ช่วยรักฉันทีรุ่นพี่เย็นชา

161.0K · จบแล้ว
Plearn9
95
บท
11.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ฉันชอบพี่ค่ะ เป็นแฟนกับฉันนะคะ" ฉันคิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องพูดคำนี้แบบจริง ๆ จัง ๆ สักทีถึงแม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วก็ตาม แต่ฉันจะรอต่อไปไม่ได้แล้วตอนนี้รุ่นพี่โสดอยู่ขืนช้ากว่านี้จะต้องมีหมามาแย่งรุ่นพี่ไปแน่ "แต่ฉันไม่ได้คิดกับเธอไปถึงขั้นนั้นหรอกนะ แล้วผญ.ที่จืดชืดแบบเธอไม่ใช่สเปกฉันเลย เธอก็รู้ที่ฉันดีกับเธอเพราะเธอ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนสนิทฉัน เธออย่าเสียเวลาเลยดีกว่านะ" ตอนนั้นฉันรู้สึกชาไปทั้งตัว ฉันเห็นเขาเป็นคนค่อนข้างเย็นชา ไม่ค่อย นอกจากครอบครัว เพื่อน เขาก็ไม่ยุ่งกับใคร ในตอนแรกที่เขาเย็นชากับฉันมากแต่พักหลังมานี้เขาดันดีกับฉัน ฉันเลยหลงคิดว่าเขาน่าจะชอบฉัน แต่ที่ไหนได้เพราะฉันดันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเพื่อนสนิทเขานี้เอง

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันนางเอกเก่งรักหวานๆดราม่ารักแรกพบโรงแรม/มหาลัยโรแมนติก

01 เหตุการณ์เลวร้าย

ณ เวลา 23:50 น. ฉันกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านของคุณอาศักดิ์ ท่านเป็นน้องชายของพ่อฉัน เนื่องจากพ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ 2 อาทิตย์ เลยทำให้ฉันต้องมาอยู่ที่บ้านของอาศักดิ์ แต่อยู่ดี ๆ คุณอาวิมลก็วิ่งมาเคาะประตูที่ห้องฉันเสียงดังรัว ๆ ทำให้ฉันสะดุ้งตื่น ฉันเดินงัวเงียไปเปิดประตูและก็พบเข้ากับอาวิมลที่กำลังยืนน้ำตาไหลเต็มสองแก้ม ฉันตกใจมากจนตาสว่างทันที อาวิมลยืนตัวสั่น ร้องไห้สะอึกสะอื้นสีหน้าตื่นตกใจ

"คุณอาเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม" อาวิมลไม่ตอบได้แต่ส่ายหน้าเหมือนอยากจะพูดแต่พูดไม่ออกฉันเป็นห่วงคุณอามากๆ ก็เลยเข้าไปกอดอาวิมลไว้แทนเพื่อเป็นการปลอบ

"เพลิน~ ฟังอานะลูก...เมื่อกี้มีคนของเราโทรมารายงานอาศักดิ์ว่า...ว่า...ฮึก ฮือ~" อาวิมลร้องไห้ออกมาอีกครั้งจนพูดไม่ออก

"ไม่เป็นไรค่ะ คุณอาใจเย็นๆ นะ" ฉันกอดและลูบหลังอาวิมลอยู่ตลอดเพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นแม้มันจะช่วยไม่ได้เลยก็ตาม

"ฮือ ฮือ...พี่ศิลป์กับพี่พิณ ฮือ... เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตคาที่แล้ว" สิ้นสุดคำของอาวิมลฉันก็ปล่อยแขนลงทันทีอย่างกับคนหมดแรง ฉันทั้งช็อคและตกใจกับคำพูดของอาวิมลจนหัวไม่สามารถประมวลผลอะไรได้แล้ว อาวิมลถอยออกมามองหน้าฉันแล้วจับมือฉันไว้ด้วยความเป็นห่วง

"ไม่จริง ฮึก ฮือ จะเป็นไปได้ยังไงคะไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเพลินยังคุยกับคุณพ่อคุณแม่อยู่เลย ฮือ ฮือ เพลิน...เพลินไม่เชื่ออาวิมลหรอก" ฉันดึงมือออกจากอาวิมลอย่างไม่อยากจะเชืือว่าสิ่งที่อาวิมลพูดออกมาจะเป็นเรื่องจริงทั้งๆ ที่ฉันก็รู้ดีว่าอาวิมลไม่มีทางโกหกฉันอย่างแน่นอนแถมอาการตื่นตกใจของเธอเมื่อครู่ก็เป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดีว่าทั้งหมดมันคือเรื่องจริง ฉันค่อยๆ ถอยหลังหนีไปเรื่อยอย่างคนคุมตัวเองไม่อยู่ปากก็พลางพูดปฏิเสธอยู่ตลอดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

