ชั่งใจ ครั้งที่ 2: อาจารย์ฝึกสอน [2/1]
“ระ...เราชื่อธารใจใช่มั้ย” ผมถามอีกครั้งเมื่อเด็กนั่นไม่พูดอะไรสักคำ
เด็กนั่นก็ยังไม่ตอบอยู่ดีนั่นแหละ ยืนขึ้น สะบัดคอสองสามทีแล้วเดินมาที่หน้าชั้น ผมสะดุ้งเล็กน้อย ในใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ แล้วว่ามันจะเข้ามาต่อยผมโทษฐานที่ปลุกมันหรือเปล่า หากทว่าพอมันเดินมาถึงที่ผมยืนอยู่ มันก็พูดขึ้นมาเสียงเรียบ
“ปัญญาอ่อน นี่ไม่ใช่โรงเรียนประถมนะ’จารย์ มาให้แนะนำตัวอยู่ได้”
ก็ถ้าพวกมึงไม่ทำให้กูระแวงว่าจะรุมกระทืบกูเข้าสักวัน กูก็ไม่ทำตัวปัญญาอ่อนกับพวกมึงหรอกเว้ย!
ผมยิ้มแห้งขึ้นมาอีก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรด้วย เด็กนั่นก็ละสายตาจากผม ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
ทว่า... ก่อนเริ่มคลาส พี่สมรบอกไว้ว่าถ้าผมคุมเด็กไม่ได้ เธอจะเอาไปบอกอาจารย์แล้วจะไม่ให้ผมผ่านประเมินฝึกงาน ถึงจะรู้ว่ามันเป็นการขู่ไม่ให้ผมงอแงกับการฝึกงาน แต่ผมก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามเพราะต้องการเรียนจบพร้อมเพื่อน
เท่านั้น ผมก็รีบตรงเข้าไปจะคว้าไหล่เด็กนั่น
“เดี๋ยวครับน้อง จะไปไหน...”
แต่เหมือนเด็กนั่นจะรู้ทันว่าผมจะจับตัว มันก็หันมาคว้ามือผมที่อยู่ในอากาศเสียก่อน ก็เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่ในสภาพถูกจับข้อมือเอาไว้
“จะไปเข้าห้องน้ำ ตามไปด้วยมั้ย” แล้วก็ตอบกลับมา
ส่วนผมก็นิ่งค้างไปเลยทันทีที่สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากฝ่ามือนุ่มนั้น
มะ...มือนุ้มนุ่ม... หน้าก็หล่อ มือยังนุ่มอีก เด็กหนุ่มนี่มันดีจริงๆ ด้วยแฮะ แล้วเมื่อกี้ชวนไปห้องน้ำด้วย อืม...ไปด้วยดีมั้ยนะเผื่อได้เผื่อโดน
เดี๋ยว! ไม่ใช่ เรียกสติกลับมาเดี๋ยวนี้ไอ้เหนือ นี่ไม่ใช่เวลามาอ้อยเด็ก!
