ฟ้าลำเอียง
บริษัทของภาส
ครืด..ครืด..ครืด
เสียงโทรศัพท์ที่สั่นและดังขึ้นบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่เรียกให้คนเป็นเจ้าของละสายตาจากเอกสารมามองดูโทรศัพท์ของตน บนหน้าจอปรากฎชื่อของศิวัฒน์เพื่อนสนิทพ่วงตำแหน่งทนายประจำตระกูลของชายหนุ่มกำลังโทรเข้ามาหา
ศิวัฒน์เป็นลูกทนายประจำตระกูลของภาสรุ่นพ่อและแม่ของภาส ซึ่งมักจะตามพ่อมาทำงานให้อมรรัตนพงษ์ตั้งแต่เด็กๆ จนกลายเป็นเพื่อนซี้ของภาสที่ทางพ่อและแม่ภาสรักและเอ็นดูคอยให้การช่วยเหลือศิวัฒน์ทุกด้านเป็นพิเศษนอกเหนือจากค่าจ้างของผู้เป็นพ่อ จนเหมือนศิวัฒน์เป็นลูกชายอีกคน
ศิวัฒน์เจริญรอยตามผู้เป็นพ่อโดยการเรียนจบกฎหมายและเป็นทนายที่เก่งอันดับต้นๆของประเทศ มีชั้นเชิงการว่าความเป็นที่ยอมรับในวงการนักว่าความด้วยกัน พร้อมเข้ามารับช่วงต่อเป็นทนายประจำตระกูลให้อมรรัตนพงษ์รุ่นลูก
“โทรมาทำไมว่างว่างั้น” ภาสกดรับสายพร้อมเสียงทักทายที่ไม่เหมือนคนอื่นแต่คนฟังรู้ดีว่าเป็นเรื่องปกติของชายหนุ่ม เมื่อไหร่ที่พูดจาดีหรือพูดเยอะนั่นคือเรื่องแปลกสำหรับผู้ชายที่ชื่อภาส อมรรัตนพงษ์
“ อื้อหือ…คุณภาสครับกระผมเพื่อนคุณครับและเป็นทนายประจำตระกูลให้คุณครับ กระผมจะโทรหาเพื่อนและเจ้านายจำเป็นต้องว่างก่อนด้วยหรือครับท่าน” เสียงหยอกเย้าของศิวัฒน์เอ่ยขึ้นอย่างยียวนมาตามสาย
“ว่าธุระมึงมาเลยยุ่งอยู่” คนที่ถูกเพื่อนโทรรบกวนตอบกลับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ด้วยความที่โตมาด้วยกันทั้งสองจึงคุยกันแบบภาษาเพื่อนปนภาษาพ่อขุน น้อยคนนักที่จะรู้ว่าภาสมีมุมแบบนี้ยกเว้นเพื่อนสนิท
“เย็นนี้คอนเฟริ์มไหมกูจะได้บอกไอ้ทาม”
ศิวัฒน์ถามย้ำเพื่อนรักและเจ้านายอีกครั้ง เนื่องจากวันนี้พวกเขานัดกันดื่มที่ผับหรูของทามทัศน์ ซึ่งเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกันอีกหนึ่งคนของภาสและตอนนี้เป็นเจ้าของร้านอาหารกึ่งผับสุดหรูย่านคนมีเงินใจกลางกรุงและก็กลายมาเป็นเพื่อนซี้ของศิวัฒน์ด้วย ทั้งสามคนจะนัดพบกันแองค์เอาท์อาทิตย์ละครั้ง เพื่อพูดคุยและรีแลกซ์หลังจากทำงานหนักกันมาทั้งอาทิตย์ โดยศิวัฒน์จะเป็นคนคอยโทรมาย้ำกับภาสทุกครั้งก่อนที่จะไปเจอกัน
“อืม” ภาสตอบกลับผู้เป็นเพื่อนสั้นๆตามสไตล์ของคนที่พูดน้อยต่อยหนัก
