ตอนที่ 2 จื่อหราน ?
“จื่อหรานนับวันจะยิ่งขี้เกียจ ดูสิส่ายป่านนี้ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาทำงานทำการอีก คิดว่าบ้านหลังนี้มีเงินมากพอให้นอนสบายโดยไม่ต้องทำอะไรหรืออย่างไร !”
“น้องหญิงเมื่อวานไม่ใช่ลูกบอกว่าไม่สบายหรือ ?”
“ไม่สบายอะไรกันขี้เกียจนะสิไม่ว่า”
“เจ้าเองก็อย่าคิดร้ายกับลูกมากเกินไปลูกอาจจะป่วยจริง ๆ”
“ตาเฒ่าเจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ? เจ้าปกป้องนาง !?”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าเพียงพูดตามที่ได้ยินมา นางคงไม่กล้าโกหกข้ากับเจ้า ปกตินางทำตัวเป็นเด็กดีตลอด ไม่เคยเถียงเลยสักคำไม่ว่าเราจะให้นางทำงานอะไร”
“...”เสียงสตรีเงียบไปคล้ายหยุดคิดหรือไม่ก็เห็นด้วยก่อนจะดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ตาเฒ่าข้าคิดว่าพวกเราคงต้องคิดเรื่องแต่งงานให้นาง นางอายุเกือบจะยี่สิบปีแล้วขืนปล่อยไว้อย่างนี้คงกลายเป็นสาวทึนทึก ถึงตอนนั้นคงจะขายไม่ออก ! ไม่มีบุรุษบ้านใดต้องการไปเป็นภรรยา !”
เสียงเกรี้ยวกราดไม่พอใจของสตรีดังขึ้นไม่ไกลนัก ก่อนห้องมืดสนิทจะมีแสงลอดผ่านเข้ามาให้คนในห้องขยับตัวพลิกหนีแสง
“จื่อหรานเจ้าจะนอนไปถึงเมื่อใด น้องเจ้าหลายคนต่างออกไปทำงานหมดแล้ว เจ้าคงไม่ได้กำลังคิดจะกินแรงน้องเจ้าใช่หรือไม่ !!”เสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นเหนือหัว ทั้งยังรู้สึกเหมือนห้องดูมืดลง
ท่าทีเฉยเมยไม่สนใจของคนบนเตียงทำหญิงวัยกลางคนไม่พอใจยิ่งนัก นางยื่นมือออกไปสะบัดผ้าห่มออกจากร่างตวาดเสียงดัง
“จื่อหราน ! ท่าทีของเจ้าตอนนี้มันอะไรกัน ! หรือเจ้าไม่คิดจะเห็นหัวข้าแล้ว !!”
คนถูกดึงผ้าห่มออกกระทันหันขมวดคิ้วแน่น รู้สึกหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว พอผ้าห่มถูกดึงออกไปเส้นความอดทนถึงได้ขาดผึง ลุกขึ้นหันมาสบตาอีกฝ่าย
“หัดมีมารยาทบ้าง รู้ไหมว่ากำลังรบกวนการนอนของคนอื่น!”
“...”
ท่าทีแปลกไปของคนบนเตียงทำหญิงวัยกลางคนอึ้งงัน ดวงตาเบิกกว้างมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นานนับครึ่งเฟินกว่านางจะหาเสียงตนเองเจอ ปลายนิ้วยกขึ้นชี้หน้าคู่สนทนา
“เจ้า ! เจ้า เจ้ามันอกตัญญู !!”
คนถูกชี้หน้าด่าอกตัญญูหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน
หญิงวัยกลางคนคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้มายืนชี้หน้าด่าเธอปาว ๆ ราวกับรู้จักกันเป็นอย่างดี
จื่อหรานสงสัยคิดจะเอ่ยปากออกไป ทว่าเสียงหนึ่งกับดังขึ้นขัดคำพูดเธอ
“จื่อหรานเจ้าถึงขั้นกล้าขึ้นเสียงใส่แม่เจ้าแล้วหรือ !!”
