บทที่สอง การเจรจาต่อรองเพื่ออิสรภาพ
ภายในห้องโถงใหญ่ของหอชั้นบนสุด ไฟในโคมแดงลอยไหวตามลมเย็นที่ลอดเข้ามาจากหน้าต่าง
แม่เล้าเหม่ยฮวาเพิ่งตวัดพัดลงหลังจากกล่าวประโยคสุดท้าย
“ในเมื่อเจ้าทำข้าเสียหน้า ข้าก็จะเพิ่มเงินไถ่ตัวเจ้าเป็นสองเท่า…เป็นสองร้อยตำลึงทอง ห้ามขาดแม้แต่เบี้ยเดียว”
ร่างสูงในชุดแพรสีแดงอมม่วงพลิกตัว หันหลังเตรียมจะเดินออกจากห้อง สองสาวใช้ก้มหัวต่ำรอรับคำสั่งให้พาตัวซืออิ๋นลงไปยังห้องชั้นล่าง
สายตาของซืออิ๋นพลันสะดุดเข้ากับร่างเหนือบ่าของแม่เล้าเหม่ยฮวา
วิญญาณที่ไม่ต่างอันใดกับเงาดำเมื่อมกำลังยืนเกาะไหล่แม่เล้าเหมยฮวาอยู่อย่างแนบแน่น เป็นหญิงสูงวัย ใบหน้าเหี่ยวย่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่ดวงตาแดงฉานมีรอยแผลเป็นยาวจากขมับลงมาถึงคาง
ริมฝีปากของผีตนนั้นพึมพำประโยคเดิมซ้ำ ๆ ราวกับหมกมุ่นอยู่ในวังวนความคั่งแค้น
‘เจ้าฆ่าลูกข้า...เจ้าฆ่าลูกข้า...ลูกเจ้าต้องตาย…ลูกเจ้าต้องป่วยตาย...’
เสียงนั้นแหลมสูงแต่ไม่ใช่เสียงจากมนุษย์โลกเดียวกันดังนั้นคนทั่วไปจึงไม่ได้ยิน ไม่เหมือนซืออิ๋นที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงหนืดคอ...ขนลุกวาบไปทั้งตัว
ซืออิ๋นสูดลมหายใจลึก ก่อนเปล่งเสียงออกมาชัดถ้อยชัดคำก่อนที่แม่เล้าผู้นั้นจะเดินจากไป
“ลูกสาวของมามา...กำลังป่วยหนักใช่หรือไม่เจ้าคะ”
เท้าในรองเท้าปักไหมของแม่เล้าหยุดชะงักทันที
นางหันกลับมามองซืออิ๋น ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวงและสนใจในคราวเดียวกัน
แสดงว่าสิ่งที่ซืออิ๋นคาดเดานั้นถูกต้อง
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” น้ำเสียงเย็นเฉียบแฝงแรงกดดัน
“และที่สำคัญหมอทั้งหลายไม่สามารถช่วยได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“...”
“แต่ข้าช่วยได้นะเจ้าคะมามา...หากท่านให้โอกาสข้าได้พบลูกสาวของท่านข้าอาจช่วยนางได้”
ภายในห้องเงียบกริบ
สายตาของเหม่ยฮวาหรี่ลงเป็นเส้นบาง
‘ลูกสาวเจ้าต้องตาย...ต้องตาย...’
แม่เล้าเดินกลับมาช้า ๆ มาหยุดตรงหน้าซืออิ๋นอีกครั้ง
“พูดมา...ว่าเจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”
แม่เล้าเหม่ยฮวาหรี่ตา ดวงหน้านิ่งสนิท ยามนั้นไม่มีใครอาจอ่านความคิดของนางได้ ทว่าภายในใจกลับปั่นป่วนราวทะเลคลั่ง
เรื่องของบุตรสาว...มีเพียงไม่กี่คนในเมืองแห่งนี้ที่ล่วงรู้
แม่เล้าชราไม่เคยพาเข้ามาเหยียบที่หอแห่งนี้เลยแม้แต่ขั้นบันไดของหอจิ้งเหอ แทบจะเรียกได้ว่าแอบเลี้ยงไว้ในเรือนนอกเมือง โดยมอบหมายให้แม่นมดูแลตั้งแต่เกิด ใครถาม ก็บอกว่าเป็นหลานสาวของญาติห่าง ๆที่ตนเองรับมาเป็นลูกสาวบุญธรรมเท่านั้น
เพราะเหมยฮวา...ไม่อยากให้บุตรสาวต้องตกเกี่ยวข้องกับหอคณิกาอันแสนโสมมม ไม่อยากให้ใครรู้ว่าแม่ของเด็กหญิงผู้บอบบางคนนั้น...คือใคร
และที่สำคัญไม่อยากให้ลูกสาวที่แสนบริสุทธิ์ตนเองต้องรับรู้ว่าเงินที่ตนเองใช้นั้นมาจากการขายร่างกายของหญิงสาวนับร้อยทำให้ตนเองร่ำรวย
ทว่าหญิงตรงหน้า...กลับล่วงรู้ความลับนี้
เหม่ยฮวาเหวี่ยงพัดในมือลงอย่างแรงเพื่อระบายความไม่พอใจ
“พวกเจ้าออกไปให้หมด!”