“สั้นกระชับ ได้ใจความครับท่าน สามทุ่มเจอกัน” ศิวัฒน์พูดก่อนจะวางสายด้วยรู้นิสัยอีกคนดีว่าไม่ชอบพูดมากแต่คำไหนคำนั้น
ก๊อก.. ก๊อก.. ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากที่ภาสวางสายจากศิวัฒน์ พรรษาเดินเข้ามาในห้องทำงานของพี่ชายพร้อมกับเอกสารในมือที่ตั้งใจจะมาขอคำปรึกษา
"พี่ภาสคะษามีเรื่องปรึกษาค่ะ" สาวสวยที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเจ้าของห้องเดินเข้ามาพร้อมเอกสารที่ถืออยู่ในมือก่อนจะนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานของคนเป็นพี่
"มีอะไรว่ามา" สายตาคมเหลือบมองน้องสาวของตนเพียงเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจเอกสารบนโต๊ะดังเดิมแต่ยังคงตั้งใจฟังในสิ่งที่น้องสาวกำลังจะพูด
"ษากำลังคิดว่าจะออกคอลเลคชั่นเครื่องเพชรใหม่ช่วงฤดูร้อนแต่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเอาแบบเป็นเซทหรือแบบแยกชิ้นดีน่ะค่ะ'' พรรษาหอบความไม่แน่ใจในงานที่เธอรับผิดชอบมาขอคำปรึกษาพี่ใหญ่ของบ้าน ใบหน้าสวยออกอาการไม่แน่ใจในสิ่งที่จะทำอย่างเปิดเผย
"อยากเจาะลูกค้ากลุ่มไหนละรอบนี้" ภาสเอ่ยถามคนเป็นน้องสาวโดยไม่เงยหน้ามองผู้มาเยือนและยังคงนั่งเซ็นเอกสารบนโต๊ะไปด้วย
" ษาอยากเจาะทุกกลุ่มเลยค่ะ แต่ยังลังเลว่าถ้าทำแบบเป็นเซทออกมาจะเจาะกลุ่มคนทำงานยากเพราะราคาสูง แต่ถ้าจะตัดแบบเซทออกแล้วทำแต่เพียงรายชิ้นก็กลัวว่าลูกค้ากระเป๋าหนักจะอยากได้เป็นเซทอีก"
"ษาก็ทำแบบเซทที่เป็นตัวโชว์ขึ้นมาสักสิบเซท แล้วหน้า ช้อปก็ให้พนักงานแนะนำลูกค้าว่าเขาสามารถเลือกแบบมาผสมกันได้ตามสไตล์ของเขาเองเพื่อให้เป็นเซทที่เขาถูกใจแล้วค่อยสั่งทำตามความต้องการของเขา ลูกค้าจะได้เซทที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกเพราะเป็นโชว์ จะไม่มีการผลิตเพิ่มสำหรับเซทนั้น ๆ แล้วเราก็ไปเน้นผลิตและขายแบบรายชิ้นอย่างเช่นแหวน ต่างหู กำไล ที่สามารถเข้าถึงคนทำงานได้หลากหลาย ส่วนจะผลิตอย่างละเท่าไหร่อันนั้นษาคงจะมีข้อมูลดีใช่ไหม" ผู้เป็นพี่ชายคนโตให้คำแนะนำน้องสาวในการวางแผนงานที่คนเป็นน้องรับผิดชอบอย่างละเอียดเพื่อให้น้องสาวมองเห็นภาพในสิ่งที่ตนพูด
