ตอนที่ 2 ว่าที่เจ้าบ่าว
น่านนทีกลับจากบริษัทว่าที่เจ้าสาวก็เข้าบริษัทตัวเองบ้าง จะว่าไปวันนี้เขาไม่ได้คุยหรือถามเรื่องการทำงานของณินทิราเลย ไปถึงก็มุ่งประเด็นสำคัญ แต่เอาเถอะ หลังจากนี้คงมีเรื่องให้แลกเปลี่ยน ยังมีเวลาสำหรับคำถามอื่น
“ไง ว่าที่เจ้าบ่าว มาทำงานหน้าหล่อมาเลย อยากแต่งแล้วอะดิ”
“กูก็หล่อแบบนี้ทุกวัน”
“โว้! เฮียแม่งหลงตัวเอง”
น่านนทีส่ายหน้ากับน้องชายตัวแสบที่ถือวิสาสะเข้ามานั่งในห้องทำงานโดยที่เจ้าของยังไม่อนุญาต แถมยังทำหน้าล้อเลียนกวนประสาทใส่กัน
“เข้ามาห้องกูทำไม” เขาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วสาวเท้าไปนั่งโซฟาอีกตัว ระหว่างที่คุณกานดาเลขาวัยสี่สิบปีนำกาแฟมาเสิร์ฟ
รอกระทั่งประตูปิดสนิทศักดานนท์ก็เข้าเรื่องที่ตั้งใจมากวนพี่ชายต่อทันที
“โอเคปะเฮีย”
“มึงถามหลังจากที่มึงปาระเบิดใส่กูเสร็จเนี่ยนะ”
“โอ้เฮียก็พูดเกินไป น้องณินก็น่ารักดีออก แล้วผมก็ไม่ได้ปาระเบิดอะไรเล้ยยย!” คำแก้ตัวข้าง ๆ ขู่ ๆ ส่อพิรุธชัดเจน
“น่ารักดี งั้นมึงมาแต่งเองไหมล่ะ ไอ้นนท์?”
“ถ้าโสดเนี่ย จะยอมเป็นเจ้าบ่าวแทนเฮียเลย แต่ไม่ทันแล้วเนอะ งั้นเฮียก็เลยทำเลยเถอะ”
“แต่กูไม่ได้รัก” เสียงไม่สบอารมณ์บอกอย่างไม่ปกปิดความรู้สึกใด ๆ คนที่เขามองเป็นน้องสาวมาตลอด ไม่เคยสักนิดเดียวที่จะคิดเป็นอย่างอื่นได้เลย
“เฮียก็ลองเปิดใจดู เฮียไม่ได้มีใครนี่ บางทีอาจจะเข้ากันได้ดีก็ได้นะ”
“แม่จ้างมึงมากี่บาทวะ” น่านนทีเลิกคิ้วถามน้องชาย
“รู้ทัน?” คนรับสินบนเลิกคิ้วถามกลับ
“กูพี่มึงนะ” น่านนทีส่ายหน้าหน่าย ๆ “แม่ให้มึงมายุอะไรบ้าง”
“แม่หวังดีน่ะเฮีย แค่อยากให้เฮียมีความรักดี ๆ กับเขาบ้าง” น้ำเสียงน้องชายพูดอย่างเห็นใจ
“…” เขาเงียบเพราะไม่รู้จะตอบกลับว่าอะไร
“ดูผมสิ เจอความรักดี ๆ โคตรมีความสุข” แล้วศักดานนท์ก็ทำหน้าดีด๊าเกินหน้าเกินตา
“หึ คนเดียวกับที่หมดสภาพตอนเมียทิ้งหรือเปล่าวะ” ได้ที น่านนทีก็สวนกลับทันควันเช่นกัน พวกเขาเป็นพี่น้องที่เล่นแรง ๆ กันได้ตั้งแต่เด็ก ไม่เคยโกรธกัน อย่างมากก็แค่แยกย้ายไปคนละทาง พออารมณ์ดีก็เดินมาคุยกันได้เป็นปกติ
“อ้าวเฮีย อดีตเขาไม่เอามาพูดกัน อย่าหาพูด ไม่งั้นผมฟ้องจริง ๆ นะ”
“เดี๋ยวเจอตีนกูนี่” ว่าแล้วน่านนทีก็ยกขาเตรียมยันฝ่าเท้าใส่น้องชาย
“หยาบคาย เป็นผู้บริหารได้ไง”
