ตอนที่สอง ทางออกของปัญหาหรือว่าทางตัน
วันถัดมา ณ ร้านสแนบเปอร์
เมฆาเพิ่งว่างจากการทำงานและออกจากหอพักของโรงแรมกลับมานอนที่บ้านกับน้องๆ เขาถือโอกาสนั้นเล่าเรื่องโรงแรมต้องการคนครัวและปรึกษาหารือว่าทั้งสองจะสนใจแพลนของเขาหรือไม่
“เงินเดือนเป็นแสน” เจ้าสองแฝดอุทานขึ้นมาพร้อมๆ กันสมกับเป็นฝาแฝดที่รู้ใจกัน เมฆาพยักหน้ารับหงึกๆ
“ฮื่อ สนใจไหม ให้อีกคนทำที่ร้าน อีกคนทำที่โรงแรม พี่จะมาช่วยงานคนที่ทำร้าน หรือไม่ก็จ้างลูกจ้างเพิ่มอีกคน”
“น่าสนนะ เพราะว่าเราไม่ต้องลงทุนอะไร เป็นทางที่หาเงินได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่เรื่องช่วยงานพี่เมฆทำงานที่โรงแรมหนักมากแล้ว ไม่ต้องมาช่วยที่ร้านหรอก จ้างเด็กในร้านเพิ่มอีกคนก็ได้ เอาคนที่เป็นครัวมาช่วยหั่นผักหั่นเนื้อ แล้วก็สอนชงกาแฟสดกับตักไอศกรีมให้ก็พอ กับข้าวทำคนเดียวก็ได้ถ้าเตรียมวัตถุดิบไว้ดีแล้วไว้เวลาลูกค้าเข้าเยอะก็คงไม่ช้านัก” สายฟ้าออกความเห็นเพราะรู้ว่างานที่เงินเดือนเป็นแสนนั้นใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ สำหรับคนที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยอย่างปานรพีกับเขา
“แล้วว่าแต่ใครจะไปใครจะอยู่ล่ะ” ปานรพีแย้งขึ้นมา
“งานที่โรงแรมไม่หนักมากออเดอร์ไม่เยอะ กับข้าวก็ทำเป็นจานเล็กไม่ได้เหนื่อยมากและก็มีเชฟผู้ช่วยทำช่วยบ้าง ให้ฝนไปทำตรงนั้นก็แล้วกัน เดี๋ยวฟ้ากับพี่ช่วยกันทำที่ร้าน พี่จะยกกะที่ขึ้นโอทีให้หมดแล้วมาช่วยที่ร้านดีกว่าเพราะไม่อยากจ้างคนอื่นมาทำอาหารที่ร้านเดี๋ยวเสียชื่อเสียง”
“ก็ได้ ช่วยๆ กัน ถ้าทำแล้วเราสามคนไม่เหนื่อยมาก ก็ดีมากเลยล่ะ เพราะว่าสองสามเดือนหนี้ก็หมด แล้วยังได้เงินเก็บก้อนโตแน่หากทำไปอีกหลายๆ เดือน โครงการปรับปรุงบ้านของเราให้เป็นโรงแรมด้วยอาจจะไม่ใช่แค่ฝันของฝนก็ได้”
“พี่ก็ว่างั้น แต่ก่อนอื่นฝนต้องทำอาหารให้ผ่านคุณลิปดาให้ได้นะ”
“เจ้านายพี่เป็นคนแบบไหน ฝนจะได้เตรียมตัวถูก นิสัยน่าจะชอบอาหารรสยังไง” เจ้าของดวงตากลมสดใสเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นถามพี่ชาย
“คุณลิปดาเป็นคนดุมาก เขาดูแลโรงแรมในเครือของพี่อีกสาขาที่หาดละไม คนที่ทำงานกับคุณคิมเทียบกับคุณลิปดาแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว คุณคิมใจดีกับลูกน้องค่อยตะล่อมยามพลาด แต่คุณลิปดานี่โหด ถ้าพลาดจะโดนดุด่าอย่างเดียว เพราะสำหรับเขาทุกอย่างต้องเพอร์เฟคไม่ให้มีข้อผิดพลาด ลูกน้องเลยพากันกลัวหัวหดไปหมด”
“รู้แล้ว นายนั่นต้องชอบทานหวานแน่ๆ พี่เมฆ เพราะติดรสหวานจากน้ำตาลที่แม่ให้ทานตอนเด็กๆ”
