บทที่สาม โดนกลั่นแกล้งรังแก
หลังการพูดคุยเจรจาสุดตึงเครียดกับเหม่ยฮวา ซืออิ๋นไม่ได้ถูกส่งกลับห้องนอนสำหรับนางโลมอย่างที่สาวใช้คนอื่น ๆ คาดไว้ นาง...ถูกปล่อยให้ลงมาอยู่ในห้องเล็กมุมล่างสุดของเรือนหลังรอง ที่อยู่ติดกับห้องเก็บของและครัวหลังหอนอนของคนรับใช้
ใช่แล้ว ห้าวันนี้ซืออิ๋นได้รับการลดตำแหน่งให้เป็นสาวใช้
ห้องนอนสาวใช้อับแสง ชื้น และคับแคบ แทบไม่ต่างจากรูหนู
แต่ซืออิ๋นไม่ปริปากบ่น นางคิดว่าดีกว่าการต้องถูกขายร่างกายให้บุรุษแปลกหน้าทุกค่ำคืน
ในหอจิ้งเหอ หญิงงามมีค่าเท่าทองคำ แต่สาวใช้... มีค่าไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว
และในสายตาของสาวใช้คนอื่น ๆ ที่อยู่มาก่อน นางก็ไม่ต่างจากนางโลมตกอับ คนที่เคยขึ้นชั้นบนแต่ถูกลดชั้นลงมาเพราะสร้างเรื่องวุ่นวายนั้นไม่ได้น่าคบหาด้วยแม้แต่น้อย
“แม่นางที่เคยถีบแขกเมื่อคืนก่อนนั่นน่ะหรือ”
“ใช่ข้า นึกว่าจะถูกลากออกไปโยนทิ้งหลังตลาดแล้วเสียอีก!”
ซืออิ๋นไม่ได้ตอบโต้อะไร นางปล่อยให้มันผ่านเข้ามาในหูและผ่านออกไปไม่เก็บมาใส่ใจ ส่วนใหญ่แล้วหญิงสาวสงบคำก้มหน้าโค้งรับคำสั่งอย่างสงบเสงี่ยม รับผ้า รับไม้ถู ยอมแบกน้ำ ล้างพื้น ขัดห้อง ทั้งที่มือยังแตกจากการถูกมัดก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน
เมื่อได้รับหน้าที่ประจำแล้วก็ต้องทำงานแลกที่พักและอาหาร เวลานี้ซืออิ๋นก้มลงใช้แปรงขัดขั้นบันไดไม้ทีละขั้น รอยน้ำเก่าจากเมื่อคืนยังเปียกชื้น เสียงไม้ขูดเบา ๆ ดังเป็นจังหวะในความเงียบในช่วงกลางวันซึ่งแตกต่างกับบรรยากาศในช่วงค่ำคืนที่คึกครื้นโดยสิ้นเชิง
เสื้อผ้าของซืออิ๋นนั้นเรียบง่ายเป็นเพียงชุดผ้าฝ้ายซีด ๆ รอยเย็บตรงชายแขนยังหลุดลุ่ย ร่างกายยังมีรอยช้ำจาง ๆ จากวันที่ถูกบีบแขนกระชากลากไปลากมาเมื่อวานไม่หาย
เสียงฝีเท้าสองคู่เดินลงมาจากชั้นบน ซืออิ๋นไม่ได้เงยหน้า แต่นางรับรู้ได้ถึงกลิ่นกำยานหอมชั้นดี และกลิ่นเหล้าราคาแพงปะปนกับกลิ่นน้ำหอมของสตรี
“ฮ่า ฮ่า เมื่อคืนนี้นับว่าเจ้ายอดเยี่ยมจริง ๆ...ฮวาเอ๋อร์ ข้าคิดจะมาที่นี่ต่ออีกสองคืนเชียวหนา”
เสียงของบุรุษวัยกลางตอนปลาย แต่งกายหรูหรา เสื้อคลุมผ้าไหมปักดิ้นทองลายพยัคฆ์ มีห้อยอัญมณีที่เอวระย้าเต็มไปหมดแสดงถึงสถานะการเงนที่ร่ำรวยกว่าคนทั่วไป
คณิกาสาวผู้ถูกเรียกว่าฮวาเอ๋อร์หัวเราะเสียงหวาน
ร่างบอบบางในชุดผ้าซีทรูสีน้ำเงินอิงแขนบุรุษผู้นั้นไว้แน่น ท่วงท่าดูออดอ้อนตลอดเวลา
กระทั่งทั้งสองเดินผ่านซืออิ๋นที่กำลังขัดบันไดขั้นล่างสุดอยู่ไม่คิดว่าอยู่เงียบ ๆ แล้วจะเกิดปัญหา ทว่าดูท่าแล้วตัวปัญหามันวิ่งเข้ามาทักทายนางก่อนเองในที่สุด...
