ตอนที่ 3 วิวาห์ฟ้าแลบ
2 วันต่อมา
กานดาเลขาส่วนตัวเข้ามารายงานรายละเอียดงานต่าง ๆ ของวันนี้ ซึ่งวันนี้ทั้งวันเขามีภารกิจสำคัญที่ต้องไปทำตามคำสั่งผู้เป็นแม่ คือ การลองชุดแต่งงานนั้นเอง
“ผมจำได้ว่าเรามีประชุมก่อนไม่ใช่เหรอ”
“คุณนิราจัดการเลื่อนเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณน่านต้องไปลองชุดแต่งงานอีกครึ่งชั่วโมงค่ะ”
น่านนทีส่ายหน้าทันที หวังว่าแต่งให้จบ ๆ แม่เขาจะไม่มาวุ่นวายกับเขาอีกนะ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ทำลายความคิดเซ็ง ๆ ของเขาและคนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ที่บังคับ บงการเขานั้นแหละ
“ครับแม่”
(ออกมาได้แล้ว อย่าเลต)
“...” เขาถึงกับกลอกตาไปมา แค่รับสายก็เริ่มสั่งซะแล้ว
(น่านต้องไปรับหนูณินด้วยนะลูก อย่าให้หนูณินรอนานล่ะ)
“ไปรับ?”
(ใช่สิ แม่โทรไปบอกน้องแล้วว่าให้รอแกที่ทำงานได้เลย เดี๋ยวแกจะวนไปรับ)
“ไปเจอกันที่ร้านไม่ดีกว่าเหรอครับ วนรถไปมามันเสียเวลา”
(นั่นเจ้าสาวแกนะ ตาน่าน!! จะมาเลี้ยงด้วยลำแข้ง ให้ดูแลตัวเองไม่ได้นะ ปกติแกก็สุภาพบุรุษจะตายไม่ใช่เหรอ แค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้)
“เปล่าครับ แค่เสนอว่าทางไปร้านมันคนละทางกัน ถ้าต่างคนต่างไปน่าจะสะดวกกว่า...” ซึ่งร้านชุดแต่งงานจะอยู่ฝั่งเดียวกับบริษัทเขา ส่วนบริษัทณินทิราจะอยู่ไกลกว่า ถ้าวนไปมา เสียเวลาบนท้องถนนไร้ประโยชน์เปล่า ๆ
(ไม่ได้!!) ปลายสายเสียงเริ่มแข็ง
“งั้นก็ให้น้องณินนั่งรถมาลงหน้าบริษัทผม เดี๋ยวผมรอไปพร้อมกัน”
(ไม่ได้!!) เหมือนเดิม ไม่ถูกใจคุณนิราเหมือนเดิม
“โอเคครับ ผมจะวนไปรับน้องไปร้านเองครับ” จากนั้นก็ได้ยินเสียงพออกพอใจตอบกลับมา
ทว่า...พอวางสายน่านนทีก็จัดการส่งข้อความหาว่าที่เจ้าสาว
‘ไปเจอกันที่ร้านนะครับ...’
‘...อย่าเพิ่งเข้าไปนะ รอพี่หน้าร้านก่อน’
ในที่สุดวิวาห์ฉุกละหุกก็เกิดขึ้น แต่คงมีแค่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเท่านั้นที่เข้าใจว่าฉุกละหุกเพราะทุกอย่างมันขัดแย้งกับบรรยากาศของงาน แขกในงาน ของชำร่วย หรือแม้แต่ชุดแต่งงานที่ไม่มีโอกาสได้เลือก
แต่ทั้งคู่เพิ่งจะรู้ว่าชุดที่สวมใส่ตัดเย็บด้วยช่างระดับประเทศ ซึ่งหมายความว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้เตรียมการทุกอย่างมานานแล้ว ไม่ใช่เดือนสองเดือนอย่างที่เปรย ๆ ออกมา
“ในที่สุดเราก็ได้ดองกัน” คุณนิราเอ่ยกับเพื่อน เตี่ยของณินทิรา ที่เป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็ก ๆ ซึ่งบ้านคุณพร้อมค้าขายทองคำอยู่แถวเยาวราช
“นิรานี่เก่งเนอะ โน้มน้าวให้ตาน่านยอมแต่งได้” คุณพร้อมเอ่ยบ้าง มองบรรยากาศในงานเลี้ยงยามค่ำคืนด้วยอารมณ์สุขใจ คิดหนักอยู่เหมือนกันว่าจะมีอุปสรรคอะไรขัดข้องในพิธีตอนเช้าไหม พอทุกอย่างผ่านมาได้จึงเริ่มวางใจว่าแผนที่เขาและเพื่อนคิดสำเร็จ อย่างน้อยณินทิราก็จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายกับน่านนทีแล้ว
“หึ บอกแล้วว่าฉันต้องได้หนูณินมาเป็นลูกสะใภ้เท่านั้น”
“เจ้าสาวพร้อมแล้วค่ะ” กานดาเข้ามารายงานกับคุณนิราโดยตรง ก่อนจะเริ่มงานเลี้ยงณินทิราก็ปลีกตัวไปแต่งชุดราตรียามค่ำคืน
