ตอนที่ 8 (ep4.)
ทำให้ปรมัตถ์เดินตรงไปที่รถของเขาเพียงลำพังเพื่อรอปวริศทำให้ทอแสงได้โอกาสเมื่อเห็นรถของพ่อกับเจ้าสัวเต็มยศเคลื่อนออกไปจากลานจอดรถ เธอจึงตรงไปหาปรมัตถ์ทันที
“คุณปลายหนาว”
ทอแสงร้องเรียกเขา ทำให้เขาหันมาตามเสียงแล้วเห็นเธอเดินไปหยุดตรงหน้าเขา
“เอาคืนมา”
ทอแสงแบมือตรงไปหาเขาที่มองมาอย่างนึกฉงน
“อะไร”
เธอเม้มปากแน่นพลางจ้องหน้าเขา
“สมุดโน้ตเล่มนั้น มันอยู่ในรถของฉัน มันหายไปหลังจากที่ฉันลืมไว้ในรถ”
ปรมัตถ์ย่นคิ้ว
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม”
“เอ๊ะ”
เธอนึกฉุนขึ้นมา
“คุณเอาไปไม่ใช่หรือ”
ปรมัตถ์มองหน้าเธอตรง ๆ
“คุณนี่มันจริง ๆ เลย นี่เป็นวิธีการพูดของคุณหรือไง ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นลูกสาวของท่านปลัดกระทรวง เหมือนคุณไม่ได้ผ่านการอบรมมารยาทมาสักนิด”
ทอแสงเชิดหน้าขึ้น
“แล้วคุณล่ะ ได้รับการอบรมมารยาทมากแค่ไหน ถึงได้เอาของของคนอื่นไป”
“คุณมีหลักฐานอะไรว่าผมเอาไป”
“หากไม่ใช่คุณแล้วใคร”
เธอย้อนถามทันควัน
“มันหายไป”
“ผมไม่ใช่ตำรวจจะได้รับแจ้งของหาย”
“คุณนั่นแหละเอาไป”
“มันปรักปรำกันหรือเปล่า”
เขาย้อนถาม
“ฉันมั่นใจ”
“งั้นหรือ”
ปรมัตถ์ยิ้มที่มุมปาก
“บอกผมสิ ผมจะมีเหตุผลอะไรที่จะเอาสมุดโน้ตของคุณไป มันฝังเพชรหรือเลี่ยมทองงั้นหรือ”
“หากมันฝังเพชรหรือเลี่ยมทอง ฉันมั่นใจว่าคุณคงไม่เอาหรอก”
เธอตอบ
“แล้วเพราะอะไร”
ปรมัตถ์ลองถามหยั่งเชิง
“เพราะหน้าปกมีรูปของฉันที่คุณปิ๊งฉันตั้งแต่แรกพบ เลยแอบหยิบไปแล้วพยายามสืบหาว่าฉันเป็นใคร จนวันนี้คุณได้รู้จักสมใจไง”
เธอตอบแล้วแบมือยื่นไปหาเขาที่หัวเราะออกมาเบา ๆ พลางเมินหน้าไปอีกทาง
“เอาคืนมา”
ปรมัตถ์ส่ายหน้าไปมาพลางกวาดสายตามองสำรวจร่างของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนจะเปิดประตู แต่ทอแสงก็เร็วมากพอที่จะยื่นมือผลักประตูปิดแล้วก้าวไปยืนพิงประตูรถของเขาพลางมองหน้าเขานิ่ง
“จะคืนดี ๆ หรือไม่คืน”
“ผมไม่ได้เอาไป”
“แล้วหายไปไหน”
เขามองลึกเข้าไปดวงตาของเธอ
“คุณไม่ได้อยู่ในสายตาของผมตั้งแต่แรก อย่าเข้าใจผิด”
ทอแสงอ้าปากแล้วขยับจะพูด
“กลับไปหาที่บ้านให้ดีเถอะ คุณอาจจะทำตกหล่นไว้ที่ไหนสักที่”
ปรมัตถ์ไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดต่อ พอดีกับที่ปวริศเดินมาถึง