"เพลิน~" อาวิมลใช้มือปิดปากแล้วร้องไห้ออกมาเพื่อเป็นการยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เศร้าสลดและน่าเสียใจนี้ทำให้ขาของฉันออกแรงลงทันทีแล้วล้มพับลงไปในที่สุด อาวิมลรีบเข้ามาดูฉันแล้วกอดฉันไว้อย่างแน่น

"ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรอาอยู่ตรงนี้"

"ฮือ ทำไม ฮื้อ ฮือ ทำไมคะทำไม ฮือ ฮือ ฮื้อ" ฉันซุกหน้าเข้าหาอาวิมลพร้อมกับกอดเธอไว้เช่นกัน

"คนของเรารายงานว่าตั้งแต่ที่พี่ศิลป์กับพี่พิณไปถึงที่นั่นก็รีบรัดทำงานอยู่ตลอดทุกคนจนไม่มีเวลา ฮือ ฮึก เพื่อที่พวกเขาจะกลับมาได้ทันฉลองคริสต์มาสกับเพลิน ฮือ ททำให้เลขาที่ไปด้วยต้องคอยทำงานด้วยตลอดจนไม่มีเวลาพักแถมเขายังต้องขับรถให้พี่ศิลป์กับพี่พิณนั่งด้วเลยคาดว่าน่าจะเกิดจากการหลับในบวกกับที่นั่นในตอนนี้มีสภาพอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฮือ ฮือ ตอนเกิดเหตุมีฝนตกหนักทำให้ถนนลื่นคนขับเกิดหลับในสุดท้ายเลยทำให้เกิดอุบัติเหตุกับทุกคนบนรถ....พิ พี่ศิลป์กับพี่พิณก็นั่งอยู่ในนั้นด้วยเลยไม่รอดกลับมาหาพวกเราแล้ว" อาวิมลเล่าไปร้องไห้ไป

"ฮือ ฮือแล้วเพลินจะทำยังไงคะ ฮือ เพลินควรทำยังไงดีอ่ะอา ฮือ ฮือ คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่แล้วเพลินจะอยู่กับใครอ่า ฮืออออ~" ฉันร้องออกมาไม่หยุด

"ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไรนะพวกเราไม่มีวันทิ้งเพลินนะลูก ใจเย็น ๆ นะอาอยู่ตรงนี้แล้ว" อาวิมลพยายามปลอบฉันแม้ในใจเธอเองจะเจ็บปวดมากไม่ต่างจากฉันก็ตาม อาวิมลกอดฉันไว้แน่นแต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดร้องได้สักที มันเจ็บปวดมากที่ได้ยินข่าวร้ายของพ่อกับแม่แบบนี้แล้วเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย

7 วันต่อมา

"วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะคะ หนูจะเข้มแข็งจะดูแลตัวเองให้ดีเหมือนที่พ่อกับแม่ดูแลหนูมาตลอดนะ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูเลยนะตอนนี้หนูอายุ 18 แล้วหนูโตพอที่จะอยู่ด้วยตัวเองได้แล้ว หนูขอให้พ่อกับแม่ไปสู่สุคตินะคะ เหนื่อยกันมามากแล้วพักผ่อนให้สบายนะ...อึก...ฮือ...หนู...หนูรักพ่อกับแม่...ฮือ...ที่สุดเลยนะคะ" ฉันได้แต่ยืนพูดกับหน้าเตาเผาเพื่อบอกลาพ่อกับแม่เป็นครั้งสุดท้ายแต่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่รู้ว่าต่อไปนี้พวกเราจะจากกันไปตลอดกาล มันจุกในหัวใจไปหมดได้แต่หวังว่าคำพูดของฉันจะทำให้ท่านทั้งสองคนหมดห่วง ระหว่างที่ฉันยืนร้องไห้อยู่อาศักดิ์เดินเข้ามาจับไหล่ของฉันไว้แล้วลูบเบาๆ

"พี่ศิลป์กับพี่พิณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับผมให้สัญญาว่าผมจะดูแลเพลินให้ดีเหมือนลูกแท้ๆ ของผม ผมจะรักเพลินและถนอมเพลินแทนพวกพี่เอง" หลังจากได้ยินสิ่งที่อาศักดิ์พูดกับพ่อและแม่แล้วมันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกก็เลยหันหน้าเอาไปกอดอาศักดิ์ไว้

"ฮือ ฮือ ฮือ"

"ไม่เป็นไรนะเพลินนะ ต่อไปนี้เพลินก็ไปอยู่กับอากับอาวิมลแล้วก็พี่เฟิร์สนะลูก พวกอาจะดูแลหนูเองไม่ต้องร้องนะ" ฉันรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ถึงแม้ฉันที่สูญเสียคนที่ฉันรักสุดหัวใจไปแล้วถึงสองคนแต่ฉันยังมีคุณอาทั้งสองและพี่เฟิร์สที่คอยอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังให้ฉันในวันที่ฉันอ่อนแอที่สุดจนผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนั้นมาได้