“แล้วตาน่านนี่ยังไง ไม่รอเจ้าสาวเลย” เพราะตอนนี้น่านนทีเข้ามาในงานแล้ว เห็นวันนั้นวันที่ลองชุดกันก็พูดคุยเข้ากันดี ไปรับไปส่งกันดี แต่ดูเวลานี้สิน่านนทีกลับเดินเข้างานตัวคนเดียวแล้วมายืนคุยกับเพื่อน ๆ อย่างไม่สนใจผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงเลย
“ปล่อยไปเถอะ อย่าซีเรียสมาก” คุณพร้อมตบบ่าเพื่อนอย่างสบาย ๆ ไม่คิดมาก
“ไงวะ วิวาห์ฟ้าแลบเลยนะเพื่อน” เอ็มเพื่อนกลุ่มเดียวกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเข้ามาร่วมยินดี ต่างก็คิดไม่ถึงว่าน่านนทีจะมีวันนี้ ทั้งที่ในกลุ่มเพื่อนแต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้ว
ก็อย่างว่า...คนหล่ออย่างมันมักเลือกมาก แถมยังมีให้เลือกไม่ซ้ำหน้าซะด้วย
“ดีแล้ว มีเบบี๋ไว ๆ นะไอ้น่าน” สิงห์ที่ตอนนี้มีลูกทันใช้นำไปสองคนแล้ว เริ่มคะยั้นคะยอเพื่อนให้มีบ้าง
“หึ วุ่นวาย” คนไม่ชอบเด็กรีบบอก
“มึงไม่ชอบเด็ก แต่ได้เมียเด็กนี่นะ?”
“อ้าวไอ้สิงห์ มันเด็กเหมือนกันที่ไหน เบบี๋เหมือนลูก ๆ มึงเวลาร้องมันหนวกหู แต่เบบี๋เหมือนของไอ้น่าน เวลาร้อง...” เอ็มกำลังแซวทะลึ่งก็ต้องหยุดชะงักเพราะสายตาน่านนทีดูเหมือนจะไม่ชอบใจ “อะไรวะ แค่จะพูดล้อเฉย ๆ”
“แล้วทำไมไม่แนะนำให้เพื่อนรู้จักก่อนเลย” สิงห์รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เดี๋ยวพวกมึงก็รู้จักเอง”
“กับเมียแต่งนี่มึงไม่คิดจะนำเสนอ ทีแฟนเก่านี่กูเห็นภูมิใจนำเสนออย่างแรง” เอ็มนึกถึงสมัยเรียนที่เพื่อนประกาศตัวว่าไม่โสดแล้ว มีแฟนเป็นสาวนิเทศซึ่งสวยระดับตัวท็อปมหาวิทยาลัย
“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสาวของมึงจะไม่ใช่วิว เห็นตอนนั้นก็รักกันดี” รักยาวนานของเพื่อนที่เริ่มต้นตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปีสี่ ระยะเวลาสี่ปี มันเป็นความรักที่หวานแหววมาก แทบจะไม่มีเรื่องงอนง้อกัน แต่อยู่ ๆ เพื่อนของพวกเขาก็ต้องเจอด่านพิสูจน์ความรักด้วยระยะทาง เพราะไม่สามารถตามไปเรียนต่อได้
สามปี...กับความรักทางไกล
สุดท้ายมันไม่เวิร์คมั้ง เลยจบด้วยการที่ต่างคนต่างไป
“เฮ้ย มึงจะพูดถึงคนเก่าทำไม มันก็มีเมียใหม่แล้วไหมล่ะมึง”
เอ็มไม่อยากให้งานเสียบรรยากาศเพราะรู้อยู่ว่า น่านมันก็รักวิวมากแค่ไหน ดูจากสีหน้าตอนนี้สิ ไม่แน่ใจในแววตาเพื่อนเลยว่าลืมรักแรกได้ยัง
“แล้ววิวมีใหม่ยัง?” สิงห์ถามกลับไปใหม่
“ไม่รู้” นั้นคือคำตอบของน่านนที เขาและแฟนเก่าขาดการติดต่อกันมา 5 ปีแล้ว ตั้งแต่เรื่องระหว่างเรามันคาราคาซังด้วยกับคำว่า ‘ห่างกันไปก่อน’ แม้แต่คำว่าเลิกก็ไม่เคยหลุดออกจากปากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
หากมีอีกประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาเลือกที่จะมีความสุขทางกายแทน...
‘ถ้าน่านเจอใครที่ดีกว่าเรา ก็เริ่มใหม่ได้นะ’
หรือนี่มันเป็นประโยคบอกเลิกวะ?!
เพราะหลังจากนั้น วิวก็ตัดขาดกับเขาทุกทาง เปลี่ยนเบอร์ เปลี่ยนที่อยู่ ขาดการติดต่อ ไม่เจอหน้ากันตลอด 5 ปี ทำเหมือนกับว่าเวลา 7 ปีที่คบกันมาไม่มีความหมายสักนิด