สายตาของบุรุษผู้มั่งคั่งพลันเบนลง หยุดอยู่ที่ดวงหน้าของสาวใช้อยู่พักใหญ่ ใบหน้าขาวทว่าไม่ซีดเซียวจนจืดเกินไป ผิวพรรณแข็งแรงกระจ่างใสอย่างประหลาด ดวงตานิ่งสงบราวน้ำในบ่อฤดูหนาว ขณะเดียวกันก็มีรอยเศร้าจาง ๆ แฝงในแววตา
ดูอย่างไรก็น่าค้นหาอย่างยิ่งในสายตาบุรุษชอบความสนุกสนานเช่นเขา
“นางเป็นใครกัน? ข้าไม่เคยเห็นนางเลยมาก่อนเลย...สาวใช้คนใหม่หรือ”
ฮวาเอ๋อร์ชะงักไปเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าสวยสะพรั่งชะงักค้าง วาบหนึ่งในใจมีบางสิ่งแล่นวูบ
คณิกาสาวไล่ปรายตามองซืออิ๋น...จากปลายเท้าถึงปลายผม
ก็แค่งดงามมากกว่าสาวใช้ทั่วไป แต่อย่างไรก็สู้นางไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เหอะ
“เพียงสาวใช้ที่ถูกลดขั้นจากนางโลมค่ะนายท่าน...”
“นางโลมโดนลดขั้นรึ เพราะเหตุใดจึงใจร้ายเช่นนั้นกันเล่า”
“ทำตัวไม่เรียบร้อยจนเกือบทำหอของเราเสียชื่อน่ะเจ้าค่ะนายท่าน”
เสียงตอบดูอ่อนหวานท่าแฝงความไม่พอใจอยู่เต็มเปี่ยม
“หึ...” แขกผู้นั้นยกยิ้มถูกใจก่อนหัวเราะน้อย ๆ แต่ดวงตายังไม่ละจากร่างสาวใช้ที่ยังคงเช็กพื้นบันไดไม่สนใจบทสนทนาของตนเองที่แสร้งพูดให้ดังขึ้นกว่าเก่าเพื่อเรียกความสนใจจากแม่นางผู้นั้นให้เงยหน้ามาให้เขาได้เชยชม
“น่าเสียดาย ใบหน้าเช่นนี้...หากแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดี ๆ คงไม่ด้อยไปกว่านางโลมใดในหอจิ้งเหอ”
คำชมลอยแผ่วมากับสายลม ซืออิ๋นเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนก้มหน้าลงเช่นเดิม เสียงแปรงขัดไม้ยังดังต่อเนื่อง
นางไม่ไม่คิดเอ่ยสิ่งใด เพียงเปลี่ยนตำแหน่งการทำงานเป็นหันหลังให้สองชายหญิงแทน
ฮวาเอ๋อร์ยิ้มค้าง มือที่กอดแขนบุรุษแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเย็นวาบ
นังนี่ก็แค่สาวใช้...แต่กลับกล้าดึงดูดสายตาผู้อุปถัมภ์ของนางไปได้อย่างนั้นรึ?
หึ...เดี๋ยวเจ้าก็รู้ ว่าที่นี่...การส่งสายตาให้ลูกค้าของคนอื่นนั้นมีผลร้ายแรงอาจทำให้ถูกเหยียบจนฝังลงดิน
คณิกาสาวกัดฟันปั้นหน้ายิ้มแย้มทั้งดันหลังให้ชายหนุ่มเดินต่อ นางเดินไปส่งข้างหน้าหอเสร็จสิ้นหน้าที่ก่อนกำมือแน่นแล้วรีบหันหลังเดินกลับมาทางเดิม
ในขณะที่ซืออิ๋นก้มหน้าก้มตาเช็ดพื้นบันไดชั้นล่างของเรือนหลัก มือถูไม้ไปตามขั้นบันไดที่ยังมีคราบสกปรกจากเมื่อคืนติดอยู่ กลิ่นน้ำขัดพื้นผสมกลิ่นฝุ่นชื้นโชยขึ้นจาง ๆ
แต่บรรยากาศเงียบสงบนั้นถูกทำลายอย่างรวดเร็ว... เสียงรองเท้าส้นไม้ดังเข้าใกล้มาตามมาด้วยกลิ่นหอมแรงจากน้ำอบราคาแพงที่ลอยมาก่อนตัว
“อ้าว...ยังไม่เช็ดเสร็จอีกหรอกเหรอ”
เสียงใส ๆ เอ่ยขึ้นอย่างไม่ตั้งใจจะปิดความประชดในน้ำเสียง
ซืออิ๋นเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย
นางเห็นแล้วว่าเป็นใคร ไป๋ฮวา หนึ่งในคณิกาคนโปรดของแขกผู้มั่งคั่งหลายคนในเมือง แต่งหน้าจัด เสื้อผ้าแพรลายปักฟูฟ่อง สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหยียดที่เก็บไว้ไม่มิด
“ก็น่าเห็นใจนะ ขายคืนแรกไม่ออกจนต้องมานั่งเช็ดพื้นแทน” ไป๋ฮวาเดินขึ้นไปอีกสองขั้นแล้วหยุด ยกมือป้องปากหัวเราะเบา ๆ “ยังดี ที่ยังมีมือให้ใช้ทำงานได้เงินอะไรบ้าง”
ซืออิ๋นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับด้วยเสียงเรียบสุภาพ
“งานไหนก็มีค่า หากไม่ได้เงินจากการฆ่าแกงใคร ต่อให้ต้องเช็ดพื้นทุกวัน ข้าก็ถือว่าเป็นงานที่มีคุณค่า”
ไป๋ฮวาเลิกคิ้ว รอยยิ้มจางหายไป ก่อนจะเดินเหยียบลงบนผ้าที่ซืออิ๋นใช้เช็ดพื้นอย่างจงใจ น้ำสกปรกกระเด็นเลอะบนเสื้อของซืออิ๋นเล็กน้อย แต่เจ้าตัวไม่รู้สึกอะไร
“เจ้าคงชินแล้วสินะกับงานพวกนี้”
“...”