“มะ...ไม่เป็นไรครับ รีบไปรีบมาแล้วกันนะ”
สุดท้ายผมเลยเป็นฝ่ายดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุม ธารใจหรือธารมองหน้าผมอย่างรำคาญอีกเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาเพื่อนๆ ที่มองตาไม่กะพริบเหมือนกัน และเพียงเสี้ยววินาที ผมก็ถูกเรียกความสนใจไปอีกครั้งเมื่อใครบางคนพูดขึ้น
“ธารนี่จะใด ก็บอกอยู่ลิ้นยังบ่ตันเข้าปากว่าอ้ายเหนือเป็นเนื้อกู้ของเปิ้ล ยังจะมาหยุบๆ ซวามๆ อ้ายเหนือแฮ๋มอยู่ บะเป็นหยังเน้อเจ้าอ้ายเหนือ ไว้ข้าเจ้าจะล้างมลมินหื่อเองเจ้า ตั๋วอ้ายเหนือจะได้สะอาดๆ บะมีกลิ่นหมู่ลึกหลึนติด จะซ่วยอ้ายกุซอกกุมุมเลยเจ้า (ธารนี่ยังไงนะ ก็บอกอยู่แหม็บๆ ว่าพี่เหนือเป็นเนื้อคู่ของเค้า ยังจะมาแต๊ะอั๋งพี่เหนืออีก ไม่เป็นไรนะคะพี่เหนือ ไว้หนูจะล้างมลทินให้เองนะคะ ตัวพี่เหนือจะได้สะอาดๆ ไม่มีกลิ่นนักเลงติด จะล้างให้พี่เหนือทุกซอกทุกมุมเลยค่ะ)”
พูดจบก็ทำท่ากัดปากประหนึ่งว่าเซ็กซี่เต็มประดาออกมา ส่งสายตายั่วยวนมาให้ผมอีก
“ซ่ายกับปาก ซวกกระชากกับลิ้น (ล้างด้วยปาก กระชากด้วยลิ้น)”
มึงก็ลองมาล้างกูด้วยปากกับลิ้นดูสิ กูจะเอามีดพร้าฟันฉับเลย!
เด็กคนอื่นๆ หัวเราะกันเสียงขรมที่ผมถูกนักเรียนตัวเองตอดนิดตอดหน่อยไม่เลิก ส่วนผมก็หัวเราะแห้งๆ ก้มหน้าลงดูใบรายชื่อ ทำราวกับว่าไม่ถือสา แต่มือนี่กำกระดาษแน่นมาก
แม่ง... ขนลุกไปทุกซอกหลืบแล้วขอบอก!
แต่ในสายตาน้องมายด์ที่เห็นผมก้มหน้าสะกดอารมณ์ มันดันเห็นว่าผมอายซะอย่างนั้น ก่อนจะพูดขึ้นมาอีก
“อายต้วย น่าฮักแต๊ (เขินด้วย น่ารักจัง)”
อายต้วยป้อคิงหยัง! ไม่ได้อายเว้ย กูเก็บอารมณ์ไม่ให้วิ่งไปศอกหน้ามึงอยู่เนี่ย!
“งั้นมาขานชื่อกันต่อนะครับ” ผมเหลือบไปมองตัวหนังสือบนกระดาษ ก่อนจะขานชื่อออกมา “โรมครับ”
“มาครับ”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นมาพอดี ไม่ได้บอกชื่อเล่นและไม่ได้มาจากในห้อง มาจากตรงหน้าประตูที่ถูกเปิดมาเมื่อกี้ พอหันไปมองก็เห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงพอๆ กับธาร ที่แขนขวาถูกพันด้วยเฝือกอ่อนและห้อยคออยู่ มืออีกข้างก็ยกขึ้นสูงเป็นเชิงบอกว่านั่นเป็นชื่อของตัวเอง แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมสนใจได้เท่ากับใบหน้าฟกช้ำเล็กน้อยที่ดูหล่อเหลาและยียวนในครั้งเดียว ผมมองแล้วก็นิ่งค้างไป
หืม... เด็กนี่ก็สเป็คไอ้เหนือเหมือนกันเลยแฮะ ทุ่งดอกไม้บาน ทุกอย่างดูสดใสขึ้นทันตา
ทว่าก็สดใสได้ครู่เดียวเท่านั้นแหละเมื่อน้องมายด์โพล่งเสียงวี้ดว้ายขึ้นมา
“ต๋ายแล้ว ผัวหลวงมา อ้ายเหนือเจ้า น้องขอสู่มาต้วยเน้อ ไว้ผัวเผลอแล้วก่อยปะกั๋น (ตายแล้ว ผัวหลวงมา พี่เหนือขา หนูขอโทษนะคะ ไว้ผัวเผลอแล้วเจอกันนะ)”
อีน้องมายด์! อีเมียสาธารณะ! มึงจะไปขุดหลุมฝังตัวเองที่ไหนก็ไป! แล้วนี่ไปตู่ว่าเป็นเมียเขา เขาตกลงกับมึงหรือยัง!?