“อ้าวคุณขิม ยังไม่กลับหรือครับ”
ทอแสงผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางตวัดสายตาไปมองสำรวจปรมัตถ์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“กำลังจะกลับ”
เธอตอบแล้วหันหลังก้าวเดินจากไป
“เธอมาคุยกับพี่หรือ”
ปวริศยกมือตบไหล่ปรมัตถ์แล้วเลื่อนไปโอบรอบคอเขาให้เอนมาใกล้พลางเอ่ยถาม พอดีกับที่ทอแสงหันกลับมามองแล้วทันได้เห็นภาพนั้น
เธอหันกลับไปทางเดิมพลางครุ่นคิด เพราะเธอไม่มั่นใจว่า ผู้ชายที่มีชื่อเล่นว่าปลายหนาวจะเป็นผู้ชายแท้ ๆ ดูอย่างน้องชายของเธอยังเป็นผู้หญิงได้เลย แถมสวยอย่างมากซะด้วย
“ผู้ชายบ้าอะไรชื่อปลายหนาว อะไร ๆ ก็เปลี่ยนกันได้ แต่เปลี่ยนความเคยชินคงไม่ได้ หากพ่อแม่ตั้งชื่อให้ลูกสาว ก็จะเรียกแบบนั้นเรื่อยไปแม้ว่าจะแปลงเพศเป็นชายก็ตาม”
ทอแสงคิดในใจก่อนจะยกมือเรียกแท็กซี่ที่ผ่านมา ในขณะที่ปรมัตถ์ก้าวขึ้นรถพร้อมปวริศแล้วมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่ตลอดทางก็มีเสียงสัญญาณไลน์จากโทรศัพท์ของปวริศดังอยู่บ่อยครั้ง
“พี่ยังไม่ตอบผมเลยว่าคุณทอแสงแวะมาหาพี่ที่รถทำไม”
เมื่อรถจอดที่ลานจอดรถของบ้าน ปวริศก็ยังถามคำถามที่ปรมัตถ์ยังไม่ตอบ
“เธอมาตามหาของหาย”
ปวริศย่นคิ้วพร้อมกับหันไปมองหน้าปรมัตถ์ที่เปิดประตูรถออกไป
“อะไร พี่ไปเอาอะไรของเธอมา”
“เปล่า”
ปวริศวิ่งตาม
“งั้นแสดงว่าเธอสนใจพี่”
“คงงั้น”
ปรมัตถ์ตอบอย่างขอไปที
“ได้การละ”
ปวริศดีดนิ้วพลางยิ้มกว้างทำให้ปรมัตถ์หยุดกึกพร้อมกับหันมามองหน้าเขา เป็นเหตุให้ปวริศเดินชนร่างเขา
“ได้การอะไร”
ปวริศยิ้มกว้าง
“ผมกำลังจีบน้องสาวของเธออยู่”
“หา!”
ปรมัตถ์อุทานออกมาเบา ๆ
“นายเดินเซ่อไปชนเธอนั่นน่ะนะ”
“อืม ใช่ ผมกำลังจีบเธออยู่”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็วันนี้”
“นายรู้จักกันมาก่อนรึ”
ปวีริศส่ายหน้า
“เปล่า ก็เพิ่งรู้จักวันนี้”
“แล้วจีบกันยังไงเร็วนัก”
ปวริศยิ้มกว้างพร้อมกับยกโทรศัพท์ชูให้ปรมัตถ์ดู
“จีบทางไลน์ไงครับพี่”
ปวริศพูดจบก็กระโดดไปเดินไปแล้วก็ฮัมเพลงไป
“จีบทางไลน์ เร็วขนาดนี้เชียวหรือ”
ปรมัตถ์คิดในใจ เพราะเขาแทบไม่อยากเชื่อว่า ผู้หญิงที่กลายเป็นผู้ชายได้ไม่กี่วันจะสามารถล้ำหน้าเขาที่เป็นชายแท้ ๆไปอย่างรวดเร็ว