บุรุษหน้ายักษ์เดินเข้ามาด้วยท่าทีคุกคาม คนบนเตียงตวัดสายตามอง ในหัวเกิดคำถามเดิมขึ้นมาอีกครั้ง
ใครอีกล่ะเนี่ย !?
จื่อหรานทั้งสับสนและไม่เข้าใจ จำได้ว่าภาพสุดท้ายที่เห็นคือเธอพลัดตกน้ำแต่ไหนแทนที่จะกลับคืนสู่สามัญกลับมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้
“พวกท่านคือยมบาลหรือ ? มาเอาวิญญาณฉันไปนรกใช่ไหม ?”
“เจ้าพูดอันใด ? หรือกำลังแช่งให้ข้าตายเร็ว ๆ !”หญิงวัยกลางคนหน้ายักษ์ก้าวเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม สายตาเต็มไปด้วยโทสะ
“จื่อหรานเจ้าเป็นอะไรของเจ้าเหตุใดพูดจาแปลก ๆ หรือเจ้ากำลังแสร้งแกล้งทำเพื่อที่ตนจะได้ไม่ต้องทำงาน”
เธอไม่เข้าใจสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นและยิ่งไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้เป็นใครทำไมถึงพูดจาเหมือนสนิทสนมกับเธอ
หญิงสาวทำเมินทั้งสองคน ก้าวลงจากเตียง
ก่อนอื่นต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นนรกหรือสวรรค์อย่างน้อยก็ขอให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้หน่อยเถอะ
สายตาที่มองเหมือนพวกเขาเป็นคนแปลกหน้ากระตุ้นอารมณ์คนมองได้เป็นอย่างดี สองสามีภรรยาคิดก้าวเข้าไปขัดขวางการกระทำของจื่อหราน ทว่าหลังสายตาคมเจือความห่างเหินตวัดมองมาพวกเขาถึงกับหยุดชะงักไม่กล้าก้าวต่อ จนกระทั้งหญิงสาวก้าวออกจากบานประตูไปแล้ว สองสามีภรรยาถึงได้สติคืนมา
หญิงวัยกลางคนกัดฟันกรอดเอ่ยเสียงรอดไรฟัน
“จื่อหราน เจ้าถึงขั้นกล้าถลึงตาใส่ข้า หากวันนี้ข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้ดีวันหน้าเจ้าคงกล้าลงมือทำร้ายข้าแล้ว !!”
หญิงวัยกลางคนตะโกนก้องก้าวเดินตามหลังอีกฝ่ายไป ส่วนคนที่พึ่งเดินออกไปกำลังตะลึงงันกับภาพความเป็นอยู่ที่เห็น
ลานบ้านกว้างเต็มไปด้วยแปลงปลูกผัก ตัวบ้านที่มีเพียงกำแพงไม้ล้อมรอบทำให้มองเห็นว่าไม่ไกลออกมีเล้าหมูส่งเสียงร้องจิ๊ด ๆ แข่งกับเสียงไก่ซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกลมากนัก
คนสับสนก้าวเดินไปด้านหน้า สายตาสอดส่องทิวทัศน์รอบด้าน
อย่างกับหมู่บ้านแถวชนบทที่เคยเห็นในหนังย้อนยุคหลายเรื่อง เป็นภาพที่ไม่คุ้นเคยแต่กับรู้สึกคุ้นตา
จื่อหรานยังคงสับสนว่าสถานที่นี้คือที่ไหน แล้วสองคนเมื่อสักครู่เป็นใคร ตอนแรกเธอคิดจะถามพวกเขาแต่พอได้สัมผัสความไม่มีเหตุผลจากคนทั้งคู่จึงเลือกที่จะเงียบและออกมาดูด้านนอกแทน
ใครจะไปคาดคิดว่าภาพด้านนอกจะทำให้รู้สึกสับสนและไม่เข้าใจมากกว่าเดิม ในระหว่างที่จื่อหรานกำลังพยายามย่อยข้อมูลจากภาพที่เห็นไหล่ของเธอกับถูกใครบางคนกระชากให้หันหลังกลับก่อนความรู้สึกเจ็บชาจะกระทบใบหน้า
หญิงสาวยกมือขึ้นจับแก้มหันมาสบสายตาโกรธจัดของสตรีตรงหน้า
“เจ็บใช่หรือไม่ ? ที่ข้าตบเจ้าเพราะอยากให้เจ็บจะได้รู้สึกสำนึกว่าอย่าได้มาทำสายตาเช่นนี้กับแม่ของเจ้า ข้าเลี้ยงดูเจ้าไม่ดีหรือเจ้าถึงกล้าถลึงตาใส่ข้า !!”