ตกลงหรือไม่ตกลงก็ไม่รู้ แค่โรมหันหน้าไปยิ้มให้ ตุ๊ดบัวขาวก็ลุกจากเก้าอี้ วิ่งแรดๆ มาเกาะแขนล่ำๆ นั่นแล้ว
“โรมเจ้า ผัวของมายด์ กี๊ดเติงหาขนาด (โรมจ๋า ผัวของมายด์ คิดถึ้ง คิดถึง)”
เด็กที่ชื่อโรมหัวเราะร่วน ก่อนจะผลักหัวเด็กผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองซึ่งเอามาแนบอยู่ข้างแขนออก พลางพูด
“ไอ้ไม้ พูดแบบปกติ กูฟังไม่ออก”
เออ ผมก็อยากจะบอกแบบนี้เหมือนกัน ฟังออกบ้าง ไม่ออกบ้างมานานละ ใช้สกิลเดาศัพท์จนสมองจะเป็นอัมพาตอยู่แล้ว
น้องมายด์ทำท่ากระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย แล้วก็ว่าออกมาเป็นภาษาไทยกลาง
“โรมนี่ไม่เข้าใจสาวเหนือเลย แล้วนี่เรียกไม้ อยากโดนจูบปากแตกใช่มั้ย”
เมื่อวานนี้มีคนเรียกว่าไม้ จะต่อยอีกฝ่ายปากแตก แต่พอโดนคนหล่อเรียกหน่อย จะจูบปากแตก มึงนี่มันแรดจริงๆ
“แล้วนี่ใคร” เด็กที่ชื่อโรมชี้นิ้วมาทางผม มองหน้าเพื่อนที่ลวนลามตัวเองไม่เลิกเป็นเชิงถามด้วย ผมก็เลยได้โอกาสแนะนำตัวเองแทน
“พี่เหนือครับ เป็นอาจารย์ฝึกสอนน่ะ น้องชื่อโรมใช่มั้ย”
อีกฝ่ายพยักหน้า ยิ้มให้ผมเป็นคำตอบ พลันพูดขึ้นมาเมื่อผมก้มหน้าจดชื่อเล่นลงในใบรายชื่อ
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ทันได้ตามข่าว มัวแต่ไปนอนเล่นอยู่ในโรง’บาล” ผมหันไปมองโรมทันที โรมยกแขนข้างที่ใส่เฝือกขึ้นเป็นการประกอบคำพูด “โดนเทคนิคอีกที่นึงเอาไม้หน้าสามฟาดมาน่ะ”
ผมยิ้มแหย เดาได้ทันทีว่าที่โดนฟาดก็คงเป็นเพราะทะเลาะกันนี่แหละ
เด็กพวกนี้น่ากลัวกันจริงๆ เลยแฮะ
แต่น้องมายด์ก็ทำให้ความขลาดกลัวของผมหายไปเมื่อน้องนางส่งเสียงแหลมๆ ขึ้น
“ทำใจหน่อยนะผัวจ๋า มีเมียสวยก็งี้ ต้องทะเลาะกับชายหนุ่มคนอื่นแย่งมายด์แบบนี้บ่อยๆ แหละ”
โถ...อีน้องมายด์! ให้มึงฟรีๆ แถมรถ แถมบ้าน กูยังคงคิดแล้วคิดอีกเลย!