“เฮ้ย ยัยฝน คนนะไม่ใช่หมาจะได้กินน้ำตาลแล้วดุ” แฝดผู้น้องเถียง แต่ก็อดหัวเราะกับเรื่องติ๊งต๊องที่ปานรพีคิดขึ้นมาได้ เพราะแทนที่จะกลัวและกังวลเจ้าตัวกลับตลกกับความดุอย่างร้ายกาจของลิปดาเสียอย่างนั้น
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหล่ะ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเหมือนกันนี่นา”
หญิงสาวเอ่ยติดตลกไม่เกรงกลัวเพราะปานรพียังไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ดีพอ แต่ถ้าได้รู้ว่าเมื่อเขากับหล่อนมาพบกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นคงตลกไม่ออก
“ขอบคุณนะที่ทุกคนยอมเหนื่อยเพื่อช่วยแก้ปัญหาของพี่”
“พี่เมฆอย่าพูดอย่างนั้น ตั้งแต่พ่อแม่เสียพี่ก็ดูแลพวกเรามาตลอดเลยนะ เราสามคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ปัญหาของพี่ก็คือปัญหาของเราเราต้องแก้ด้วยกัน เข้าใจไหม”สายฟ้าดักคอขึ้น ไม่อยากให้เมฆาเครียดมาก เพราะปัญหาของพวกเขามีทางออกแล้ว
“ใช่ๆ เราจะไม่ทิ้งกัน” ปานรพีที่นั่งอยู่ตรงกลางกอดคอพี่ชายกับน้องชายเอาไว้ สามพี่น้องที่มีกันและกันเพียงสามคนโอบกอดกัน ไม่ว่าจะเศร้า เหงาสุข อ้อมแขนแห่งครอบครัวก็ไม่เคยทิ้งกัน หากพ่อแม่ที่อยู่บนสวรรค์มองลงมาเห็นพวกเขาอาจจะยิ้มอยู่ก็ได้ที่ลูกๆ ทั้งสามเป็นคนดีของสังคม และสามัคคีกันไม่เคยทอดทิ้งกัน อย่างที่พวกท่านพร่ำสอนให้เป็นมาตลอด
ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เข้าทดสอบเป็นเชฟอาหารไทยของ โรงแรมห้าดาวในหาดเฉวง อย่างโรงแรมมโนราทำให้แม่ครัวร้านตามสั่งอินเตอร์อย่างปานรพีต้องสรรค์หาความรู้เพิ่มเติม หญิงสาวหยิบไอแพดมาเสิร์จดูรูปภาพการจัดอาหารให้ดูหรูหรา ซึ่งส่วนใหญ่โรงแรมจะเน้นอาหารจานเล็กๆ ตกแต่งอย่างสวยงาม บางโรงแรมก็เน้นสไตล์อาหารฟิวชันทำอาหารไทยในสไตล์ตะวันออกดูหรูหราซึ่งปานรพีไม่เคยทำมาก่อน เป็นโชคดีของหล่อนที่โรงแรมมโนราขายความเป็นไทย อาหารไทยจึงเน้นการทำในสไตล์แท้ๆ แบบต้นตำหรับคล้ายๆ กับที่หล่อนทำที่ร้านทุกวัน เพียงแต่อาจจะต้องลดปริมาณให้จานเล็กลงไม่ทำจานโตเหมือนที่ร้านตามสั่ง หล่อนอาจจะต้องซ้อมทำบางเมนูที่เป็นเมนูยอดฮิตของห้องอาหารโรงแรมที่เมฆาช่วยค้นหามาให้
ด้วยความที่ปานรพีติดตามรายการสอนทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก และหล่อนอยู่กับตำราอาหารมาตลอดทำให้หล่อนมั่นใจในฝีมือตัวเองมาก แม้ว่าเมฆาจะบอกให้เผื่อใจไว้บ้าง แต่หล่อนก็คิดอย่างมั่นใจว่าหล่อนต้องได้งานนั้นแน่ เพราะหล่อนเตรียมตัวไปดี ข้อมูลก็หาไว้ตั้งเยอะ ถึงไม่มีใบการันตีจากโรงเรียนสอนทำอาหารรับรอง แต่การได้โชว์ฝีมือนั้นสำคัญกว่าเสียอีก