"จริง ๆ ษาก็คิดเหมือนที่พี่ภาศบอกแต่ษาแค่ไม่มั่นใจว่ามันจะดีหรือเปล่า แต่ฟังที่พี่ภาสพูดมาแสดงว่าสิ่งที่ษาคิดถูกแล้วขอบคุณพี่ภาสมากๆ ถ้าอย่างนั้นษาขอตัวไปเตรียมประชุมกับฝ่ายออกแบบพรุ่งนี้ก่อนนะคะ จะได้เริ่มวางแผนงานกัน" พูดจบร่างระหงของพรรษาก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกจากห้องทำงานของคนเป็นพี่ ก่อนที่จะได้ยินเสียงของพี่ชายดังมาตามหลัง
"ฝากบอกป้าหม่อนด้วยเย็นนี้ไม่ต้องตั้งโต๊ะเผื่อ" ภาสเอ่ยขึ้นก่อนที่น้องสาวของตนจะเดินพ้นประตูห้องออกไป พรรษาที่กำลังจะเปิดประตูหันมามองพี่ชายยิ้ม ๆ เพราะถ้าหากว่าภาสบอกแบบนี้แสดงว่ามีนัด
"โอเคค่ะษาไปนะคะ” ‘
“อืม ฝากเรียกวศินให้เข้ามาหาด้วย” รอยยิ้มที่เหมือนรู้ทันของน้องสาวทำให้ภาษต้องตีหน้าขรึมกลบเกลื่อนก่อนจะบอกน้องสาวให้เรียกเลขาของตนให้มาพบ
"ครับนาย" ท่าทางนอบน้อมและเสียงของเลขาหนุ่มที่กำลังยืนรอคำสั่งจากคนเป็นนายเรียกให้ภาสเงยหน้าขึ้นมามอง
"เอกสารตรงนั้นผมเซ็นแล้ววันนี้ผมจะออกไปก่อนสักครึ่งชั่วโมงนะมีอะไรก็ไว้พรุ่งนี้"
เสียงทรงอำนาจสั่งงานเลขาคนสนิทเพราะคิดว่าจะออกจากบริษัทก่อนเวลาปกติ เนื่องจากวันนี้เป็นสุดสัปดาห์ ช่วงเลิกงานรถจะติดมากภาสจึงอยากกลับไปอาบน้ำและพักผ่อนสักนิดก่อนจะออกไปสมทบกับศิวัฒน์และทามทัศน์ในคืนนี้
''ได้ครับให้ผมแจ้งคนขับรถเลยนะครับว่านายกำลังจะลงไป"
"ไม่ต้องเดี๋ยววันนี้ผมกลับเอง" พูดจบก็เดินออกไปยังชั้นจอดรถผู้บริหาร รถหรูสัญชาติยุโรปรุ่นล่าสุดถูกผู้เป็นเจ้าของขับมุ่งหน้าตรงไปยังคอนโดหรูส่วนตัวติดริมน้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นโครงการล่าสุดของตนเอง
ผับหรูของทามทัศน์ ห้องวีไอพี
ทามทัศน์และศิวัฒน์กำลังนั่งดื่มและพูดคุยหัวเราะด้วยท่าทีผ่อนคลายในห้องวีไอพีส่วนตัว
กริ๊ก!!!
เสียงเปิดประตูพร้อมร่างสูงสมส่วนใบหน้าคมที่หน้านิ่งเป็นเอกลักษณ์ของภาส เดินเข้าห้องมาสมทบกับทามทัศน์และศิวัฒน์ สายตาทั้งสี่คู่ของผู้ที่นั่งอยู่ก่อนแล้วมองผู้มาใหม่ด้วยความรู้สึกไม่ต่างกัน
ภาสแต่งกายด้วยกางเกงสแล็คสีครีมเสื้อเชิ๊ตลำลองสีฟ้าอ่อนพอดีตัวที่ถูกพับแขนขึ้นพองาม รองเท้าหนังสีน้ำตาลราคาแพงที่สวมอยู่ดูเข้ากับกางเกงที่ชายหนุ่มสวมใส่ ผมถูกจัดเก็บไว้เป็นทรงเรียบมองยังไงก็ดูเพอร์เฟคแบบฟ้าลำเอียง ขนาดผู้ชายด้วยกันเองยังตะลึงในความสมบูรณ์แบบ ภาสเดินมาหย่อนสะโพกหนาลงโซฟาตัวใหญ่ที่ยังว่างอยู่ด้วยความคุ้นเคย