เสียงตวาดดังลั่น สาวใช้ทั้งสองสะดุ้ง ก่อนรีบโค้งแล้ววิ่งออกจากห้อง ทิ้งไว้เพียงความเงียบระหว่างสองสตรี
ประตูปิดดัง ปึง ความวังเวงพลันปกคลุม
แม่เล้าก้าวช้า ๆ มาหยุดตรงหน้าซืออิ๋นอีกครั้ง แววตาเจือทั้งความหวาดระแวง และความไม่ไว้วางใจแรงกล้า
“เจ้ามาที่นี่เพียงคืนเดียว แต่เจ้ากลับพูดในสิ่งที่ไม่มีใครสมควรรู้...”
นางลดเสียงลง แผ่วเบาจนน่าขนลุก
“ข้าไม่ใช่คนโง่ที่จะเชื่อคำพูดของนางโลมที่เพิ่งก้าวเท้าเข้าหอนี้ แล้วยังทำเรื่องวุ่นวายเช่นเจ้าในวันนี้แน่นอน”
“...”
นางเดินวนรอบตัวซืออิ๋นช้า ๆ จับจ้องราวกับนักล่า
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
“...”
“หรือเจ้าถูกใครส่งมา”
ซืออิ๋นกลั้นใจแน่น นางรู้ว่าแค่คำพูดกำกวมไม่พอจะรอดจากน้ำเสียงเยียบเย็นนี้ แต่ความจริงก็คือ...นางไม่รู้ชื่อ ไม่รู้ที่อยู่ ไม่รู้แม้แต่รูปร่างหน้าตาของลูกสาวอีกฝ่ายที่อ้างถึงออกไปแม้แต่น้อย
สิ่งเดียวที่นางรู้...คือสิ่งที่ร่างวิญญาณของสตรีผู้มีความแค้นแรงกล้าพูดออกมา วิญญาณตนนี้กำลังเล่นงานลูกสาวของอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้นตัวแม่เล้าเอง ซึ่งจากประสบการณ์ในการอยู่ร่วมกับวิญญาณในโลกก่อน สิ่งหนึ่งในที่วิญญาณทำได้คือการใช้พลังงานของตนเองที่มีอยู่เล่นงานที่ตัวจิตใจมนุษย์ทั้งหลายรูปแบบจนในที่สุดมนุษย์ค่อย ๆเจ็บป่วยล้มตายลงในที่สุด
ซืออิ๋นเงียบ
แต่ในใจกลับกำลังคิดทบทวนอย่างเคร่งเครียด
ในภพก่อน...นางเคยคิดว่า หากผู้คนรู้ความจริงว่าตนเองเห็นสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น พวกเขาจะเข้าใจ...
แต่เปล่าเลยพวกเขากลับไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูดออกไป บางคนหวาดกลัว ขับไล่ ด่าว่านางว่าเป็นคนเพ้อเจ้อ เป็นโรคจิต แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานยังเยาะเย้ย และผู้เป็นนายจ้างยังกล่าวหาว่านางโกหกเพื่อเรียกร้องความสนใจอีกด้วย
และในชาตินี้...ยุคนี้...หากผู้คนรู้ความลับนี้เข้า นางอาจไม่ถูกแค่หาว่าบ้า แต่อาจถูกตราหน้าว่าเป็น ‘แม่มด’ หรือ ‘ปีศาจ’ที่lสมควรถูกกำจัดเลยด้วยกระมัง
ซืออิ๋นจึงตัดสินใจจะไม่เปิดเผยว่าตนเองมีความสามารถในการสื่อสารกับวิญญาณได้อย่างตรงไปตรงมาอีกเหมือนชาติที่แล้ว
แต่หญิงสาวจะใช้สิ่งนี้เป็นอาวุธลับของตนเองเพื่อเอาตัวรอดจากที่นี่ให้จงได้
ดังนั้นในครั้งนี้ซืออิ๋นจำเป็นต้องปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาเพื่อปกปิดความสามารถพิเศษที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นตราบาปมากกว่าพรสวรรค์นี้ลงไป
ซืออิ๋นยังไม่ลุกขึ้นจากพื้น
แต่นางกลับยืดตัวเล็กน้อย เอ่ยต่อด้วยเสียงราบเรียบมั่นคง
“ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ควรเรียนท่าน…”
แม่เล้าเหม่ยฮวาเหลือบตามองอย่างไม่ไว้ใจ
ซืออิ๋นสบตาอย่างไม่หลบ
“หน้าต่างมีรู ประตูมีช่อง ข้าบังเอิญได้ยินคนสนิทของมามาคุยกับสาวใช้เมื่อคืนวานเจ้าค่ะ”
“...”