เพราะตั้งใจดูไอแพดอยู่ หญิงสาวจึงไม่ทันรู้ว่ามีลูกค้าตัวสูงเดินเข้าร้านมา จนเขาเดินเข้ามาถึงตัวหล่อนและก้มลงมาหา
“หนู พ่อแม่ไม่อยู่เหรอ”
นักท่องเที่ยวหนุ่มร่างสูงแบกเป้ใบโตยัดปานรพีเข้าไปในนั้นได้สบายเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันชัดแจ๋ว คนที่โดนเรียกหนูน้อยไม่ทันได้ฟังเงยหน้ามองใบหน้าหล่อคม ที่แย้มรอยยิ้มทรงเสน่ห์ออกมาจากดวงหน้าหล่อได้รูปออกทางโซนญี่ปุ่นแต่ก็ดูเหมือนมีเชื้อยุโรปอยู่ในตัวเขาบ้าง คิ้วหนาเป็นปื้นดวงตาเรียวรีชั้นเดียวบอกส่วนผสมจากทางฝั่งเอเชีย กับวงหน้ายาวรับกับจมูกโด่งและรอยยิ้มกว้างที่เผยให้เห็นแนวฟันเรียงตัวกันเป็นระเบียบฉายเค้าทางยุโรป สองเชื้อชาติที่ลงตัวและเป็นสิ่งใหม่ที่ดูดียากจะหาที่เปรียบโดยเฉพาะนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนแลดูเป็นมิตรนั่น
คนอะไรหล่อยิ่งกว่าเทวดาตกสวรรค์ แถมยังยิ้มโปรยเสน่ห์ให้หล่อนกินแต่เช้า
แต่ฝันไปเถอะ ผู้ชายหล่อแบบนี้หาได้ทั่วไปในเกาะสมุยเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติหล่อนเห็นจนชินเสียแล้วไม่ตกหลุมเสน่ห์ที่เขาขุดดักด้วยรอยยิ้มแน่
“หนูน้อย พูดภาษาอังกฤษได้ไหม” เขาถามย้ำ ใบหน้าโปรยยิ้มดูเหมือนจะตึงขึ้น เพราะหล่อนไม่ยอมตอบเอาแต่มองหน้าเขาเหมือนคิดอะไรไม่ออก
“พูดได้ และพูดได้ดีมากด้วย และฉันก็ไม่ใช่น้องหนู ฉันอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ฉันเป็นเชฟของร้านนี้ในช่วงเช้า มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
ชายหนุ่มทำหน้าทึ่งเล็กน้อย อารมณ์ดียามเช้าเหือดหายลงไปเยอะเมื่อได้รับการต้อนรับที่ไม่เป็นมิตรนัก
เขามองหญิงสาวอย่างประเมิน หน้าอ่อนเยาว์หวานใส เรียวปากกับจมูกเล็กๆ หลอมรวมกับดวงตากลมโตทำให้ ใบหน้าดูออนกว่าวัย ดวงหวานล้อมกรอบด้วยแนวไรผมรูปหัวใจทำให้ดูอ่อนเยาว์มาก เหนือสิ่งอื่นใดคือตัวหล่อนเล็กมาก เขาเดาเอาว่าหล่อนสูงไม่เกินร้อยหกสิบด้วยซ้ำยิ่งยืนเผชิญหน้าคนตัวสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรอย่างเขายิ่งทำให้หล่อนดูเหมือนแม่เด็กน้อยที่เขากระเตงขึ้นเอวได้สบายจนมองเป็นผู้ใหญ่ไม่ออก แต่ท่าทางเอาเรื่องของหล่อนทำให้ต้องเชื่อ
“โอเค คุณเชฟ ผมต้องการทานอาหารไทยรสชาติอร่อย ตามเมนูนี้” เขายื่นกระดาษที่มีรายชื่ออาหารเป็นภาษาสากลให้หล่อน
แกงเขียวหวานหมู ต้มยำกุ้ง ผัดไท ปลากะพงนึ่งมะนาว ต้มข่าไก่ ปอเปี๊ยะกุ้งสด และเมนูอาหารพื้นเมืองของเกาะสมุยอีกสามเมนู แน่ะ มีลิสต์มาด้วย คงมีคนแนะนำมาให้ทานเมนูพวกนี้ตอนมาเมืองไทย หญิงสาวอ่านเมนูแล้วยิ้มน้อยๆ