“เพราะกูเกิดก่อนมึงไงเลยต้องมารับตำแหน่งทั้งที่ยังไม่พร้อม เลยทำให้...” แล้วคำพูดก็ถูกกลืนหายเงียบไป เมื่อนึกถึงอดีต ตอนเขาเรียนจบปริญญาตรีใหม่ ๆ อะไรที่วางแผนไว้ก็พังไม่เป็นท่า อะไรที่ไม่ได้เตรียมตัวก็ถูกยัดเยียดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แล้วดูอย่างตอนนี้ เขาเป็นถึงผู้บริหารระดับสูง เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคม มีลูกน้องเป็นร้อยกว่าชีวิตที่ต้องรับผิดชอบดูแล ทว่า...กลับต้องถูกบังคับ แม้กระทั่งเจ้าสาวที่จะเคียงข้างในวันสำคัญเขายังไม่มีสิทธิ์เลือกเลย
สรุปแล้วชีวิตเขามีอะไรที่เลือกเองได้บ้าง?!
มือของน้องชายตบบ่าเขาโดยที่สื่อสารความรู้สึกเป็นห่วงอย่างที่เขารับรู้มาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
“เปลี่ยนจากคิดถึงเรื่องที่จบไปแล้ว มาคิดถึงชุดเจ้าบ่าวที่ต้องไปลองดีกว่าไหม”
“มันไม่เคยจบ แล้วจะเริ่มใหม่ได้ยังไง”
“ก็จะจบอีกไม่กี่วันนี่แหละ”
“...” น่านนทีถึงกับพูดไม่ออก ใช่อย่างที่น้องชายกำลังพูด ทุกอย่างกำลังจะจบอีกไม่กี่วัน เขากำลังจะสละโสด ประกาศให้ทุกคนรู้ว่ามีผู้หญิงข้างกายแล้ว
ต่อให้จะไม่มีใครรู้ว่าเธอคือเจ้าสาวตัวปลอม ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาใฝ่ฝันที่จะมีวันนี้ด้วยกัน แต่เรื่องของเขาก็เป็นความลับอยู่ดี
“แล้วสาว ๆ ในสต็อกของเฮีย เคลียร์หมดแล้วใช่ไหม จะไม่มีปัญหาวันงานใช่ปะ?”
“เคยมีปัญหาให้เห็นเหรอ?” เขาย้อนถามเพราะเรื่องนี้ไม่ต้องเก็บมาคิดเลย เขาเป็นประเภทกินเงียบ กินไม่ซ้ำและไม่เคยผูกปิ่นโตเลี้ยงยาว ฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าเร้าหรือแน่นอน
“รู้ แค่เตือนไว้ก่อน ไม่อยากให้งานมีปัญหา”
“มึงกลัวเจ้าบ่าวหนีพิธีน่าจะเข้าท่ากว่านะ”
“งั้นผมก็สบายใจล่ะ” ศักดานนท์เอ่ยจบก็ทิ้งตัวพิงพนักโซฟา ไขว่ห้างกระดิกเท้าด้วยท่าทางสบายใจตามที่พูด
“...?” น่านนทีจึงเลิกคิ้วมองอย่างรอคำอธิบาย
“เฮียไม่มีทางเสี่ยงหนีงานแต่งหรอก ไหนจะญาติผู้ใหญ่ นักข่าว คนรักษาภาพลักษณ์ยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างเฮีย ถ้ารับปากแล้วไม่มีทางกลืนน้ำลายตัวเองหรอก”
“หึ ก็ไม่แน่” น่านนทีพูดไปงั้น ทั้งที่น้องชายพูดมันก็จริงที่เขาไม่กล้าหักหน้าตัวเองด้วยวิธีแบบนั้น แต่จะแอบจดทะเบียนหย่าเงียบ ๆ หลังจากมีข่าวแวดวงคนดังมาแทนงานช้างของเขาต่างหาก