“สตรีที่นี่คนใดก็ล้วนอยากได้งานสบายอย่างตำแหน่งของข้าทั้งนั้น เจ้าอย่าได้หลอกตนเองเลย”
“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ต่อจากนี้ก็เว้นข้าไว้คนนึงเถอะแม่นางไป๋ฮวา”
“เจ้าอย่ามาโกหกข้า”
“แล้วแต่แม่นางจะคิดเถอะ ข้าขอตัวทำงานต่อก่อน”
“เจ้า!”
“...”
ซืออิ๋นเช็ดพื้นต่อด้วยท่าทีสงบไม่สนใจเสียงหวีดเสียงโวยวายใดอีก ทว่าอีกฝ่ายนั้นก็คงไม่มีที่ระบายอารมณ์กระมังจึงได้ใช้เท้าอีกข้างเตะผ้าเช็ดผืนอีกผืนหนึ่งไปอีกทาง น้ำสกปรกกระเด็นออกมาทำให้พื้นที่สะอาดแล้วกลับมาสกปรกอีกรอบอย่างตั้งใจ
“หึ หึ ข้าสงเคราะห์ให้นะนี่ ช่วยให้เจ้าได้ทำงานที่เจ้ารักมากขึ้นไปอีก”
“...”
“อ้าว มัวยืนนิ่งจ้องข้าทำไมเล่า ไม่ทำงานของตนเองต่อล่ะ”
“ได้สิ พื้นตรงนี้ช่างสกปรกยิ่งนัก”
ซู่ว...
ซืออิ๋นเทน้ำในอ่างซึ่งขุ่นด้วยเศษฝุ่นและคราบสกปรกจากการทำความสะอาดทั้งเช้าลงไปจนนองพื้นราวกับน้ำท่วม
ทันใดนั้น…
พรึ่บ
“อ๊ะ! ว๊ายย!”
ไป๋ฮวาที่ใส่รองเท้าส้นสูงทำจากไม้พอพยายามกระโดดหลบน้ำที่ไหลมาทางตนเองเนื่องจากกลัวรองเท้าราคาหลายตำลึงของตนเองเปื้อนเอา ทว่าไม่คิดว่าจะกลายเป็นลื่นล้มลงก้นกระแทกพื้นสกปรก
ทีนี้นอกจากรองเท้าเลอะแล้วกระโปรงของตนเองก็เปียกน้ำทั้งตัว ส่งกลิ่นกลิ่นเหม็นอับของน้ำขัดพื้นลอยคลุ้งไปทั่วร่างทันที
สาวใช้สองสามคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รีบหันหน้าหนี กลั้นหัวเราะแทบไม่ไหว
ไป๋ฮวาหน้าแดงจัด กัดฟันกรอด หันขวับไปมองซืออิ๋นอย่างโกรธจัด
“เจ้าทำอะไร เจ้าตั้งใจใช่ไหม!”
ซืออิ๋นลุกขึ้นยืนช้า ๆ ค้อมศีรษะคำนับขออภัยอย่างไรเดียงสา ดวงตานิ่งเหมือนไม่มีส่วนรู้เห็นใดทั้งนั้น
“หามิได้เจ้าค่ะ ข้าเพียงเช็ดทำความสะอาดพื้นตามหน้าที่ก็เท่านั้น”
“ข้าไม่เชื่อ”
“เพื่อแสดงความรับผิดชอบ เช่นนั้นแม่นางเอาผ้าของข้าไปเช็ดหน้าเช็ดตัวที่เปียกดีหรือไม่ นี่ ผืนนี้ข้าเช็ดหัวบันไดไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นยังไม่สกปรกมาก”
“หยุด! เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้นะนังขี้ข้า ข้าจัดการตัวเองได้”
“โถ่ ก็ได้ ข้าอุตส่าห์หวังดีอยู่แล้วเชียว”
ไป๋ฮวาไม่พูดอะไรอีก นอกจากพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ กัดฟันกรอด แล้วเดินกระฟัดกระเฟียดจากไปในสภาพเปียกปอนเหม็นฉึ่งทั้งอย่างนั้น
“คิก คิก สมน้ำหน้า”
ซืออิ๋นหัวเราะจนพอใจแล้วจึงหันกลับมามองผลงานพื้นสกปรกที่หญิงสาวต้องมาเปลืองแรงเช็ดใหม่อีกรอบก่อนถอนหายใจยาวออกมาอย่างปลง