หลายเดือนต่อมา

ื"มาลูกมาเร็วมากินข้าวกันจ๊ะ...เฟิร์สลูก น้องเพลินลงมากินข้าวกันได้แล้วลูก เดี๋ยวจะไปไม่ทันไปเรียนกันนะ" เสียงอาวิมลที่เร่งฉันและพี่เฟิร์สให้มากินข้าวเนื่องจากวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกแถมพวกเรายังตื่นสายกันอีก

"โอ้ย กินไม่ทันแล้วครับแม่...เพราะไอ้ตัวแสบหลานรักของแม่คนเดียวเลย ตื่นก็สายของก็ไม่เตรียมไว้ ลำบากผมต้องมานั่งเตรียมของให้มันอีก เห็มมั้ยพาผมสายไปด้วยเลย" พี่เฟิร์สพี่ชายคนเก่งที่ชอบแกล้งและบ่นฉันเป็นประจำ

"อย่าบ่นได้ไหมพี่เฟิร์ส ก็เมื่อคืนเพลินตื่นเต้นนี่หน่าเลยนอนไม่หลับกว่าจะหลับตาลงได้ก็ดึกมากแล้ววันนี้ก็เลยตื่นสายไปหน่อย" ฉันตอบ

"ก็ของทำไมไม่เตรียมไว้ก่อนล่ะ อาบน้ำก็นานอีกไหนจะแต่งหน้าทำผมอีก วุ่นวานไปหมด ไปๆๆ รีบไปที่รถเลยขืนยังช้าอีกก็เรียกแท็กซี่ไปเองล่ะกัน" พี่เฟิร์สพูดจบฉันก็ตาโตรีบวิ่งไปที่รถทันทีเพราะกลัวต้องนั่งรถไปเอง พูดก็พูดเถอะจนถึงตอนนี้ฉันเองยังขับรถไม่เป็นเลย พอเราสองคนมาถึงมหาลัยพี่เฟิร์สก็ขอแยกตัวไปหาเพื่อนๆ ของเขาก่อนแต่ฉันก็ขอตามไปด้วยเพราะฉันไม่รู้จักใครเลยแถมยังไม่ถึงเวลารวมตัวอีกด้วย

เพื่อนสนิทของพี่เฟิร์สมีทั้งหมด 4 คนเรียกได้ว่าแต่ละคนโปรไฟล์ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว มาถึงฉันก็สวัสดีพวกพี่เขาทุกคนพร้อมแนะนำตัวเองก่อน

"สวัสดีค่ะพี่ๆ หนูชื่อเพลินนะคะเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เฟิร์สค่ะ" ฉันพูด

"สวัสดีครับน้องเพลินพี่ชื่อทีมนะครับ รูปหล่อ พ่อรวยแถมตอนนี้ติดสถานะโสดด้วยนะ" พี่ทีมพูด เขาน่ารักมากๆ แถมยังตลกสุดๆ อีก

"พอเลยๆ เว้นน้องกูไว้สักคนก็ได้มั้ง เอ่อ...เพลิน นี้ไอ้ทีม นั่นไอ้วาฬ และนู้นไอ้ไวท์ไอ้พวกนี้นิสัยแย่หน่อยนะแต่ก็เป็นเพื่อนสนิทพี่เอง" พี่เฟิร์สพูด

(ว้าวนี้คบเพื่อนคัดนิสัยหรือหน้าตาเนี่ย) ฉันได้แต่คิดในใจแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

"เฮ้ย! ไอ้เฟิร์สมึงแนะนำเพื่อนแบบนี้ไม่ได้ป่ะเดี๋ยวน้องเพลินเข้าใจกูผิดหมด มันไม่จริงนะครับน้องเพลิน ไอ้เนี่ยมันแค่ชอบกั๊กเพื่อนเฉยๆอ่ะครับ" พี่ทีมพูด แล้วส่งสายตามาหยอดทำเอาฉันไปไม่ถูกเลยได้แต่ส่งยิ้มกลับไป

"พอเถอะว่ะไอ้ทีม มึงนี้จะหม้อสาวแต่วันแรกเลยหรอว่ะ นี่น้องเพื่อนนะเว้ย" พี่ไวท์พูดแล้วดึงเสื้อพี่ทีมอย่างแรงจนเจ้าตัวต้องถอยกลับ แต่รหว่างนั้นฉันแทบไม่สนใจพี่ทีมกับพี่ไวท์เลยว่าเขาคุยอะไรกันเพราะตอนนั้นฉันกำลังสนใจใครคนนึงอยู่ เขาดูสุขุมและเงียบมากในขณะที่เพื่อนๆ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เขาคนนั้นก็คือพี่วาฬ