่องงานทั่วๆ ไปเหมือนคุยกับเพื่อนทั้งที่ไม่ค่อยสนิทกันมาก่อน ถึงแม้เมฆาเป็นหัวหน้าแผนกต้อนรับของโรงแรมแต่ก็ไม่ได้สนิทกับผู้บริหารพอจะคุยเรื่องพวกนี้ได้ เมฆาเพิ่งถึงบางอ้อเมื่อเมื่อเจ้านายวกเข้ามาถามตรงๆ แทบไม่ทันตั้งตัว
“เพิ่งรู้ว่านายลาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ นายบอกสาเหตุเรื่องที่นายเจ็บตัวมาให้ฉันฟังได้ไหม ฉันได้จดหมายสนเท่ห์มาจากข้างนอกเพื่อให้ไล่นายออกเพราะนายเป็นฆาตกรที่ฆ่าคน แต่ฉันไม่อยากฟังความข้างเดียว” คิมิยะพูดด้วยท่าทางและน้ำเสียงสบายๆ ตามสไตล์ของเขา
“อาทิตย์ก่อน ผมกับน้องชายไปเที่ยวผับ แล้วไปเจอคู่กรณีกำลังลวนลามนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่เมาจัดและเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ผมกับเข้าไปช่วยและมีเรื่องชกต่อยกัน แต่ผมสาบานได้ว่าไม่ได้ฆ่าคู่กรณี เขาต่างหากที่จะฆ่าผม เขายังเด็กและก็เมามากต่อสู้ผมไม่ได้เลยทุบขวดเหล้าเป็นปากฉลามจะแทงผม ผมผลักเขาออกและหลบ แต่เขาก็ไม่เลิกให้เพื่อนจับผมไว้จะเข้ามาแทงอีกครั้ง แต่เขาก็สะดุดล้มแล้วขวดแทงที่ท้องตัวเองพอดี ตอนนั้นผมยื่นขาไปถีบเขาพอดี เลยดูเหมือนผมทำ แต่ผมรู้ว่าไม่ได้โดนตัวเขา และตอนนั้นผมก็ไม่ได้เมาด้วย ตำรวจเข้ามาสอบสวนและมีกล้องวงจรกับพยานหลายปากที่บอกว่าผมโดนหาเรื่องก่อนและมันเป็นอุบัติเหตุ” เมฆาเล่าไปตามความจริง
เป็นเพราะคู่กรณีเป็นลูกผู้มีอิทธิพลจึงตามคุกคามเรียกค่าเสียหายและขู่ทำร้ายพวกเขา เมฆาต้องยอมขอโทษและจ่ายเงินครอบครัวเขาไปเพราะกลัวว่าพวกมันจะตามจองล้างจองผลาญจนน้องทั้งสองได้รับอันตราย
“ฉันเชื่อนาย เพราะเพื่อร่วมงานนายทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านายไม่ทำเรื่องพวกนั้นแน่ แต่ที่เรียกมาพูดเพราะจะเตือนว่า ฉันรู้จักตระกูลนั้นดี เขาไม่ได้มีน้ำใจนักกีฬาหรอกนะ เรื่องมันดูเหมือนจบแต่คงไม่จบง่ายๆ แน่ ให้นายระวังเอาไว้ด้วยก็แล้วกัน”
“ผมพอรู้แล้วครับ ดูจากที่มันส่งจดหมายมารังควานกลั่นแกล้งผมแบบนี้ ผมว่ามันไม่เลิกหรอกครับ” เมฆาบอกเครียดๆ ลำพังตัวเองนั้นไม่ห่วงมากเท่าไหร่ แต่ห่วงน้องสองคนมากกว่าที่อาจจะพลอยโดนหางเลขไปด้วย แค่ที่น้องรวมเงินกันจ่ายค่าเสียหายช่วยเขาก็แย่มากพอแล้ว หากน้องต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้อีกเขาคงไม่ได้รู้จะบอกพ่อแม่บนสวรรค์ว่าอย่างไรกับความไม่เอาไหนของเขา
“ถ้ามีปัญหาอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ไม่ใช่ในแง่เรื่องงาน แต่เรื่องต่อกรกับคนพวกนั้น ถ้าโดนคุกคามแล้วบอกฉันได้ตลอดเวลา มันไม่สนุกหรอกนะที่ครอบครัวของนายจะต่อกรกับพวกมาเฟียที่ชอบเล่นสกปรกแบบนั้นเพียงลำพัง ฉันเองก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่พวกนั้นก็พอเกรงใจอยู่บ้าง ถ้าพวกมันเข้ามายุ่งกับนาย ฉันจะช่วยให้พวกมันหยุด”