โรมไม่ได้ว่าอะไร เอาแต่หัวเราะผสมโรงกับเพื่อนคนอื่นๆ ให้คำพูดของน้องมายด์ ผมก็เลยยุติความมโนเพ้อพกของน้องชายบัวขาวนี่ด้วยการโบกมือไล่ให้ไปนั่งที่แทน
“งั้นก็หาที่นั่งเลยครับ พี่จะได้ขานชื่อต่อนะ”
โรมตรงไปนั่งแทนที่ธาร ทักทายกับจอมแก่นเล็กน้อย ก่อนจอมแก่นจะถูกน้องมายด์ไล่ให้ไปนั่งที่ตัวเองในตอนแรกเพื่อที่จะได้นั่งข้างโรม
เห็นแล้วผมก็แอบขำไม่ได้
ความจริงแล้วเด็กช่างก็ไม่ได้น่ากลัวมากอย่างที่คิดแฮะ ก็เด็กวัยรุ่นอายุสิบแปดทั่วๆ ไปนี่แหละ ผมก็กังวลเรื่อยเปื่อยไปได้ บ้าจริงๆ
ไม่ได้น่ากลัว... ใช่ ไม่ได้น่ากลัว แต่มีความสามารถในการดูดวิญญาณผมมากกว่าเด็กสิบแปดที่เรียนสายสามัญ พวกนี้นี่เอะอะอะไรก็โวยวาย เอะอะอะไรก็ท้าต่อย ตลอดการสอนของผมเลยมีเด็กตะโกนด่าพ่อล่อแม่กันนับครั้งไม่ถ้วน ท้าต่อยกันนับครั้งไม่ถ้วนด้วย ดีที่มันไม่ต่อยกันจริงๆ ผมเลยไม่ต้องขวัญหนีดีฝ่ออย่างเมื่อวานอีก
ที่ไม่ต่อยกันจริงๆ คงเป็นเพราะหัวโจกอย่างธารไม่อยู่ล่ะมั้ง เพราะหมอนั่นออกไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ไม่กลับเข้ามาอีกเลย
คงจะตกส้วมตายไปแล้ว...
แต่การคาดเดาของผมผิดพลาด พอผมสอนเสร็จ เดินมาเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างมือ ก็เห็นเด็กนั่นนั่งอยู่บนขอบอ่างล้างมือ พ่นควันบุหรี่ปุ๋ยๆ หน้าตาเฉยอยู่ ทันทีที่สายตาเหลือบมาเห็นผม เด็กนั่นก็กลอกตาแล้วหันหนีไปทางอื่นด้วยท่าทางกวนประสาทสุดฤทธิ์
ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าเด็กนี่มันเข้าถึงยากแปลกๆ ไม่เหมือนคนอื่นในชั้นปีเลย พวกนั้นถึงจะดูเกเรแต่ก็ยังคุยง่าย แต่ไอ้หมอนี่... แม่งเมินผมตั้งแต่ตอนที่ขานชื่อมัน ตอนนี้ก็ยังเมิน เห็นผมแล้วก็ไม่พูดไม่จา ทิ้งตัวลงมายืนดูดบุหรี่ต่อ ทำท่าจะเดินเข้าไปในห้องสุขาเพื่อจะทิ้งก้นกรองบุหรี่แล้วกดชักโครกลงไป เห็นอย่างนั้นแล้วผมก็หงุดหงิดขึ้นมา
ถึงจะกลัวแต่ก็หงุดหงิดอะ เด็กบ้าอะไร ไม่ได้มีความเคารพครูบาอาจารย์เลย
“ทำไมธารไม่กลับเข้าห้องเรียนครับ พี่เหนือบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รีบไปรีบมา” ผมก็เลยทักขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรสุดๆ
ธารไม่สนใจอีกอยู่ดี อัดบุหรี่ฟืดสุดท้ายเข้าปอด ทิ้งบุหรี่ลงชักโครก กดลงไป แล้วหมุนตัวจะเดินกลับออกจากห้องน้ำ ผมก็เลยเข้าไปคว้าไหล่เด็กนั่นไว้
“น้องธารครับ”
เพียะ!
