ตอนที่ 6 (ep2.)
ตอนแรกเจ้าสัวเต็มยศก็ไม่ยอมที่จะมาพบกับดร.ดุริยะ ปลัดกระทรวง ครั้นพอปรมัตถ์บอกว่า การที่พ่อได้มาพบกับปลัดกระทรวง มันอาจหมายถึงว่า งานของเขาจะสามารถขยายออกไปได้อีกไกล เจ้าสัวเต็มยศก็แสร้งทำไม่สนใจ แต่พอถึงวันเข้าจริงก็รีบออกจากบ้านมาที่นัดหมายทันที
“นั่นป๋าออกไปแล้วนะพี่ปลายหนาว”
ปรมัตถ์ชำเลืองสายตาไปมองหน้าปวริศ วันนี้เขาสวมเสื้อสีหวานกับกางเกงสีใกล้เคียงกัน
“ฉันเห็นแล้ว”
ปวริศมองหน้าปรมัตถ์ตรง ๆ
“ไม่ตามไปดูหรือครับ”
ปรมัตถ์นิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองหน้าปวริศตรง ๆ
“ฉันต้องการไปคนเดียว”
เขาพูดโพล่งออกมาทำให้ปวริศค่อย ๆ ยิ้มออกมา
“นัดใครไว้หรือครับ น่า ผมไม่แย่งจีบหรอก”
ปรมัตถ์มองหน้าปวริศนิ่ง
“ฉันไม่ได้กลัวนายจะแย่งจีบหญิง แต่ฉันกลัวภาพพจน์ฉันเสีย”
ปวริศทำหน้างง
“ดูนายแต่งตัวเข้าสิ แบบนี้ พวกเกย์มันชอบแต่งกัน แล้วนายไปกับฉัน ใครเห็นจะคิดว่าฉันเป็นอะไร”
ปวริศมองสำรวจตนเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วอ้าปากผ่อนลมหายใจออกมาเสียยืดยาว
“ผมจะไปเปลี่ยน”
“ดี รีบไปเลย”
ปรมัตถ์พูดจบก็เตรียมเดินออกไป แต่ปวริศก็รู้ทันว่าเขาจะต้องหนีไปคนเดียวแน่ ดังนั้นปวริศจึงยกมือตบก้นของปรมัตถ์อย่างแรง
“เฮ๊ย!”
ปรมัตถ์กระโดดพรวดพร้อมกับยกมือปิดก้นไว้ข้างหนึ่งแล้วยกมืออีกข้างชี้หน้าปวริศ
“ต้นฝน นี่แก..”
ปวริศเชิดหน้าขึ้นในขณะที่ปรมัตถ์ค่อย ๆ หันข้างให้ปวริศแล้วชำเลืองสายตามามองทั้งที่มือข้างเดิมยังปิดก้นอยู่
“ฉันยังซิงอยู่นะต้นฝน”
ปวริศอ้าปากค้าง
“พี่น่ะหรือยังซิงอยู่..”
ปรมัตถ์พยักหน้า
“ฉันหมายถึงส่วนนี้ มันยังไม่เคย”
คำพูดต่อมาของปรมัตถ์ทำให้ปวริศกระโดดตัวลอยหมายจะเตะให้ถูกก้น แต่ปรมัตถ์ก็เร็วมากกว่า เขาก้าวพรวดเดียวก็หลุดออกไปพ้นจากประตู แต่ปวริศก็ไม่ยอมหยุดรีบวิ่งตามไปทันทีในขณะที่อรวรรยามองเห็นภาพนั้น หล่อนรู้สึกปวดใจอย่างมาก
ความหวังที่จะได้ปรมัตถ์เป็นเขย ทรัพย์สมบัติจะได้ไม่ต้องตกไปเป็นของคนอื่น มันพังทลายลงจนหมดสิ้น มิหนำซ้ำหล่อนยังหมดโอกาสที่จะมีหลานไว้ชื่นชม ต่อจากนี้ปรมัตถ์คงมีโอกาสได้มองหาผู้หญิงอื่นมาเป็นสะใภ้ให้ เจ้าสัวเต็มยศทรัพย์สมบัติมหาศาลคงถูกเปลี่ยนมือเป็นแน่ หล่อนควรทำอย่างไรดี
เมื่อเจ้าสัวเต็มยศไปยังสถานที่นัดหมายก็ได้เจอกับดร.ดุริยะ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่ว่าดร.ดุริยะไม่ได้มาคนเดียว เขามีทอแสง ลูกสาวที่เขาตั้งใจพามาด้วย เนื่องจากเธอได้เข้าทำงานในกระทรวงในตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน มีหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานเกี่ยวกับการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาและปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อประสานงาน
การจัดเตรียมเอกสารการประชุมการจัดประชุม การจัดทำรายงานการประชุม การติดตามผลการดำเนินงานและการเข้าร่วมงานในพื้นที่ส่วนภูมิภาค และอื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมายอีกด้วย นั่นคือเหตุผลข้อหนึ่งที่ดร.ดุริยะพาเธอมาด้วย