“คุณต้องการเมนูไหนคะ”
“ไหนบอกว่าพูดได้อย่างแตกฉานไงสาวน้อย ต้องให้ผมอธิบายอีกรอบด้วยเหรอว่าเมื่อครู่ ผมสั่งทั้งหมดที่ลิสต์เอาไว้ หรือว่าทำไม่ได้ต้องตามพ่อแม่มาทำ” น้ำเสียงทุ้มถามกลับอย่างหยอกเย้า
ดวงตาหรี่คมผ่อนคลายลงเมื่อเห็นท่าทางเหมือนควันออกหูของหล่อน แม่เด็กนี่ทำท่าเหมือนโกรธอยากจะกระโดดเบิ๊ดกะโหลกในความกวนบาทาของเขา ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่ลิปดาจะได้เห็นคนมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ เพราะเคยมีแต่คนกลัวเขาหงอไปหมดจนน่าเบื่อ เขารู้สึกเหมือนเจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเข้าให้แล้ว
“ไอ้ทำก็ทำได้ แต่คุณจะมีปัญญาทานหมดหรือไง มาก็ตัวคนเดียวจะสั่งทั้งหมดนี่มันมีแต่คนบ้าที่ทำเท่านั้นล่ะคุณ คนดีๆ เขาสั่งแต่พอกินทั้งนั้น” คำดุด่าเหมือนจะสอนให้สำนึกเกือบทำให้ผู้บริหารหนุ่มที่มีแต่คนค้อมหัวให้ แทบหลุดมาดนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ด่าหล่อนกลับด้วยสายตาให้สำนึกว่าบังอาจพูดถ้อยคำเช่นนี้กับใคร แต่เขายับยั้งตัวเองไว้ทัน นึกได้ว่าตอนนี้เขาเป็นนักท่องเที่ยวอยู่
“ผมมีเงินจ่ายก็แล้วกัน ทำให้ผมทานให้ครบทุกเมนูเพราะผมอยากกินอาหารไทย คุณคงใจร้ายใจดำกับนักท่องเที่ยวที่สรรค์หาอาหารไทยรสชาติอร่อยตามคำแนะนำของโลนลี่แพลนเน็ต หรอกนะ เขาบอกว่าร้านคุณราคาย่อมเยาแต่รสชาติระดับภัตตาคารนี่” ชายหนุ่มเปิดแมกกาซีนให้หล่อนเห็นว่ามีบทความเกี่ยวกับร้านตามสั่งอินเตอร์ของหล่อนอยู่ในนั้นด้วย
ปานรพีตาโตด้วยความดีใจ ไม่รู้มาก่อนว่าร้านได้รับการแนะนำในโลนลี่แพลนเน็ต มีบทสัมภาษณ์ของพี่ชาย หญิงสาวจึงฉุกคิดได้ว่าน่าจะเป็นช่วงที่หล่อนกับน้องชายไปสอบมหาวิทยาลัยเปิดคงมีคนมาสัมภาษณ์ทั้งสองแล้วลงหนังสือ เมฆาเคยบอกว่ามีของขวัญน่าตื่นเต้นที่หล่อนจะได้ดูตอนวันเกิดหล่อนในอีกหนึ่งเดือน คงจะเป็นเรื่องที่ร้านได้ลงนิตยสารท่องเที่ยวนี้ มิน่าเล่า ลูกค้าชาวต่างชาติที่มาส่วนใหญ่จะพูดคล้ายๆ กันว่า มีคนแนะนำให้มาอะไรเทือกนั้น
“ฉันทำให้คุณก็ได้ แต่จะทำเป็นจานเล็กๆ นะคะแล้วก็ เอ่อ ฉันขอหนังสือเล่มนั้นให้ฉันได้ไหมคะ” หล่อนเอ่ยขอเขาเขินๆ
“ได้ เอาไปสิ” ลิปดายื่นหนังสือให้หล่อน แล้วเดินไปยังโต๊ะยาวสำหรับแขกที่มาเป็นกลุ่ม หากเขาจับจองมันเพียงคนเดียว แขนแข็งแรงเต็มไปด้วยมัดกล้ามในแบบของคนออกกำลังกายสม่ำเสมอยกกระเป๋าเป้ใบหนักออกจากบ่าวางไว้บนเก้าอี้พลาสติกข้างตัว