ธารปัดมือผมออกเต็มแรง ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าผมด้วย
“เป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน อย่ามาสั่ง” ตามมาด้วยส่งสายตากินเลือดกินเนื้อมา
เห็นแล้วผมก็ไม่อยากจะยุ่งขึ้นมา ถึงจะหน้าตาดีแค่ไหน แต่ทำตัวเป็นหมาบ้าคอยจะแง่งผมตลอดเวลาอย่างนี้ ผมก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยหรอก ยิ่งพี่สมรบอกว่าของขึ้นง่าย ผมก็ยิ่งไม่อยากจะยุ่งเข้าไปใหญ่ ปล่อยมันไปตามยถากรรมแม่ง
“โอเค งั้นคาบต่อไปก็เข้าเรียนซะนะครับ” ผมพูดได้เท่านี้
พูดยังไม่ทันจะจบประโยคด้วยซ้ำ ธารก็เดินออกจากห้องน้ำไปแล้ว ทิ้งให้ผมยืนมองไล่หลังแล้วก็บุ้ยปากใส่แทน
ผมกลับเข้ามาในห้องพักครูอีกครั้ง พี่สมรเห็นหน้าผมก็ละสายตาจากจอโน้ตบุ๊กขึ้นทักทันที
“เป็นไงบ้างคะน้องเหนือ สอนคาบแรกเป็นไปได้ดีมั้ย”
“ดีครับ เด็กๆ ให้ความร่วมมือดี” ยกเว้นไอ้เด็กบ้าที่ชื่อธารนะ มันไม่เข้าเรียนเลยเถอะ แต่ผมไม่ฟ้องพี่สมรหรอก เดี๋ยวจะมีปัญหาแล้วมันจะคิดว่าผมเอาไปฟ้อง มาดักตีผมตอนเผลออีก
“งั้นก็ดีแล้วจ้า เห็นมั้ยว่าพี่บอกแล้วว่าเด็กๆ น่ารัก” พี่สมรก็ดูโล่งใจที่ผมไม่มีปัญหาอะไร
ทว่าพอผมตรงมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเธอด้วยท่าทางเหนื่อยล้า เธอก็ทำจมูกฟุดฟิดขึ้นมา ก่อนจะจ้องหน้าผมเขม็ง
“น้องเหนือดูดบุหรี่ด้วยเหรอ”
ผมชะงัก มองหน้าเธอพลันตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
“ผมไม่ได้ดูดครับ คนอื่นดูดแน่ะ”
“ใครดูด นักศึกษาใช่มั้ย” เธอถามอีก ตอนนี้เองที่ผมสังเกตเห็นว่าใบหน้าใจดีของเธอเริ่มดูบึ้งตึงขึ้นมาแล้ว
ผมก็เดาได้อีกเหมือนกันว่าการดูดบุหรี่ในโรงเรียนเป็นเรื่องที่ผิดกฎ ถึงจะเป็นโรงเรียนช่างก็เถอะ แต่ก็คงจะมีกฎไม่อนุญาตให้นักศึกษาสูบบุหรี่เหมือนกับโรงเรียนสายสามัญทั่วๆ ไปเหมือนกัน แต่จะให้ผมบอกว่าธารดูด เดี๋ยวมันรู้ว่าผมฟ้อง มันก็มาดักทุบหัวผมอีก ผมเลยแสร้งทำเป็นไม่รู้ไป
“ผมไม่รู้จักเหมือนกันครับ ไม่เคยเห็นหน้า”
พี่สมรทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ลุกจากเก้าอี้มาหยุดตรงหน้าผม ก้มลงดมใกล้คอเสื้อผมเล็กน้อย
“กลิ่นบุหรี่ยี่ห้อนี้มี ชั้นปีสามมีแค่คนเดียวที่ดูด บุหรี่นอก กลิ่นวนิลา ของธารแน่ๆ รายนั้นดูดอยู่ยี่ห้อเดียว”
วะ...เวรแล้ว รู้ได้ไงวะ!