ส่วนเหตุผลอีกข้อหนึ่งเป็นเพราะหลังจากที่ดร.ดุริยะได้พบกับปรมัตถ์ชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเอาการเอางานคนนั้นลูกชายของเจ้าสัวเต็มยศเพื่อนที่เคยสนิทสนมในอดีตแต่ห่างกันไปพักใหญ่ ทำให้เขาแอบหมายมาดบางอย่างไว้ จึงเป็นเหตุผลข้อสองที่พาทอแสงมาด้วย
แต่ว่าห่างออกไปอีกโต๊ะหนึ่งชลธิศหรืออรุณรัตนา น้องชายที่กลับกลายเป็นน้องสาวของทอแสงนั่งอยู่ที่นั่นด้วยความบังเอิญเพราะว่าเจ้าหล่อนมาเพื่อรอเพื่อนซึ่งได้นัดกันไว้ว่าจะมาเจอกัน หลังจากที่ห่างกันไปนานกว่าสามปี
“สวัสดีครับท่านปลัด”
เจ้าสัวเต็มยศเอ่ยทักเมื่อไปถึงทำให้ดร.ดุริยะรีบลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาหาเขาสัมผัสกันอย่างแนบแน่น
“ยินดีมากที่ได้เจอ”
ดร.ดุริยะเอ่ยออกมา
“นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้พบกัน”
เจ้าสัวพูดต่อ แล้วทั้งสองก็นั่งลง
“เกือบสิบปีเห็นจะได้”
ดร.ดุริยะตอบก่อนจะมองตามสายตาของเจ้าสัวเต็มยศที่มองมาหาทอแสง หญิงสาวที่สวยงามอรชรซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ พ่อ
“ทอแสง นี่เจ้าสัวเต็มยศนะลูก”
ทอแสงรีบกระพุ่มมือไหว้ชายรุ่นพ่อที่รับไหว้พร้อมกับมองหน้าเธออย่างสำรวจ
“วันนี้ที่ผมมา ไม่ได้มาในฐานะปลัดกระทรวงอย่างเดียวนะ”
ดร.ดุริยะเอ่ยขึ้นทันที
“แต่มาในฐานะเพื่อนที่ไม่ได้พบกันนาน”
เพียงเท่านั้น เจ้าสัวเต็มยศก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมา
“ยินดีมากที่สุด นี่ถ้าลูกชายผมไม่บอก เราคงไม่ได้พบกัน หรืออาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันไปจนตายจาก”
ดร.ดุริยะพยักหน้าเห็นด้วย
“ทอแสงเป็นลูกสาวคนโตของผม ตอนนี้เรียนจบปริญญาโท มารับตำแหน่งในกระทรวง”
เมื่อดร.ดุริยะรีบแนะนำก็ทำให้เจ้าสัวเต็มยศมองหน้าเธออย่างพิจารณา
“คงจะสวยเหมือนแม่ แต่ผมจำหน้าภรรยาของท่านปลัดไม่ได้ รู้แต่ว่าเธอเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดในวันนั้นที่ผมได้ไปร่วมงาน เธอเรียนจบมาระดับเดียวกันกับท่านปลัดใช่ไหม”
ดร.ดุริยะพยักหน้า
“ใช่ คุณนิลสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เธอมีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์”
“ดีจริง ๆ”
เจ้าสัวเต็มยศยิ้มแต่สายตายังมักจะตวัดมามองหน้าสาวน้อยที่อยู่ข้าง ๆ พ่อบ่อยครั้ง
“เดี๋ยวลูกชายของผมคงมา หนูจะได้หาทางเลี่ยงความเบื่อที่ต้องมานั่งคุยกับคนแก่ ไปร่วมวงกับคนหนุ่ม”
“ไม่เบื่อหรอกค่ะท่านเจ้าสัว”
เจ้าสัวเต็มยศเลิกคิ้วสูง
“เรียกลุงเถอะนะ”
เจ้าสัวบอกเธอทำให้เธอยิ้มหวาน
“ค่ะคุณลุง ขิมไม่เบื่อหรอกค่ะ ท่าทางคุณลุงใจดีและคุยสนุก”
“ปากหวานนะหลานสาว”
เจ้าสัวเต็มยศก็ประสานเสียงหัวเราะกับดร.ดุริยะเบา ๆ
“ความจริงที่ผมขอนัดพบวันนี้ก็เพื่อ..”
“ไม่มีปัญหา”
เพียงแค่ดร.ดุริยะเอ่ยปาก เจ้าสัวเต็มยศก็ยกมือโบกทันที
“เรื่องที่ดินใช่ไหม ไม่ใช่ปัญหาเลย ผมยินดีขายให้ทางกระทรวงเพื่อใช้ในการงานราชการ ในราคาที่ปลัดเสนอ”
เมื่อเจ้าสัวเต็มยศพูดออกมาเช่นนั้นก็ทำให้ดร.ดุริยะระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างโล่งอก เพราะมันง่ายกว่าที่คิด หากเป็นคนอื่นอาจจะยากกว่านี้ก็อาจจะเป็นได้