คิมิยะยื่นนามบัตรที่มีเบอร์ส่วนตัวให้เมฆา เขาตั้งใจช่วยหลังจากที่ได้จดหมายนั้นแล้วสืบอย่างละเอียด จากข้อมูลที่ได้มาทำให้เห็นอะไรหลายอย่างและอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเพราะไม่อยากไล่พนักงานดีเด่นสามปีซ้อนและแขกหลายคนประทับใจในความเป็นมิตรของเขาต้องลาออกหรือว่ามีเหตุให้ทำงานกับเขาไม่ได้
เมฆายกมือไหว้เจ้านายอย่างขอบคุณ เขาได้รู้ในวันนี้เองว่าเจ้านายของพวกเขาที่ผู้คนชื่นชมนักหนานั้นมีคุณธรรมแค่ไหน วันนี้เขาได้เห็นกับตาว่าคิมิยะมีทั้งพระเดชพระคุณจริงๆ
คิมิยะให้เมฆาออกไปได้ แต่ว่าเมฆายังมีเรื่องอีกเรื่องที่จะพูดกับเข้านายหนุ่ม เขาจึงเอ่ยขอรบกวนเวลาของเจ้านายเพื่อปรึกษาเรื่องส่วนตัว
“ผมได้ยินแผนกเอฟบี พูดกันว่าลูกค้าคอมเพลนเรื่องเชฟอาหารไทยเยอะมากจนทางโรงแรมจะหาเชฟคนใหม่เข้ามาทำงานใช่ไหมครับ”
“ใช่ นายคงเคยเจอคอมเมนต์แขกเหมือนกันใช่ไหม ว่ารสชาติอาหารไทยของห้องอาการโรงแรมเราทำให้แขกผิดหวังเพราะมันจืดชืดไม่อร่อย ไม่ได้รสไทยแท้ ฐานลูกค้าเราเกือบครึ่งเป็นพวกเศรษฐีคนไทยและเชฟอาหารไทยคนใหม่ของโรงแรมเรากันเป็นฝรั่งถึงได้มีปัญหานั้นขึ้นเราจะหาคนไทยมาทำแทน เอาแบบเหมือนทำกินเองที่บ้านแล้วก็ทำอาหารพื้นเมืองของสมุยเป็น ตอนนี้กำลังหาอยู่ นายลิปดาหุ้นส่วนของโรงแรมอีกคนก็ซีเรียสกับเรื่องนี้มากจนจะจากสาขาละไม มาดูเรื่องนี้ช่วยฉันเลย”
“ผมจะเสนอน้องๆ มาลองดูได้ไหมครับน้องผมเปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่ฟิชเชอร์แมน รสชาติแบบที่คุณคิมต้องการด้วย อาหารพื้นเมืองก็ทำได้ครับ”
“ได้สิ ขอบใจที่ช่วยหา นายพาน้องนายมาทดสอบตอนที่นายลิปดามาก็แล้วกัน เตรียมโชว์ฝีมือไว้เต็มที่เลย ถ้าผ่านด่านนายลิปดาจอมเรื่องมากไปได้ ฉันจะให้เป็นเชฟประจำที่นี่และเงินเดือนเท่าเชฟฝรั่งเลย แต่ต้องทำงานดีๆ แล้วก็ขยันๆ ทุ่มเทกับงานเหมือนนายนะ”
“แน่นอนครับ ผมจะบอกน้องเตรียมตัวไว้ แล้วว่าแต่คุณลิปดาจะมาวันไหนครับ”
“อาทิตย์หน้า”
เมฆาเดินออกมาจากห้องของเจ้านายด้วยสีหน้ามีความหวังเต็มเปี่ยม เขาอาจจะเสนอให้น้องหนึ่งคนมาทำงานที่โรงแรมเพื่อเอาเงินเดือนสูงลิบ และอีกคนหนึ่งทำที่ร้าน โดยที่เขาจะทำงานที่โรงแรมไปด้วยช่วยที่ร้านไปด้วยไม่ให้คนที่ทำร้านเหนื่อยมาก หนทางการหาเงินของสามพี่น้องเปิดขึ้นอีกทาง เจ้าแฝดทั้งสองต้องดีใจมากแน่ๆ
เมื่อคิดว่าจะสรรค์หาเรื่องให้น้องๆ มีความสุขได้ท่ามกลางความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องฝ่าฟัน พี่ชายคนโตก็ยิ้มออกได้ในรอบหลายวันที่เขาแทบไม่ได้ยิ้มอย่างมีความสุขเลย