“แสดงว่านี่คงจะโดดเรียนคาบน้องเหนือไปนั่งดูดบุหรี่ด้วยล่ะสิ” พี่สมรพูดขึ้นมาอย่างรู้ทันขณะที่ผมยังคงอึ้งกับความจมูกดีของเธออยู่
ผมรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ทว่าด้วยความที่โดนถามแบบกะชั้นชิด ผมเลยไม่ทันได้ตั้งสติ เผลอบอกความจริงบางอย่างไปขณะที่โกหกด้วย
“มะ...ไม่ใช่ครับ แค่ไปดูดบุหรี่เฉยๆ แต่ไม่ได้โดดเรียน...อ๊ะ”
สีหน้าพี่สมรถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะว่าขึ้นมา
“ดูดบุหรี่จริงๆ ด้วยสินะ ไอ้เด็กคนนี้ คงต้องปรามกันหน่อยแล้ว” พูดจบก็เดินดิ่งไปนอกห้องทันที ทำเอาผมที่เพิ่งจะโกหกพลาดไปเมื่อครู่มองตามอย่างตกใจ
ดะ...เดี๋ยวสิป้า ถ้าป้าไปปรามมัน มันก็ต้องรู้น่ะสิว่าคนที่ทำมันโดนป้าเฉ่งเป็นผม คิดถึงสวัสดิภาพของผมด้วยสิเว้ย!
“เดี๋ยวครับพี่สมร!” ผมไม่รอช้า รีบวิ่งตามหลังหญิงวัยกลางคนมาทันที
ระหว่างทางที่พี่สมรเดินขึ้นไปที่ห้องเรียนถัดไปของเด็กปีสาม ผมก็กรอกหูเธอไปด้วยว่าไม่เป็นไร เด็กวัยรุ่นก็งี้อะไรเทือกนี้ แต่พี่สมรฟังมั้ย? ไม่! ไม่ฟังไม่พอ ยังหันมาดุผมที่เข้าข้างเด็กด้วย
บอกเลยว่าไม่ได้อยากจะเข้าข้าง แต่คือกูกลัวมัน ไม่เข้าข้าง เดี๋ยวมันก็มากระทืบกูข้อหาขี้ฟ้องหรอก!
พี่สมรกับผมมาหยุดยืนที่หน้าห้องหมวดคณิตศาสตร์ ก่อนที่เธอจะขออนุญาตอาจารย์ที่ทำการสอนอยู่ เดินตรงดิ่งมาหาธารที่นอนฟุบหน้าลงบนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนจะจัดการกระชากคอเสื้อเต็มแรง
“เฮ้ย! อะไรวะ!” ธารที่หลับๆ อยู่ร้องลั่นทันควัน ลุกขึ้นยืน ง้างหมัดเตรียมต่อยด้วย พอเห็นว่าเป็นพี่สมรก็ลดมือลง “ป้าหมอนนี่เอง มีอะไรถึงได้มาถึงที่นี่เนี่ย”
ตามมาด้วยการเรียกพี่สมรอย่างนั้น ได้ยินธารเรียกสองครั้งแล้ว คงจะเป็นฉายาของพี่สมรที่นักศึกษาตั้งให้ล่ะมั้ง ตอนสมัยผมเรียนมัธยม ผมก็มีตั้งฉายาให้อาจารย์เหมือนกัน
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการที่พี่สมรตั้งหน้าตั้งตาดมเสื้อช็อปของธาร ดมได้พักหนึ่งก็ละใบหน้าออกมา
“ดูดบุหรี่จริงๆ ด้วย จะต้องให้โดนทัณฑ์บนอีกกี่ครั้ง เธอถึงจะเลิกดูดบุหรี่ในโรงเรียนฮะเจ้าธาร!”
“ใครไปฟ้องป้าเนี่ย” หัวคิ้วของธารย่นยู่ไปทันที มองพี่สมรอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเหลือบมามองยังผม “ไอ้เวรนั่นสินะ”
โอเค ตอนนี้ผมได้ฉายาเหมือนพี่สมรละ ฉายาว่า ‘ไอ้เวร’ แม่ง... มีใครตั้งฉายาให้อาจารย์แบบนี้บ้างวะ มันไม่สุภาพนะเว้ย!