คนถูกตบมึนงง ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดสตรีตรงหน้าถึงตบเธอ
แค่ภาพรอบข้างไม่เหมือนเดิมก็ทำจื่อหรานหงุดหงิดมากพอแล้ว ยังถูกใครก็ไม่รู้ตบเข้าจะไม่ให้หญิงสาวมึนเบลอมากกว่าเดิมได้ยังไง แต่ถึงจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน อย่างน้อยหญิงสาวก็พอจะเข้าใจราง ๆ ว่าคนตรงหน้าคิดว่าเธอคือลูกของตัวเอง
พอจับประเด็นอะไรบางอย่างได้แล้วนัยน์ตาจื่อหรานพลันเปลี่ยนเป็นตะลึงงัน
เดี๋ยวก่อนนะคนพวกนี้เข้าไปปลุกเธอในห้อง ตะโกนเรียกปาว ๆ แถมยังพูดย้ำ ๆ ว่าเธอคือลูกของพวกเขา เรื่องนี้มันหมายความว่ายังไงกัน ?
หญิงสาวไม่เข้าใจอะไรรีบมองหาอะไรบางอย่างเมื่อเจอแล้วจึงรีบก้าวเร็ว ๆ เข้าไปใกล้สองมือกำขอบอ่างน้ำแน่นชะโงกหน้าลงไป
เงาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้าทำจื่อหรานเบิกตากว้าง
“เรื่องจริงเหรอเนี่ย !!”หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเบิกกว้าง นิ่งค้างไปแล้ว
ภาพบนผืนน้ำคือใบหน้าอ่อนเยาว์ของหญิงวัยยี่สิบต้น ๆ ผิวพรรณคล้ำแดดบ่งบอกให้รู้ว่าทำงานตากแดดอยู่เสมอ แถมมือยังหยาบกร้านเหมือนคนทำงานหนัก แตกต่างจากร่างกายเดิมของเธอที่ผิวขาวผ่องเรียบเนียน
หลังได้สติขึ้นมาจื่อหรานถึงกับทรุดนั่งข้างอ่างน้ำ แข้งขาหมดแรง
“เหอะ ๆ ไม่จริงใช่ไหม เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ เหรอ”
เธอหัวเราะออกมาราวคนเสียสติ ก่อนภาพความทรงจำอันไม่คุ้นเคยจะวาบผ่านเข้ามาในหัว พร้อมอาการปวดแปล๊บราวกับสมองจะระเบิด
ใบหน้าสับสนเปลี่ยนเป็นซีดเผือด สองมือถูกยกขึ้นกุมศีรษะ ใบหน้าบิดเบี้ยว
เชี่ยเอ๊ย !! เป็นเรื่องจริง จริง ๆ เหรอเนี่ย
หญิงสาวสบถในใจพลางเหลือบสายตามองสีหน้าสับสนระคนตกใจของพวกเขา พลางคิดในใจต่อว่า
ผู้หญิงคนนี้โชคร้ายชะมัดที่เกิดมาในครอบครัวแบบนี้