“แต่เรื่องที่ว่าข้ารู้ได้อย่างไรจะไปสำคัญกว่าการช่วยลูกสาวของมามาหรือเจ้าคะ ข้าเคยเป็นผู้ช่วยหมอพเนจรจึงคิดว่าตนเองอาจรู้ว่าจะรักษาคนที่ป่วยเป็นโรคประหลาดได้เจ้าค่ะ”
“เจ้าโกหก!” เสียงแม่เล้าหนักแน่น แต่ฟังออกว่าแฝงความหวั่นไหว
สตรีตรงหน้าผ่านผู้คนมามากมายจึงไม่แปลกเลยที่สามารถอ่านสีหน้าและท่าทางของซืออิ๋นออกว่ากำลังโป้ปดอยู่
แต่แล้วอย่างไร หากนางไม่ยอมรับเสียอย่างไม่ว่าจะมั่นใจในตนเองขนาดไหนก็ต้องมีสั่นคลอนบ้างไม่มากก็น้อย
“จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแต่ท่านเจ้าค่ะ”
“เจ้า!”
“แต่หากยังปล่อยให้ลูกสาวท่านอาการย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆโดยไม่ทำอะไร นางคงไม่แคล้ว...”
เสียงในห้องเงียบสนิท
“แต่ถ้าท่านให้ข้าไปดูอาการนาง...บางทีข้าอาจพบวิธีรักษาก็ได้ และที่สำคัญที่สุด...ข้าไม่มีเหตุผลจะหลอกท่าน”
แม่เล้าเดินเข้ามาใกล้อีกก้าว ดวงตาคมกริบ
“เจ้าต้องการอะไรจากข้า”
ซืออิ๋นเงยหน้าขึ้นแม้ยังนั่งอยู่บนพื้น น้ำเสียงกลับเปี่ยมไปด้วยพลัง
“ชีวิตข้าค่ะ...ข้าต้องการอิสรภาพจากที่นี่”
“...”
“หากข้าช่วยบุตรสาวท่านได้...ท่านต้องปล่อยข้าให้เป็นอิสระจากหอจิ้งเหอ ข้าไม่อยากเป็นนางโลมของที่นี่”
แม่เล้านิ่งงันไปชั่วครู่ใหญ่เลยทีเดียว
“เจ้ากล้าเสนอตัวช่วยลูกสาวของข้าเพื่อแลกกับการเป็นอิสระ...”
“เจ้าค่ะ”
“ได้ แต่จงจำใส่หัวกะโหลกเอาไว้เลยว่าหากเจ้าหลอกข้า เจ้าจะไม่มีโอกาสได้เดินออกจากที่ห้องนี้แบบยังมีลมหายใจอยู่เป็นครั้งที่สอง!”
ซืออิ๋นไม่หลบตา
“ได้เจ้าค่ะ...ข้าจะจำเอาไว้ เพราะมันคือเดิมพันเดียวที่ข้ามี”
แม่เล้ายืนนิ่งเป็นนาน... ก่อนถอนหายใจออกมายาว ๆ
“หึ... เอาล่ะ ข้าให้เวลาเจ้าแค่ห้าวัน”
“...”
“หากบุตรีของข้ายังอาการไม่ดีขึ้น...”
เอื๊อก
ซืออิ๋นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“อย่าว่าแต่จะไถ่ตัวเลย เจ้าจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่หายใจอีกต่อไป”
ซืออิ๋นก้มศีรษะคำนับอย่างสงบ หัวใจยังเต้นแรง แต่แววตานางกลับสว่างไสวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ในโลกนี้...ต่อให้ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่นางมี แต่นางจะใช้สิ่งนั้น...เพื่อเอาตัวรอด และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งอย่างแท้จริง