สิ้นเสียง พี่สมรก็จัดการดีดหูเด็กนั่นทันที
“มาเรียกอาจารย์ว่าไอ้เวรนั่นได้ยังไง เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจะโดน ให้ความเคารพอาจารย์เหนือด้วย”
“ก็แค่อาจารย์ฝึกสอนนี่ป้า ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไม่ใช่อาจารย์จริงๆ ซะหน่อย อายุก็ห่างกันไม่กี่ปีด้วย จะเอาอะไรนักหนา!”
“จะเป็นแค่อาจารย์ฝึกสอน เธอก็ต้องให้ความเคารพ แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าป้าหมอนๆ สักที อาจารย์สมรน่ะเรียกเป็นมั้ย” พี่สมรเปลี่ยนจากดีดหูมาเป็นดึงหูแทนละ
“โอ๊ยๆ เจ็บๆ ทำอะไรของป้าเนี่ย!” ธารร้องโอดโอย ตัวสูงๆ ย่อต่ำลงตามแรงดึง ก่อนจะถูกป้าหมอนตีไหล่ไปอีกที
“บอกให้เรียกว่าอาจารย์ เธอนี่มันจริงๆ เลยนะธาร มานี่เลยมา ไปที่ห้องฝ่ายปกครองเลย สงสัยครั้งนี้คงจะต้องเรียกพ่อเธอมารับทราบวีรกรรมลูกชายตั้งแต่ต้นเทอมซะแล้วมั้ง”
พูดอย่างเดียวไม่พอ พี่สมรดึงหู ลากธารออกมาจากห้องท่ามกลางสายตาเพื่อนร่วมชั้นด้วย มีหันไปขอโทษอาจารย์ประจำวิชาหน่อยที่เข้ามารบกวน พอออกมาจากห้องถึงได้ปล่อยมือออก แล้วร้องสั่งเสียงเขียว
“ตามมาให้ไวเลย ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยเธอแล้ว ใจดีเกินไปทีไร ได้ใจทุกที”
ธารพ่นลมหายใจยาว กลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนสายตาจะมาปะทะเข้ากับผมที่ยืนหน้าแห้งอยู่ เท่านั้นหมอนั่นก็แยกเขี้ยวใส่ พร้อมกับส่งเสียงต่ำทันที
“อย่าได้หวังจะฝึกสอนที่นี่ได้ราบรื่นเชียว”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อกแทบจะในทันใด
นี่ไง ผมถึงต้องโกหกเพื่อเข้าข้างหมอนี่ก็เพราะแบบนี้นี่ไง!
แต่ขู่ได้ประโยคเดียว พี่สมรก็พุ่งเข้ามาตีธารอีก ก่อนจะลากแขนเด็กนั่นให้เดินตามไป
“ไม่ต้องไปขู่อาจารย์เลย เขาไม่กลัวเธอหรอก ไปได้แล้ว อย่าเสียเวลา”
ธารเดินตามพี่สมรไปอย่างว่าง่าย ทว่าก็ไม่วายหันมามองหน้ามอง ส่งสายตาอาฆาตมาให้พร้อมกับใช้มือข้างที่ว่างอยู่ทำท่าปาดคอตัวเอง ขยับปากเล็กน้อยพอให้จับใจความได้
‘ตาย’
แล้วก็เดินหายไปที่หัวมุมบันได ทิ้งให้ผมยืนค้างอยู่ตรงนั้นราวกับถูกผีหลอกมา
กะ...กูว่ากูสมควรกลับกรุงเทพฯ กลับวันนี้เลยได้ยิ่งดี! อยู่ต่อนี่กูตายแน่ๆ ไม่ต้องฝึกมันแล้วงงงานแล้ว กลับด่วนๆ!
